ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 955 สวรรคตแล้ว
ตอนที่ 955 สวรรคตแล้ว
ทุกคนเดินทางตรงไปเมืองหลวงตลอดคืน แต่พอถึงเมืองหลวง พวกเขากลับไม่ได้เข้าเมืองทันที หากไปพักอยู่ที่เรือนพักตากอากาศนอกเมืองทางใต้แห่งหนึ่ง
องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองพิการแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงองค์ชายสามร้ายกาจที่สุด
ลู่เจียวแอบให้คนแสร้งเผยเรื่องที่ฝ่าบาทคิดแต่งตั้งองค์ชายเจ็ดเป็นรัชทายาทแคว้นเหยาต่อหน้าองค์ชายสาม และปล่อยข่าวว่าแอบส่งคนไปตามตัวองค์ชายเจ็ดจากด่านชายแดนให้กลับเมืองหลวง
องค์ชายสามย่อมนั่งไม่ติด หารือแผนรับมือกับที่ปรึกษาทั้งคืน สุดท้ายมีที่ปรึกษาผู้หนึ่งเสนอให้สังหารฮ่องเต้และขึ้นครองราชย์แทน ถือโอกาสขึ้นครองบัลลังก์ตอนที่องค์ชายเจ็ดยังไม่กลับมาเมืองหลวง
พอองค์ชายเจ็ดกลับมา องค์ชายสามก็ครองราชย์เป็นฮ่องเต้แล้ว หากองค์ชายเจ็ดกล้าไม่ยินยอม หาเรื่ององค์ชายสาม เช่นนั้นก็ให้ลงโทษล่วงเกินเบื้องสูง องค์ชายสามมีราชโองการประหารเขาได้
องค์ชายสามถูกที่ปรึกษากล่อมสำเร็จ ทุกคนเริ่มวางแผนกัน
ลู่เจียวกับจีซิวได้ข่าววงในอย่างรวดเร็ว ส่งคนไปซุ่มในวังรอคอยให้องค์ชายสามลงมือ
สามวันต่อมา องค์ชายสามจะวางยาฮ่องเต้ แล้วก็จะบีบให้ฮ่องเต้มีราชโองการสละราชย์ให้เขา
ขณะที่ฮ่องเต้กำลังร่างพินัยกรรมมอบราชบัลลังก์ด้วยอาการพระวรกายสั่นเทา องค์ชายเจ็ดจีซิวก็นำทหารปรากฏตัวขึ้นจับตัวองค์ชายสามเอาไว้ได้ ฮ่องเต้เห็นองค์ชายเจ็ดก็ดีพระทัยตื่นเต้นจนหมดพระสติไป
จีซิวเรียกขุนนางในเข้าวังมาประชุมหารือเรื่องการขึ้นครองราชย์ในคืนนั้น
ยามนี้ขุนนางในราชสำนักจึงได้ตกใจที่รู้ว่าองค์ชายที่ร้ายกาจที่สุดในแคว้นเหยาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นองค์ชายเจ็ดจีซิว
เทียบกับองค์ชายหลายพระองค์ตรงหน้าที่ล้วนไม่ได้ความแล้ว ได้เห็นองค์ชายเจ็ดที่ไม่เพียงแต่กุมอำนาจการทหารด่านเจียไห่ ยังควบคุมการเคลื่อนไหวในเมืองหลวง
ตอนนี้องค์ชายใหญ่ตาบอด องค์ชายรองขาพิการ องค์ชายสามก่อกบฏ ก็เหลือเพียงองค์ชายห้าตัวอ้วน องค์ชายห้าหรือจะคิดครองบัลลังก์ เขากล้าแย่งชิงกับองค์ชายเจ็ดหรือ
ไม่เอ่ยถึงเขา แค่ขุนนางในราชสำนักก็ยังไม่กล้า ดูแล้วไม่ควรมีเรื่องกับองค์ชายเจ็ด
ขุนนางในราชสำนักผู้ใดก็ไม่กล้าคัดค้าน ต่างคุกเข่าลงเอ่ยพร้อมเพรียง ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี
พอจีชางฟื้นขึ้นมา ฮ่องเต้หนุ่มก็ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แล้ว เขาได้กลายเป็นไท่ซั่งหวง
แต่จีชางสุภาพย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก เดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว มาถูกบุตรชายวางยาอีก ตอนนี้เขาก็คือชายชราในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว
แต่แม้สุขภาพอ่อนแอ ทว่าสมองยังกระจ่างชัด เขามองจีซิวในชุดมังกรสีทอง ยิ้มเฝื่อนเอ่ยว่า “บนโลกใบนี้ ผู้ที่ฉลาดที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่คือท่านแม่เจ้า”
จีซิวมองบิดาตนเองผู้นี้ด้วยเรียวตาโค้งเล็กน้อย อารมณ์ดีอย่างที่สุด
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เรื่องแรกที่มีราชโองการก็คือแต่งตั้งมารดาตนเองเป็นไทเฮาแคว้นเหยา ประทับตำหนักฉางโซ่วกง
ส่วนพระสนมนางในของไท่ซั่งหวง ถูกจีซิวขับออกไปอยู่วัดหวาอันสวดมนต์ขอพรให้ไท่ซั่งหวง
แต่ในจำนวนนี้ มีสองคนที่ไม่ปล่อยให้ไป
ลี่กุ้ยเหรินกับสวีเจาอี๋
ทั้งสองคนตอนนั้นเคยรังแกลู่เจียว จีซิวมีราชโองการให้พวกนางอยู่ต่อ
จีซิวให้ทั้งสองคนอยู่ต่อ ก็เพื่อให้ลู่เจียวจัดการนางทั้งสองคน
“ท่านแม่ ท่านต้องการจัดการพวกนางเยี่ยงไร ควักลูกตาพวกนาง ลอกหนังพวกนาง จับพวกนางไปแช่ในไหสุรา”
ฮ่องเต้หนุ่มองอาจน่าเกรงขาม แต่วาจาที่เอ่ยออกมามีแต่กลิ่นคาวโลหิตเหี้ยมโหด
ลี่กุ้ยเหรินกับสวีเจาอี๋สีหน้าซีดเผือด รีบลงคุกเข่าดังตึงพลางโขกศีรษะขอร้อง
“ฝ่าบาท โปรดละเว้นด้วยเพคะ หม่อมฉันควรตาย แต่ขอให้หม่อมฉันตายสภาพศพสมบูรณ์ด้วยเพคะ”
“ขอทรงพระราชทานสุราพิษหม่อมฉันหนึ่งจอกเพคะ”
ตอนนี้พวกนางคิดเพียงตายในสภาพศพสมบูรณ์ ไม่คิดตายอนาถเช่นนั้น
ลู่เจียวค้อนจีซิวทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ “เอาล่ะ อย่าขู่พวกนางเลย ให้คนพาพวกนางไปวัดหวาอันสวดมนต์ขอพรให้เสด็จพ่อเจ้าได้แล้ว”
จีซิวมองไปยังสตรีทั้งสองด้วยแววตาดุดัน สตรีสองนางตัวสั่นงันงก
ลู่เจียวไม่สนใจจีซิว เรียกคนเข้ามา “พากุ้ยเหรินกับสวีเจาอี๋ไปส่งที่วัดหวาอันสวดมนต์ขอพรให้ไท่ซั่งหวง”
ขันทีรับคำรับพระบัญชา พาทั้งสองคนออกไป
ในพระที่นั่ง ฮ่องเต้รอคนออกไปแล้ว ก็ยิ้มเดินไปตรงหน้าลู่เจียวอย่างเบิกบานใจ พลางดึงนางมานั่ง
“ท่านแม่ ไม่สนุกหรือ ขู่พวกนางให้กลัวเล่นๆ”
ลู่เจียวยิ้มมองจีซิว แม้ว่าเขายังคงมีความโหดเหี้ยมและกลิ่นอายกระหายโลหิต แต่ก็คงไม่ได้เป็นฮ่องเต้โฉดโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายแล้วกระมัง
นางนับว่าทำภารกิจสำเร็จแล้ว เพียงแต่หากนางจากไปตอนนี้ จีซิวก็จะอยู่ตัวคนเดียว
ลู่เจียวมองไปยังจีซิว “ซิวเอ๋อร์ เจ้าสิบแปดแล้ว ควรเลือกฮองเฮาได้แล้ว แม่ตัดสินใจว่าจะเลือกฮองเฮาให้เจ้า เจ้าชอบหญิงสาวแบบใด”
จีซิวขมวดคิ้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ไม่เลือก ไม่อยากเลือก ท่านแม่ พวกเรามีชีวิตกันไปสองแม่ลูกไม่ดีหรือ”
ลู่เจียวค้อนขวับใส่เขาทันที “วังใหญ่โตเพียงนี้แต่พวกเราสองคนไม่เงียบเหงาหรือ เจ้าไม่รังเกียจความเงียบเหงา แต่ข้ารังเกียจ”
“เช่นนั้นสตรีเหล่านี้เข้ามาเป็นเพื่อนท่านแม่ ท่านแม่ว่าผู้ใดเชื่อฟังก็ให้ผู้นั้นเข้าวังมาก็แล้วกัน”
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงดำพาดผ่าน “เจ้าพูดจาอันใดกัน เจ้าแต่งภรรยา ไม่ใช่แม่แต่งเสียหน่อย”
“ข้าไม่รู้สึกสนใจเรื่องภรรยาอันใด”
ลู่เจียวกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ซิวเอ๋อร์ แม่อายุมากแล้ว ไม่แน่ว่าวันใดก็อาจจากไปได้ทุกเมื่อ เจ้าต้องหาคนมาเป็นเพื่อนเจ้าสักคน”
จีซิวปฏิเสธทันที “ท่านแม่ ท่านอย่าขู่ข้า ท่านเป็นเทพธิดา ไม่มีทางตาย”
ลู่เจียวปวดหัวมาก โมโหกล่าวว่า “สรุป ฮองเฮาเจ้าไม่เลือกก็ต้องเลือก”
จีซิวเห็นนางโมโหก็รีบพยักหน้า “เลือกๆ เลือกตอนนี้เลย”
ลู่เจียวใช้เวลาหนึ่งปีกว่าเต็มๆ เลือกฮองเฮาให้จีซิว แน่นอนว่าฮองเฮาผู้นี้เขาเองก็ชอบด้วย
หลังจีซิวอภิเษกได้ครึ่งปี ลู่เจียวก็เริ่มสุขภาพย่ำแย่ลง
ตอนแรกจีซิวไม่เชื่อว่านางสุขภาพย่ำแย่ลง รู้สึกว่าลู่เจียวกำลังหลอกเขา แต่พอรับรู้ว่าสุขภาพลู่เจียวย่ำแย่ลงจริงๆ
เขาก็แตกตื่นตกใจ ไม่เพียงแต่ให้หมอหลวงในวังมารักษาลู่เจียว ยังมีราชโองการประกาศหาหมอมีชื่อเสียงทั่วหล้า หากผู้ใดรักษาไทเฮาได้ ไม่เพียงแต่เป็นขุนนางได้ แต่ยังได้รับพระราชทานที่ดินพันหมู่ ทองคำหมื่นตำลึง
น่าเสียดายไม่ว่าหมอมีชื่อคนใดก็รักษาลู่เจียวไม่ได้ สุขภาพลู่เจียวอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ความจริงหากไม่ใช่ว่าเป็นห่วงจีซิว นางก็คงจากไปนานแล้ว แต่นางมองออกว่าจีซิวทำใจไม่ได้ ได้แต่ ยื้อเวลาให้นานขึ้น
“ซิวเอ๋อร์ เจ้าโตแล้ว แม่ก็ควรจากไปได้แล้ว เจ้าอย่าได้เสียใจ แม่ไม่ได้ตาย แต่ภารกิจแม่สำเร็จ ควรกลับไปยังที่เดิมที่จากมาได้แล้ว”
จีซิวลงคุกเข่า ฮ่องเต้อายุสิบเก้าชันษาหลั่งพระอัสสุชลนองพระพักตร์ดึงมือนางไว้ ตรัสว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าไป ท่านอยู่กับข้าได้หรือไม่ ข้าทำใจยอมรับให้ท่านจากไปตอนนี้ไม่ได้”
ลู่เจียวยื่นมือไปลูบศีรษะเขา “ซิวเอ๋อร์ ข้ากับเจ้ามีวาสนาได้เป็นแม่ลูกกันชาติหนึ่ง หากชาตินี้เจ้าพยายามปกครองแผ่นดินให้ดี ชาติหน้าเจ้าก็จะได้เกิดเป็นบุตรชายแม่อีก ดังนั้นชาตินี้เจ้าจะต้องดูแลแคว้นเหยาให้ดี รอชาติหน้า เจ้าก็จะได้เป็นบุตรชายของแม่”
วาจาลู่เจียวทำจีซิวตกใจ เขามองลู่เจียว พลางเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ท่านแม่ ท่านพูดจริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้าเต็มแรง “แม่เคยหลอกเจ้าเมื่อใดกัน”
เมื่อก่อนไม่เคยหลอก แต่วาจานี้หลอกจีซิว เพราะคำโกหกนี้ จีซิวน่าจะไม่กลายเป็นคนเลว
ดังคาด จีซิวได้ฟังคำลู่เจียวก็เข้าไปกุมมือนางเอาไว้แน่น “ท่านแม่ ชาติหน้าท่านอย่าได้ทิ้งบุตรชายไปเร็วเช่นนี้อีกได้หรือไม่”
ลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ ชาติหน้าแม่จะมีอายุร้อยปี รอเสวยวาสนาสุขจากเจ้า”
“ตกลง เช่นนั้นพวกเราก็ตกลงกันว่าชาติหน้าจะยังคงเป็นแม่ลูกกันอีก”
“ตกลง”
ในพระที่นั่งพลันมีเสียงร้องไห้เศร้าสลดดังขึ้น “ไทเฮาสวรรคตแล้ว”