ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 951 วิวาท
ตอนที่ 951 วิวาท
ลู่เจียวรีบแสดงท่าทางบอกให้ชิงเหลียนออกไปสั่งการนางกำนัลกับขันทีน้อยให้ดูแลเขาให้ดี
เพียงแต่ทุกคนเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานก็มีคนวิ่งกลับมารายงาน
“พระสนม ไม่ได้การแล้ว องค์ชายเจ็ดมีเรื่องลงไม้ลงมือกับองค์ชายห้าแล้ว ท่านรีบไปดูเร็วเพคะ”
ลู่เจียวไม่มัวคิดอะไรมาก รีบนำคนตามคนที่มารายงานไปทันที
ตลอดทางก็มิได้ลืมถามขันทีที่มารายงานว่า “อยู่ดีๆ เหตุใดออกไปก็มีเรื่องชกต่อยกันได้”
ขันทีน้อยผู้นี้คือคนที่ก่อนหน้านี้ลู่เจียวส่งไปปรนนิบัติองค์ชายเจ็ด ได้ยินลู่เจียวถามก็รีบตอบว่า “องค์ชายเจ็ดเพิ่งจะเดินออกไปไม่ไกล ก็พบกับองค์ชายห้า องค์ชายห้าพาคนมาขวางทางองค์ชายเจ็ด ไม่เพียงแต่ด่าองค์ชายเจ็ดว่าเดรัจฉาน ยังด่าพระสนม องค์ชายเจ็ดเดิมไม่คิดสนใจองค์ชายห้า ปรากฏองค์ชายห้าพุ่งเข้ามาต่อยองค์ชายเจ็ด องค์ชายเจ็ดโมโห จึงได้ลงมือชกต่อยกับองค์ชายห้าขึ้นมา”
ลู่เจียวขมวดคิ้วคิดว่าองค์ชายห้าคือผู้ใดกัน สุดท้ายนึกได้ว่าองค์ชายห้าคือโอรสในสวีเจาอี๋ ตระกูลสวีอาศัยบารมีตระกูลเฉา เป็นดังแขนที่ทรงกำลังของจวนเสนาบดี ดังนั้นสวีเจาอี๋เข้าวังมา จึงยอมลงให้เพียงฮองเฮาดังม้าวิ่งตามจ่าฝูงเท่านั้น
องค์ชายห้าของนางย่อมต้องยอมลงให้กับองค์ชายรองในฮองเฮาดังเช่นม้าวิ่งตามจ่าฝูงเช่นกัน
เพียงแต่เหตุใดวันนี้ถึงทำเช่นนี้ได้
ตามหลักการแล้วฮองเฮาน่าจะไม่ถึงกับสั่งให้คนรังแกองค์ชายเจ็ด
ลู่เจียวคิดพลางนำคนรีบเดินไป ทางสวีเจาอี๋เองพอได้ยินข่าวก็นำคนรีบมาเช่นกัน
ยามนี้บนถนนปูลาดอิฐชิงจวนในสวนดอกไม้ มีคนกดตัวเด็กคนหนึ่งเอาไว้ คนที่กดตัวเอาไว้ก็คือขันทีที่ปรนนิบัติองค์ชายห้า
เพราะคนปรนนิบัติองค์ชายห้ามีจำนวนมาก มีขันทีสองสามคนขวางขันทีสองคนที่ปรนนิบัติองค์ชายเจ็ด ส่วนนางกำนัลสองคนก็ขวางนางกำนัลอีกสองคนที่ปรนนิบัติองค์ชายเจ็ด ที่เหลืออีกสองคนตรงเข้าไปกดตัวองค์ชายเจ็ด
องค์ชายห้ากำลังชูกำปั้นสั่งการให้คนทุบตีองค์ชายเจ็ด “ตีเขาให้หนัก ตีเขา กล้ามากัดข้า ข้าจะตีเขาให้ตาย”
ลู่เจียวเดินมาเห็น สีหน้าพลันย่ำแย่อย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนเหล่านี้เห็นนางมา ถึงกับแสร้งทำไม่เห็น
ลู่เจียวก้าวเข้าไปยกเท้าถีบสองคนที่กดตัวองค์ชายเจ็ดไว้ จากนั้นก็สะบัดมือตบหน้าไปคนละที
ขันทีน้อยสองคนที่ลงมือกับองค์ชายเจ็ดถูกถีบกระเด็นออกไปแล้ว ลู่เจียวจึงได้เห็นใบหน้าเล็กผอมและดำคล้ำเล็กน้อยขององค์ชายเจ็ดถูกต่อยจนน่วม มุมปากถึงกับถูกต่อยจนโลหิตไหลซึม
