ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 958 ความรัก
ตอนที่ 958 ความรัก
ฮูหยินหวางเห็นบุตรสาวเช่นนี้ ในใจนางเองก็ทนดูไม่ไหว แต่หากนางไม่เอ่ยให้กระจ่าง บุตรสาวก็จะคิดเช่นนี้ต่อไป
ฮูหยินหวางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยต่ออีก แต่ฮองเฮาเอาแต่นั่งเหม่อลอยไร้ปฏิกิริยา ฮูหยินหวางไม่รู้ว่านางฟังเข้าหูหรือไม่ ได้แต่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมต่อไป
“เหยาเอ๋อร์ เชื่อฟังท่านแม่ วันหน้าอย่าได้เอาแต่ใจ อย่าได้ถือว่าฝ่าบาทโปรดปราน เจ้าก็จะกระทำตามอำเภอใจ เจ้าได้รับพระเมมตาจากฝ่าบาท ควรรู้สึกขอบพระทัยในน้ำพระทัย วันหน้าดีต่อบิดามารดาเลี้ยงของฝ่าบาทให้ดี ต้องกตัญญูต่อพวกท่านให้มากกว่าบิดามารดาแท้ๆ จำไว้ เขาทั้งสองก็คือบิดามารดาสามีเจ้า เจ้าทำให้ฝ่าบาทเสียพระทัย เจ้าเองก็อย่าได้เอาแต่โมโหใส่ฝ่าบาท คนเราหากหมดใจ จะให้อุ่นขึ้นมาในบัดดลนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป ค่อยเป็นค่อยไป เจ้ากับฝ่าบาทมีบุตรกันถึงสามคน หากเจ้ามีใจคิดสานสัมพันธ์กลับคืน แม้ไม่อาจกลับเป็นเช่นดังเดิมก็ไม่เป็นไร ฝ่าบาทเองก็คงเห็นแก่บุตรของเจ้า ไม่ทำอันใดเจ้า”
ฮูหยินหวางยังคงเชื่อว่าบุตรที่ตระกูลเซี่ยอบรมมา ย่อมไม่ใช่คนไร้หัวใจเช่นนั้น หากบุตรสาวนางพยายามรั้งพระทัยฝ่าบาทกลับคืนมา แม้ไม่อาจเป็นเหมือนดังเดิม แต่สองสามีภรรยาก็คงอยู่กันด้วยความเคารพ นานวันเข้าก็ใช่ว่าไม่อาจกลับเป็นดังเดิมได้
ฮูหยินหวางพูดไปมากมาย หวังเมิ่งเหยายังคงไร้ปฏิกิริยา
ฮูหยินหวางเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว นางไม่อาจอยู่พักในวังได้ วันนี้หากไม่ใช่ว่าเป็นห่วงบุตรสาว นางเองก็คงไม่ต้องถึงกับทนรอไม่ไหว ต้องรีบเข้าวังมาเช่นนี้
“เอาละ ท่านแม่เองก็ไม่พูดต่อแล้ว เจ้านำคำพูดท่านแม่ไปคิดไตร่ตรองให้มาก”
ฮูหยินหวางลุกขึ้นให้คนพานางออกจากวังหลวง
หวังเมิ่งเหยามองตามแผ่นหลังนางลับตาไป ยามนี้นางไม่ได้คิดไตร่ตรองคำพูดฮูหยินหวาง ในห้วงความคิดนางมีเพียงประโยคที่ การที่ฝ่าบาทดีต่อเจ้าอาจเป็นเพียงแค่ความรับผิดชอบ
หวังเมิ่งเหยาคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจก็รู้สึกใกล้จะแหลกสลาย เป็นไปได้อย่างไร นางไม่เชื่อ ฝ่าบาทต้องชอบ นางรักนาง นางไม่เหมือนผู้อื่น
หวังเมิ่งเหยาคิดถึงจนสุดท้ายก็ผุดลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกตำหนัก
พอดีพบกับรัชทายาทที่เดินเข้ามา รัชทายาทเห็นท่าทางนางไม่ดีนักก็ร้องเรียก “เสด็จแม่”
น่าเสียดายหวังเมิ่งเหยาเหมือนไม่ได้ยิน หันหลังวิ่งออกไปทันที รัชทายาทเกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใด ได้แต่รีบตามไป
ขันทีนางกำนัลตำหนักเฉาหยางเห็นก็รีบตามไปเช่นกัน สุดท้ายทั้งขบวนก็ตรงไปยังตำหนักฝ่าบาท
ยามนี้เซียวเหวินอวี๋เพิ่งจะสั่งการองครักษ์ลับให้ไปสืบหาร่องรอยท่านพ่อกับท่านแม่ตนเองต่อ
