ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 949 กล่อม
ตอนที่ 949 กล่อม
ลู่เจียวกระตุกมุมปากอย่างแรง อายุเท่าไรเอง แต่นิสัยกลับดื้อดึงได้เช่นนี้
นางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยอีกครั้งว่า “เจ้าแค้นข้าที่ทำให้ซย่าหมัวมัวกับหลินหมัวมัวตายไปหรือ เจ้าไม่คิดแก้แค้นแทนพวกนางหรือ”
เด็กน้อยชะงักฝีเท้าหันกลับมาจ้องมองลู่เจียว
ลู่เจียวเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “เจ้าต้องคอยจับตามองข้าไว้ ดูว่าข้าใช่เสด็จแม่เจ้าหรือไม่ หากข้าเป็นเสด็จแม่เจ้า เจ้าก็ต้องสังหารข้าแก้แค้นให้ซย่าหมัวมัวกับหลินหมัวมัว”
เด็กน้อยเม้มปากแน่น แววตาหยิ่งยโสดื้อดึง
แต่ครั้งนี้เขาไม่ไป
ลู่เจียวเอ่ยขึ้นอีกว่า “แต่บอกก่อนนะ ข้าไม่ใช่เสด็จแม่ เจ้าห้ามวางยาข้าอีก”
เด็กน้อยไม่ได้เอ่ยอันใด
ยามนี้ลู่เจียวเหนื่อยมาก เริ่มแรกเด็กน้อยวางยาพิษนาง จากนั้นก็ต้องแสดงละคร ร่างนี้เดิมก็สุขภาพไม่ดีนัก พอผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาก็ทำเอาหมดเรี่ยวหมดแรง
“ข้าไปนอนสักครู่”
นางกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินกลับห้อง
ลู่เจียวตื่นมาอีกครั้งเพราะถูกเสียงเคลื่อนไหวในตำหนักรบกวนจนตื่น
นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นนางกำนัลสองคนข้างเตียง
ทั้งสองคนเห็นนางตื่นก็รีบถวายบังคม “บ่าวคารวะพระสนมผิน”
“พวกเจ้าคือ?”
“พวกบ่าวเป็นนางกำนัลที่สำนักส่วนในส่งมารับใช้พระสนมผินเพคะ บ่าว ชิงเหลียน”
“บ่าว ชิงอิง”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้น ชิงเหลียนกับชิงอิงสองนางกำนัลรีบเข้ามาประคองนางลุกขึ้น
ตำหนักอวิ๋นหวา นอกจากสองนางกำนัลนี้ ยังมีสองขันทีน้อย พวกเขามารับลู่เจียวกับองค์ชายเจ็ด
เจ้าของร่างเดิมกับองค์ชายเจ็ดจีซิวอยู่ตำหนักอวิ๋นหวามาหลายปี เสื้อผ้ามีไม่กี่ชุด เครื่องประดับแทบไม่มี
สุดท้ายก็ตามสองนางกำนัลกับสองขันทีไปตำหนักหย่งฝูกงตัวเปล่า
พอเจ้าของร่างเดิมออกจากตำหนักอวิ๋นหวา บรรดาพระสนมในวังก็ได้ข่าวกันทันที นังชั้นต่ำออกจากตำหนักอวิ๋นหวาแล้ว ฝ่าบาทยังแต่งตั้งเป็นพระสนมผิน พำนักตำหนักหย่งฝูกง
เดิมคิดว่านางต้องจบชีวิตลงแน่นอนแล้ว คิดไม่ถึงว่านางถึงกับนำพาตนเองกลับมาเป็นที่โปรดปรานได้อีกครั้ง
ลี่กุ้ยเหรินได้ข่าวก็ส่งเสียงตะโกนคับแค้นใจ ขว้างปาข้าวของ
นางไม่เข้าใจ เหตุใดนางผู้นั้นยังนำพาตนเองกลับมาเป็นที่โปรดปรานได้อีก
เห็นอยู่ว่าต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว ตอนนี้ดีเลย นางผู้นั้นออกมา นางกลับโชคร้าย