ลู่เจียวเหลือบตาขึ้นมองไปยังขันทีสองคนที่ต่อยองค์ชายเจ็ด ออกคำสั่งให้ขันทีสองคนที่ตามนางมาว่า “จับตัวพวกเขาไว้”
ขันทีที่ตามมาจากตำหนักหย่งฝูกงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เข้าไปจับตัวขันทีสองคนนั้นไว้
องค์ชายห้าเห็นคนของตนเองถูกจับก็โมโหตะโกนดังขึ้นทันที “ท่านถือสิทธิ์อันใดมาจับตัวขันทีของข้า”
ยามนี้สวีเจาอี๋ได้ข่าวก็รีบมาถึงพอดี “เจาอี๋เหนียงเหนียงเสด็จ”
พอสวีเจาอี๋มาถึง องค์ชายห้าก็แผดเสียงร้องไห้ดังลั่น “เสด็จแม่ เขากัดข้า”
เขากล่าวจบก็ยกแขนส่งให้สวีเจาอี๋ดู
สวีเจาอี๋เห็นแขนบุตรชายโลหิตไหลซิบ ก็โมโหเงยหน้ามองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย ก้มหน้ามองไปยังจีซิวที่นอนอยู่บนพื้น
เห็นได้ชัดว่าจีซิวถูกต่อยสภาพอนาถอย่างมาก ไม่เพียงแต่ใบหน้าบวม แต่ตามตัวยังมีบาดแผลโดนตีหลายแห่ง ดังนั้นยามนี้เขาจึงนอนแผ่ลุกไม่ขึ้นอยู่บนพื้น
ลู่เจียวก้มลงไปอุ้มเขาขึ้นมา
สวีเจาอี๋ตรงข้ามเอ่ยว่า “พระสนมไป๋ผิน ท่านสอนบุตรชายท่านอย่างไร เขาเป็นสุนัขหรือ กัดแขนพี่น้องตนเองจนเป็นเช่นนี้”
ลู่เจียวเงยหน้ามองสวีเจาอี๋พลางกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจาอี๋เหนียงเหนียงสอนบุตรชายเป็น สอนจนเขาอ้าปากก็ด่าคน แม้ผู้อาวุโสกว่าเช่นข้าก็ยังด่าว่านังชั้นต่ำ ช่างอบรมสั่งสอนได้ดีจริง บุตรชายข้ากัดเขาแค่ทีหนึ่ง แต่ท่านดูบุตรชายข้าบาดเจ็บเพียงใด”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่สนใจสวีเจาอี๋ด้านหลังอีก หันหลังอุ้มจีซิวเดินไปยังห้องทรงอักษรของฮ่องเต้
จีซิวสลบไปตลอดทาง ลู่เจียวถือโอกาสตอนไม่มีผู้ใดสังเกต รีบหยดน้ำพุจิตวิญญาณสองสามหยดให้จีซิวกินลงไป พอได้กินน้ำพุจิตวิญญาณ แม้จีซิวยังคงสลบ แต่ใบหน้ากลับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สวีเจาอี๋ด้านหลังมองลู่เจียวอุ้มจีซิวเดินตรงไปห้องทรงอักษร แสดงให้เห็นว่าจะไปฟ้องฮ่องเต้
แม้สวีเจาอี๋ไม่กลัว แต่อย่างไรก็ยังกลัวว่าฮ่องเต้จะตำหนิ ดังนั้นนางจึงจูงมือบุตรชายเดินไปห้องทรงอักษรเช่นกัน องค์ชายห้าตะโกนร้องเจ็บไม่หยุด
สวีเจาอี๋ส่งสายตาจ้องใส่บุตรชายทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ อยู่ดีๆ ไปด่าองค์ชายเจ็ดทำไมกัน
ลู่เจียวอุ้มจีซิวมาถึงหน้าประตูห้องทรงอักษรก็ลงคุกเข่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุกข์ตรมว่า “ขอฝ่าบาทมีราชโองการให้หม่อมฉันสองคนแม่ลูกออกจากวังหลวงไปรักษาตัวด้วยเพคะ”
มหาขันทีชิ่งเซิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก ก็รีบวิ่งออกมาดู ก่อนจะรีบเข้าไปรายงานจีชาง
จีชางได้ยินรายงานก็บอกให้ชิ่งเซิงให้นางเข้ามาได้ จากนั้นสวีเจาอี๋ก็มาพอดี จึงได้ตามเข้าไปด้วย