“พวกเจ้าไปสืบหาต่อ ไม่อาจปล่อยร่องรอยอันใดเล็ดลอดไปได้แม้แต่ร่องรอยเดียว คนทั้งคน บอกว่าหายตัวไปก็หายตัวไปได้อย่างไร”
เซียวเหวินอวี๋คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก องครักษ์ลับได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็รีบทูลว่า “ฝ่าบาทวางพระทัย กระหม่อมมีข่าวอันใดจะรีบกลับมารายงานฝ่าบาท”
“ได้ ไปได้แล้ว”
เซียวเหวินอวี๋โบกมือ พอองครักษ์ลับออกไป อารมณ์ก็เศร้าสลดอย่างไม่อาจบรรยาย
คิดถึงตอนยังเป็นหนุ่มน้อย ตนเองเคยบอกว่าจะหาเงินเยอะๆ มาซื้อเสื้อผ้าและซื้อบ้านหลังใหญ่ให้ท่านแม่ ปรากฏพอขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แม้แต่พระราชทานแต่งตั้งท่านแม่เป็นไทเฮายังทำไม่ได้ ยังทำร้ายพวกเขา
หากท่านพ่อกับท่านแม่เกิดเรื่องอันใด ชีวิตนี้เขาจะไม่มีทางให้อภัยตนเอง
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิด ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามเต็มไปด้วยกลิ่นอายทะมึน ท่าทางราวกับสติล่องลอยไปไกล
ยามนี้ นอกพระที่นั่งมีเสียงดังเข้ามา “ฮองเฮา ให้บ่าวเข้าไปทูลรายงานก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“ถอยไป”
หวังเมิ่งเหยาพุ่งเข้ามารวดเร็ว พอเข้ามาถึงก็เบิกดวงตาแดงก่ำจ้องมองเซียวเหวินอวี๋
ฮ่องเต้หนุ่มอยู่ในฉลองพระองค์มังกรสีเหลืองทอง แลดูดุจเทพเจ้าภายใต้แสงตะเกียงสาดส่อง
หวังเมิ่งเหยาเห็นเขา ในใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดท่านแม่นาง ในใจนางก็พลันแหลกสลายลงอีกครั้ง
เซียวเหวินอวี๋เห็นหวังเมิ่งเหยาไม่รอให้คนเข้ามารายงานก่อนก็บุกเข้ามา ในใจนึกรังเกียจอย่างมาก มองหวังเมิ่งเหยาด้วยแววตาเย็นเยียบ “มีเรื่องอันใด”
หวังเมิ่งเหยาค่อยๆ ก้าวเดินไปตรงหน้าเซียวเหวินอวี๋ “หม่อมฉันมาเพื่อขอทูลถามฝ่าบาทสักคำ ฝ่าบาทรักหม่อมฉันหรือไม่”
นางกล่าวจบ ในใจก็อดขมวดเกร็งขึ้นมาไม่ได้
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินวาจานางก็ค่อยๆ หรี่ตามองหวังเมิ่งเหยา รักหรือ
ความจริงเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลายปีมานี้ เขาค่อยๆ เข้าใจคำว่ารักก็คือการที่จังหวะหัวใจเต้นแรง เห็นครั้งแรกก็ตราตรึงใจ รักปักใจคำนึงถึงเพียงผู้เดียว
แต่เขาไม่เคยพบพานคนเช่นนี้
ตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปี ตั้งใจดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ให้ดี ทำให้แผ่นดินแคว้นต้าโจวมั่นคง ทำให้ราษฎรแคว้นต้าโจวมีชีวิตที่ดี ตอนนั้นไท่ซั่งหวงพระราชทานสตรีให้เขาสองคน เขาเพียงแต่ทำตามรับสั่ง รู้ดีว่าในฐานะองค์ชาย เขาไม่อาจตัดสินใจเลือกคู่อภิเษกด้วยตนเองได้ ในเมื่อเสด็จพ่อพระราชทาน ก็น้อมรับไว้
เพราะกฎตระกูลเซี่ย เขาพยายามเป็นสามีที่ดี เป็นผู้ชายที่รับผิดชอบ
แต่เพราะเผยอวี่ทำให้เขาผิดหวัง ดังนั้นตอนนั้นเขารู้สึกว่าหวังเมิ่งเหยาไม่เลวอย่างมาก เขาจึงคิดมีชีวิตร่วมกับหวังเมิ่งเหยาต่อไปให้ดี
ปรากฏว่า พอหวังเมิ่งเหยาขึ้นดำรงตำแหน่งฮองเฮา นับวันยิ่งทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ
ตอนนี้นางถึงกับวิ่งมาถามเขาว่ารักนางหรือไม่
เซียวเหวินอวี๋ถามหวังเมิ่งเหยากลับว่า “ฮองเฮาคิดว่าเรารักเจ้าหรือไม่”
ในใจหวังเมิ่งเหยาหนักอึ้ง หอบหายใจเอ่ยพร้อมกับดวงตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ “ฝ่าบาทเคยบอกหม่อมฉันว่าจะไม่แตะต้องหญิงอื่น ชีวิตนี้มีเพียงหม่อมฉัน หรือว่าไม่ใช่ความรัก”
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะ ค่อยๆ เอ่ยว่า “หรือว่าเจ้าไม่เคยคิดว่านั่นคือความรับผิดชอบ”
หวังเมิ่งเหยาผงะถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ ในใจกระตุกวาบรุนแรง “ฝ่าบาททรงหลอกหม่อมฉันใช่หรือไม่ เพราะหม่อมฉันทำให้เซี่ย…”
หวังเมิ่งเหยาชะงักทันที เปลี่ยนคำพูดเป็นว่า “เพราะหม่อมฉันทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่พอใจ ดังนั้นฝ่าบาทโมโหจึงได้ตรัสเช่นนี้”
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินนางเปลี่ยนคำพูดก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ กลับแสดงสีหน้าดุดันยิ่งขึ้น
ดวงตาดำขลับของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่อาจซ่อนเร้น “เจ้าเรียกพวกเขาว่าใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วดีกว่า พวกเขาน่าจะไม่คู่ควรให้เจ้าเรียกท่านพ่อกับท่านแม่”
สีหน้าหวังเมิ่งเหยาซีดเผือด หลั่งเหงื่อเย็นท่วมทั้งร่าง “ฝ่าบาท หม่อมฉัน…”
เซียวเหวินอวี๋ไม่คิดสนทนากับนางอีก “เจ้ากลับไปได้แล้ว ดำรงตำแหน่งในฐานะฮองเฮาของเจ้าให้ดี ทำเรื่องที่ควรทำ วันหน้าทุ่มเทอบรมรัชทายาท อย่าได้วันๆ เอาแต่พูดเรื่องรัก ๆ ใคร่ๆ หลายคนชั่วชีวิตก็มิเคยได้พบพานความรัก ก็มีชีวิตที่ดีไม่เลว”
หวังเมิ่งเหยาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลงเพราะคำพูดเซียวเหวินอวี๋ แต่กลับทำให้นางปวดร้าวใจอย่างที่สุด พร้อมกับในใจบังเกิดโทสะรุนแรงขึ้นมา คิดตะโกนถามดังว่า
ในเมื่อทรงไม่รักหม่อมฉัน เหตุใดมอบความหวังให้หม่อมฉัน ตอนนี้ถึงกับทำให้หม่อมฉันรู้ว่าทรงไม่รักหม่อมฉัน เหตุใด เหตุใด ไม่ยุติธรรมกับหม่อมฉัน
แม้ว่าในใจหวังเมิ่งเหยาเดือดดาล แต่ก็ยังรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรทำเช่นนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขายิ่งเลวร้ายลง
จนกระทั่งยามนี้ นางเองยังไม่เข้าใจ เหตุใดเขาและนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หรือเพราะตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยดีเช่นนั้นหรือ เหตุใดทำให้ความสัมพันธ์ของนางและเขาเลวร้ายลงเช่นนี้
แต่หวังเมิ่งเหยาไม่กล้าเอ่ย นางเงยหน้ามองเซียวเหวินอวี๋ด้วยใบหน้านองไปด้วยน้ำตาพรั่งพรู
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความเย็นชาใส่