ยามนี้ในตำหนักหย่งฝูมีแต่นางกำนัลกับขันทีมารอต้อนรับลู่เจียวกับองค์ชายเจ็ด
ตำแหน่งพระสนมระดับผิน จะมีนางกำนัลสูงวัยคุมงานหนึ่งคน หัวหน้าสาวใช้สี่คน สาวใช้ระดับสองหกคน และสาวใช้ระดับล่างแปดคน ยังมีบ่าวหญิงกำยำทำงานใช้แรงงานอีกแปดคน
บ่าวที่ควรมีล้วนจัดสรรมาครบจำนวน ยามนี้ลู่เจียวไม่สนใจสืบที่มาที่ไปคนเหล่านี้ว่าเป็นผู้ใดส่งมา ตอนนี้ใช้งานไปก่อน วันหน้าค่อยว่ากัน
“ถวายบังคมพระสนม องค์ชายเจ็ด”
ลู่เจียวไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ หันไปมองจีซิว
เด็กน้อยแววตาเยียบเย็น มองไปที่คนเหล่านี้อย่างไม่พอใจมาก
ดูท่าเขาไม่ชอบคนเหล่านี้มาก แน่นอนว่าไม่อาจตำหนิเขา ในจำนวนคนเหล่านี้ มีไม่น้อยที่เมื่อก่อนเคยรังแกเขา ดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่ชอบพวกเขา
ลู่เจียวหันไปมองทุกคนแล้วก็ค่อยๆ กวาดตามองรอบหนึ่ง สุดท้ายเลือกขันทีท่าทางซื่อสัตย์สองคนกับนางกำนัลท่าทางซื่อสัตย์สองคนออกมา “พวกเจ้าสี่คน วันหน้ารับหน้าที่ดูแลการกินอยู่ขององค์ชายเจ็ดก็พอ”
“เพคะ พระสนม”
ลู่เจียวยังกวาดตามองทุกคน กล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่หากถูกข้าจับได้ว่าพวกเจ้าวางอุบายข้า ก็อย่าได้ตำหนิที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”
กล่าวจบก็ไม่กล่าวอันใดอีก หันหลังพาพาชิงเหลียนกับชิงอิงไปเรือนกลาง
เรือนด้านหลังตำหนักหย่งฝูกงมีพระสนมตำแหน่งฉางไจ้กับตาอิ้งพักอยู่ ทั้งสองคนรีบนำคนมาถวายบังคมลู่เจียว “ถวายบังคม พระสนมไป๋ผิน”
ลู่เจียวมองทั้งสองคนทีหนึ่ง ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “สุขภาพข้าไม่ดี วันหน้าหากฝ่าบาทเสด็จมา ก็อาจต้องการให้พวกเจ้ามาทำหน้าที่ หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
วาจานี้ก็แทบจะบอกว่าสุขภาพนางไม่ดี หากฝ่าบาทเสด็จมา นางไม่อาจถวายการปรนนิบัติได้ เป็นไปได้มากว่าจะให้พวกนางปรนนิบัติแทน
เฉินฉางไจ้กับซุนตาอิ้งดีใจอย่างมาก คุกเข่าลงขอบพระทัย “ขอบพระทัยพระสนมที่ให้การสนับสนุน พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณพระสนม”
“บุญคุณย่อมเป็นเรื่องรอง ข้าก็แค่หวังว่าพวกเจ้าจะไม่แทงข้างหลังข้า”
สองคนสีหน้าแปรเปลี่ยน รีบกล่าวว่า “พวกหม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเพคะ”
เฉินฉางไจ้กับซุนตาอิ้งไม่เป็นที่โปรดปราน ไม่ค่อยมีคนมาดึงพวกนางไปเป็นพรรคพวก ตอนนี้ลู่เจียวเอ่ยเช่นนี้ พวกนางย่อมรับรองแข็งขันว่าตนเองจะไม่เป็นคนลืมบุญคุณคน
ลู่เจียวพูดคุยพักหนึ่ง สีหน้าก็ซีดขาว หอบหายใจเป็นระยะ จากนั้นก็โบกมือให้พวกนางออกไป ยังบอกพวกนางว่า วันหน้าไม่จำเป็นต้องมาถวายคำนับบ่อยนัก
เฉินฉางไจ้กับซุนตาอิ้งเห็นนางเช่นนี้ เห็นชัดว่าสุขภาพอ่อนแอยิ่ง เกรงว่านางคงไม่อาจถวายการปรนนิบัติฝ่าบาทได้ ดังนั้นวันหน้าพวกนางก็มีโอกาสแล้ว
ทั้งสองคนดีใจอย่างมาก
ลู่เจียวบอกให้คนยกอาหารค่ำออกมา แต่จีซิวไม่ออกมา หลบตัวกินอาหารอยู่ในเรือนตนเอง
ลู่เจียวก็มิได้บังคับ น้ำแข็งไม่อาจละลายได้ในวันเดียว ค่อยเป็นค่อยไป
แต่คืนนี้ นางกำนัลจีซิวเข้ามารายงานว่า “พระสนมเพคะ ไม่ได้การแล้ว องค์ชายเจ็ดตัวร้อนเพคะ”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็ร้อนใจ ภารกิจนางก็คือทำให้ฮ่องเต้โหดกลับตัว หากเขาเกิดเรื่อง ภารกิจนางก็คงต้องล้มเหลวแล้ว
“ไป”
จีซิวหน้าแดงร้อนผ่าว สติเลื่อนลอยเอ่ยวาจาเหลวไหล “หมัวมัวอย่าตายนะ พวกเจ้าอย่าตายนะ”
“พวกเจ้ารอให้ซิวเอ๋อร์โตก่อน โตแล้วข้าจะต้องดีต่อพวกเจ้า พวกเจ้าซื้อของกินและเสื้อผ้าให้ข้า ไม่ให้ผู้ใดรังแกพวกเจ้า”
ลู่เจียวก้มตัวลงฟังแล้วก็ฟังความคิดเขาออก เขาคิดถึงสองหมัวมัว
นางอดถอนหายใจไม่ได้ สั่งการนางข้าหลวงใหญ่ชิงเหลียน “ให้คนไปตามหมอหลวงมา”
แม้ว่าลู่เจียวเป็นวิชาแพทย์ แต่ในฐานะคุณหนูตระกูลไป๋ นางไม่ควรเป็นวิชาแพทย์
หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว ตรวจอาการแล้วก็จ่ายยา ลู่เจียวรีบให้คนไปต้มยา พอคนไปกันแล้ว นางก็รีบเข้าไปนำยาลดไข้ที่นางปรุงเองออกมาจากห้วงอากาศ ป้อนให้จีซิว
เห็นเด็กน้อยขดตัวทุกข์ทรมาน นางยื่นมือออกไปกอดเขาไว้ ลูบหลังเบาๆ “เด็กดี อย่าได้เสียใจไป วันหน้าหายดีแล้ว เสด็จแม่จะดีต่อเจ้า”
พอลู่เจียวเอ่ย จีซิวก็เริ่มดิ้นรน เห็นได้ชัดมีปฏิกิริยาต่อต้านลู่เจียว ลู่เจียวรีบลูบหลังเขา ปลอบใจว่า “เด็กดี ท่านแม่จะดีต่อเจ้า”
ครั้งนี้น่าแปลกมาก ไม่ดิ้นรนแล้ว แต่กลับสะอื้นไห้ในอ้อมกอดลู่เจียวราวกับสัตว์ป่าตัวน้อย
ชิงเหลียนต้มยามารวดเร็ว ส่งให้ลู่เจียวป้อนเด็กน้อย ผ่านไปสองชั่วยาม ไข้ก็ลดลง เด็กน้อยสงบลงมาก
ลู่เจียวเหนื่อยมาก รีบกลับไปนอนที่ตำหนักบรรทม
ร่างนี้ของนางไม่ได้เรื่องจริงๆ สุขภาพย่ำแย่มาก เกรงว่าหากก่อนหน้านี้นางไม่ใช้เข็มปักสกัดจุดชีพจรไว้ ร่างกายก็คงไม่ไหวแล้ว
วันรุ่งขึ้น ลู่เจียวกำลังนอนหลับสนิท ก็มีคนเรียกนาง “พระสนม รีบตื่นเร็วเพคะ พวกเราควรไปถวายคำนับฮองเฮาแล้วเพคะ”
ลู่เจียวสะลึมสะลือเป็นนานก็ยังตั้งสติไม่ทัน ตอนนี้นางกำลังปฏิบัติภารกิจพระสนมในวัง นางต้องไปถวายคำนับฮองเฮา