พอลู่เจียวเข้าไปก็น้ำตารื้นมองฮ่องเต้ “ขอฝ่าบาทมีราชโองการให้หม่อมฉันกับซิวเอ๋อร์ออกจากวังหลวง ไปพักรักษาตัวที่วัดนอกวังด้วยเพคะ หากให้พวกเราแม่ลูกอยู่ในวังต่อ เกรงว่าพวกเราแม่ลูกก็คงหามีชีวิตไม่แล้วเพคะ”
จีชางมองไปยังลู่เจียวกับจีซิวในอ้อมกอดนาง สองแม่ลูกดูแล้วน่ารันทดใจอย่างที่สุด
เพียงแต่จีชางไม่ทันได้พูดอะไร สวีเจาอี๋ก็เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท องค์ชายเจ็ดต่อยองค์ชายห้าก่อน องค์ชายห้าจึงได้สั่งให้คนลงมือกับองค์ชายเจ็ด”
สวีเจาอี๋กล่าวจบก็มองไปยังองค์ชายห้า องค์ชายห้าแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น ร้องไปก็ยกแขนไป “เสด็จพ่อ หม่อมฉันเจ็บ”
จีชางมองไปยังแขนองค์ชายห้า แม้ว่ายังมีโลหิตไหลซึม แต่เพราะองค์ชายเจ็ดตัวเล็ก ดังนั้นจึงเป็นแผลเล็ก
จีชางดูองค์ชายห้าเสร็จ ก็มองไปยังองค์ชายเจ็ด จมูกเขียวปูดใบหน้าบวมช้ำ สภาพน่าอนาถมาก
ลู่เจียวไม่รอให้จีชางเอ่ยก็มองไปยังขันทีด้านหลัง ขันทีรู้งาน รีบรายงานว่า “ทูลฝ่าบาท องค์ชายห้านำคนมาขวางทางองค์ชายเจ็ด ไม่เพียงแต่ด่าองค์ชายเจ็ดว่าเดรัจฉาน ยังด่าพระสนมไป๋ผินว่านังชั้นต่ำ องค์ชายเจ็ดทนไม่ไหวที่เขาด่าเสด็จแม่พระองค์ ดังนั้นจึงได้กัดเขา”
ลู่เจียวรู้ว่าจีซิวมิได้กัดองค์ชายห้าเพราะเขาด่านางเป็นแน่ หากไม่เหนือความคาดหมาย คงเพราะองค์ชายห้าขวางทางเขา
ลู่เจียวคิดไปก็ร้องไห้โฮขึ้นมา “ฝ่าบาท ล้วนเพราะหม่อมฉันไร้สามารถ ทำให้บุตรชายลำบากไปด้วย แต่หม่อมฉันอยากขอถามสักคำ บุตรชายหม่อมฉันไม่ดีอย่างไรก็เป็นสายพระโลหิตฝ่าบาท โอรสฝ่าบาทไยต้องถูกขันทีทำร้ายทุบตีด้วย”
สีหน้าจีชางย่ำแย่อย่างที่สุด
ปกติเขาเองก็รังเกียจฮองเฮา พระสนมเอกและสวีเจาอี๋พวกนี้ที่ล้วนมีตระกูลมากมายคอยหนุนหลัง แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ แม้รับมือสตรีเหล่านี้ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจัดการขันทีไม่ได้เช่นกัน
จีชางสีหน้าเคร่งเครียดรับสั่งดุดันว่า “ทหาร ลากตัวบ่าวเหิมเกริมที่กล้าลงมือกับองค์ชายเจ็ดออกไปโบยให้ตาย”
ชิ่งเซิงรีบโบกมือสั่งให้คนพาขันทีสองคนที่รุมตีจีซิวออกไปโบยให้ตาย
หางตาลู่เจียวมีแต่แววตาเย็นเยียบ ที่นางต้องการให้โบยบ่าวสุนัขพวกนี้ ก็เพื่อสอนให้คนเหล่านี้รู้ว่า แม้จีซิวไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ก็เป็นโอรสฮ่องเต้ ไม่ควรถูกขันทีและนางกำนัลรังแก
หลังเกิดเหตุวันนี้ เชื่อว่าขันทีและนางกำนัลในวังจะไม่กล้าลงมือกับจีซิวโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีก