ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 953 เทพธิดา
ตอนที่ 953 เทพธิดา
ลู่เจียวมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเขา “ไม่เรียนกับข้า ข้าจะไปทูลเสด็จพ่อเจ้าว่าให้ส่งเจ้าไปเรียนที่สำนักกั๋วจื่อเจี้ยน”
จีซิวรีบหุบปากทันที หากเป็นเช่นนั้น เขาเรียนกับนางดีกว่า เทียบกับความรังเกียจที่มีต่อนางแล้ว เขารังเกียจพี่น้องพวกนั้นมากกว่า แน่นอนว่านางตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่นางเมื่อก่อน
เมื่อก่อนนางผู้นั้นทำให้เขาโกรธแค้นจริง
จีซิวหันไปมองลู่เจียว เอ่ยขึ้นอีกว่า “เจ้าเป็นเทพธิดาลงมาปกป้องข้าจริงหรือ”
พอลู่เจียวได้ฟังก็ดีใจ นี่คือโอกาสแล้ว
นางมองจีซิวด้วยสีหน้าจริงจัง ยืนยันว่า “ใช่ ข้าเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ลงมาปกป้องเจ้าโดยเฉพาะ หรือว่าข้าลองใช้วิชาเซียนให้เจ้าดูดีหรือไม่”
จีซิวจ้องมองนาง “ตกลง”
ลู่เจียวรีบแวบตัวเข้าไปในห้วงอากาศ จีซิวมองนางหายวับไปตาค้าง
เขาตกใจนิ่งอึ้ง ดังนั้นคนผู้นี้ก็คือเทพธิดาจริงๆ หากไม่ใช่เทพธิดาคงไม่มีทางหายตัวไปเช่นนี้ได้
ในตอนนั้นเอง เขาก็กลัวว่าเทพธิดาจะจากไป จึงร้องเรียกอย่างร้อนใจ “เจ้า เจ้าออกมา”
ลู่เจียวรับคำปรากฏตัว ในมือถือคัมภีร์สามอักษรเล่มหนึ่ง
“ตอนนี้เจ้าเชื่อว่าข้าเป็นเทพธิดามาปกป้องเจ้าแล้วหรือยัง
จีซิวมองนาง ในที่สุดในแววตาก็ไร้ความเคียดแค้นชิงชัง เขามองนางพยักหน้าเต็มแรง “ข้าเชื่อแล้ว”
“เช่นนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราก็จะเรียนคัมภีร์สามอักษรกัน วันหน้าข้าจะสอนหนังสือเจ้า สอนเจ้ารับมือศัตรู สอนเจ้าเล่น สอนเจ้าเรียนการใช้พิชัยสงคราม สอนหลักการเป็นราชัน”
“ตกลง”
ตั้งแต่ลู่เจียวพาจีซิวหลบไปอยู่ตำหนักหย่งฝูกง ขันทีกับนางกำนัลในวังต่างไม่กล้ามาหาเรื่องพวกนางแม่ลูก เพราะการจัดการของนางก่อนหน้านี้ นับประสาอันใดกับฝ่าบาทเสด็จมาประทับตำหนักหย่งฝูกงบ่อยครั้ง แม้ว่าไม่ได้อยู่ค้างคืน แต่มองออกว่าฝ่าบาทให้ความใส่ใจพระสนมไป๋ผิน ในวังพลันไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่องพวกนางแม่ลูก
แม้ว่าสวีเจาอี๋โมโหมาก แต่กลับไม่กล้ามาหาเรื่องถึงที่
ส่วนลู่เจียว ไม่เพียงแต่ปลูกสมุนไพรในสวนดอกไม้ด้านหน้า ยังรื้อสวนดอกไม้ด้านหลังตำหนักหย่งฝูกงสร้างเป็นที่พักผ่อนเล่นสนุกของจีซิวทั้งหมด
ยิ่งนางแสดงความสามารถมาก จีซิวน้อยก็ยิ่งเชื่อว่าหญิงตรงหน้าผู้นี้คือเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาปกป้องเขา เด็กน้อยนับวันยิ่งติดลู่เจียวไม่ยอมห่าง นางคล้ายดังแสงตะวันของเขา
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าวันหน้าทำภารกิจเสร็จจากไป เด็กน้อยคงไม่กลายเป็นคนจิตใจมืดบอดต่อกระมัง
คิดจนสุดท้ายรู้สึกปวดหัวจึงไม่คิดต่ออีก
สามเดือนต่อมา ลู่เจียวได้ยินข่าวหนึ่งจากปากคนในวังว่า เสนาบดีเฉาเป็นโรคลม[1]ขึ้นมากะทันหัน ไม่อาจเอ่ยวาจาได้ นอนอยู่บนเตียงกินดื่มถ่ายหนักเบาล้วนไม่อาจจัดการด้วยตนเองได้
ลู่เจียวได้รับข่าวนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ ดูท่าฝ่าบาทลงมือกับเสนาบดีเฉาแล้ว ไม่เลว ไม่เลว
ตกค่ำ จีชางมากินข้าวกับพวกนางสองคนแม่ลูก บนโต๊ะอาหารเย็น เขาทำเหมือนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนักว่า “จู่ๆ เสนาบดีเฉาก็เป็นโรคลมจนอัมพาตแล้วหรือ”
ลู่เจียวรีบทำสีหน้าซีดตกใจมองจีชาง “เสนาบดีเฉาอยู่ดีๆ เป็นโรคลมกะทันหันได้อย่างไร เขาเป็นเสาหลักแคว้นเหยา หากเกิดเหตุขึ้นจะทำอย่างไร”
จีชางเงยหน้ามองลู่เจียวที่ร้อนใจ มองไม่เห็นอาการผิดปกติของนางแม้สักนิดก็อดผ่อนคลายความระแวงลงไม่ได้ คลายคิ้วที่ขมวดปมพลางถอนหายใจเอ่ย “เราเองก็ปวดหัวมาก ส่งหมอหลวงหลายคนไปช่วยรักษาอาการให้เขา ไม่รู้ว่ารักษาได้หรือไม่”
กล่าวจบเขาก็มองไปยังลู่เจียวอีก “ยาเจ้าชุดนั้นอย่าได้ใช้อีก ไม่ดีต่อสุขภาพเจ้า”
ลู่เจียวรีบรับคำเสียงหนึ่ง พอฮ่องเต้ตรัสจบ นางก็แสร้งไอพอดีพร้อมกับหอบหายใจรุนแรง เพียงแค่กินอาหารมื้อหนึ่งก็หมดเรี่ยวแรงเช่นนี้
จีชางไม่ได้กล่าวอันใดต่อ คิดถึงว่าหญิงผู้นี้เป็นเช่นนี้เพราะเขา ในใจเขาก็พลันรู้สึกเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่คิดมากต่อ
“เจ้ากินเสร็จก็ไปพักผ่อนรักษาสุขภาพให้ดี”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”
จีซิวจ้องมองลู่เจียว จากนั้นก็ตามหลังนางไปส่งจีชาง
ลู่เจียวหันไปมองจีซิว รู้ว่าเหตุใดเด็กน้อยลังเล เห็นชัดว่าต่อหน้าเขา นางสุขภาพดีมาก เหตุใดต่อหน้าคนผู้นี้กลับมีท่าทางอ่อนแอ
ลู่เจียวยิ้มลูบศีรษะเขาเอ่ยว่า “เจ้าก็ต้องลองใช้สมองน้อยๆ ของเจ้าคิดดูบ้าง คิดให้จริงจังว่า เหตุใดข้าจึงต้องทำเช่นนี้”
จีซิวเอาศีรษะถูไถฝ่ามือลู่เจียว ในใจลืมเรื่องที่ลู่เจียวบอกให้คิดไปแล้ว
เทพธิดาอบอุ่นจริงๆ ยังดีต่อเขามาก วันหน้าเขาโตขึ้นจะต้องกตัญญูต่อนาง หากผู้ใดรังแกนาง ไม่ฟังคำนาง เขาจะสับพวกนั้นทิ้ง
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดจีซิว จึงพาเขาไปอ่านนิทาน
ตำหนักเฟิ่งหยางกง
สีหน้าฮองเฮาย่ำแย่ไม่อาจบรรยาย ถามหมัวมัวข้างกายอย่างร้อนใจยิ่งว่า “ท่านพ่อเป็นโรคลมกะทันหันหรือ เป็นไปได้อย่างไร หมอมาตรวจแล้วหรือยัง หมอว่ามีโอกาสหายหรือไม่”
หมัวมัวรีบตอบว่า “ตามแล้วเพคะ แต่หมอบอกว่ายากที่จะหายดีดังเดิมได้”
ฮองเฮาสีหน้าดำทะมึน เดินไปมาในพระที่นั่งอย่างร้อนใจ “เหตุใดเป็นเช่นนี้ไปได้ เหตุใดเป็นโรคลมขึ้นมากะทันหันได้”
นางกับบุตรชายล้วนอาศัยบารมีบิดา แม้ว่าความสามารถพี่ชายนางจะไม่เลว แต่ไหนเลยจะมีบารมีดังเช่นบิดาได้ ตอนนี้บิดาเป็นโรคลมกะทันหันจนเป็นอัมพาต บุตรชายของนางยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท
หมัวมัวรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาทส่งหมอหลวงไปตรวจนายท่านหลายคนแล้ว ฮองเฮาอย่าได้ทรงเป็นห่วง”
หมัวมัวกล่าวจบ ฮองเฮาก็ชะงักกึก สีหน้าคล้ายครุ่นคิด ฝ่าบาทไม่ชอบตระกูลเฉา เรื่องนี้นางพอรู้อยู่
หากบิดาเป็นโรคลมจนเป็นอัมพาต คนที่ดีใจที่สุดย่อมไม่มีผู้ใดเกินฝ่าบาท จะทรงให้หมอหลวงรักษาบิดาให้หายหรือ เห็นชัดว่าน่าขันสิ้นดี ดังนั้นตระกูลพวกเขาไม่อาจคาดหวังกับหมอหลวง
“เจ้าส่งคนออกจากวังหลวงไปที่จวนบอกว่าให้ไปเชิญหมอมาอีกคน จะต้องรักษาบิดาให้หายให้ได้ หากรักษาไม่หายจริง ก็ให้บิดาส่งคนเสนอฎีกาแต่งตั้งรัชทายาท”
ความจริงฮองเฮามักรู้สึกว่าฝ่าบาทไม่ได้อ่อนแอเหมือนดังที่พวกนางคิด เช่นเรื่องที่ตอนนี้มีนางเป็นฮองเฮา เขาก็ยังตั้งบุตรีจงหย่งโหวเป็นพระสนมเอก
แม้โอรสนางเป็นโอรสที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก แต่โอรสพระสนมเอกก็เป็นโอรสองค์โต ในราชสำนักล้วนมีความเห็นต่างกันในเรื่องแต่งตั้งรัชทายาทมาโดยตลอด
พรรคพวกพระสนมเอกก็เสนอให้แต่งตั้งโอรสองค์โต พรรคพวกฮองเฮาก็เสนอให้แต่งตั้งโอรสที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก สรุปตอนนี้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท
ฮองเฮาส่งจดหมายออกจากวังหลวงแล้ว ตระกูลเฉาได้ไปหาหมอที่มีชื่อเสียงในใต้หล้ามารักษาเสนาบดีเฉาจริง เพียงแต่น่าเสียดายคนพวกนั้นรักษาไม่ได้ สุดท้ายในราชสำนักก็เกิดกระแสคลื่นลมเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาท
สองพวกมีเรื่องกันในราชสำนักทุกวัน บ้างก็เสนอให้แต่งตั้งองค์โต บ้างก็เสนอให้แต่งตั้งองค์ที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก
ทั้งราชสำนักเต็มไปด้วยความอึมครึม สุดท้ายทุกคนถูกฝ่าบาทตำหนิยกใหญ่
ในวังหลังก็มีคนพากันหวาดหวั่น หลายคนพอเห็นว่าเสนาบดีเฉาคุมไม่อยู่แล้ว ก็หนีไปพึ่งพาฝ่ายพระสนมเอก ฮองเฮาปาข้าวของในตำหนักเสียหายทุกวัน
เทียบกับความวุ่นวายพวกนี้แล้ว ในตำหนักหย่งฝู ลู่เจียวกับจีซิวมีชีวิตที่สงบสุขมาก จีซิวไม่ได้ตัวผอมดำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ตอนนี้ถูกเลี้ยงดูจนอ้วนขาวละมุน แม้ว่าบนใบหน้ายังคงมีเนื้อหนังไม่มาก แต่ก็น่ารักขึ้นมาก
ลู่เจียวพบว่าโครงหน้าเขาค่อนข้างชัดกว่าผู้อื่น เป็นรูปสามเหลี่ยมกระจับอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาดำขลับ ทั้งดำทั้งลุ่มลึก คล้ายหลุมลึกที่กระแสลมไม่อาจพัดผ่าน แต่ระยะนี้หลุมลึกเงียบสงัดนี้คล้ายมีแสงสาดส่องขึ้น
ลู่เจียวเห็นแล้วก็พึงพอใจมาก เด็กน้อยที่เคยไม่สนใจอันใด ตอนนี้เอาแต่ตามติดนาง ตกค่ำก็ตามมานอนกับลู่เจียว
[1] โรคลม (中风) โรคหลอดเลือดสมอง