ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 959 อยู่ร่วมกันอีกครั้ง
ตอนที่ 959 อยู่ร่วมกันอีกครั้ง
นอกประตู รัชทายาทนำคนมาถึง พอเข้ามาก็เห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาพลันไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด
เซียวเหวินอวี๋มองไปยังรัชทายาท “พาเสด็จแม่เจ้ากลับไป”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
รัชทายาทสมองอื้ออึงไปหมด นี่เกิดอันใดขึ้นกัน
แต่ไม่กล้าให้เสด็จแม่อยู่ต่อ รีบยื่นมือไปประคองหวังเมิ่งเหยาออกจากตำหนักไปทันที
ตลอดทาง หวังเมิ่งเหยาอดร้องไห้อย่างปวดร้าวไม่ได้ จากนั้นก็มองรัชทายาทกล่าวว่า “เสด็จพ่อเจ้า ถึงกับไม่รักข้า เหตุใด เหตุใดทำกับข้าเช่นนี้”
รัชทายาทมองหวังเมิ่งเหยานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เสด็จแม่อายุเพียงนี้แล้ว เหตุใดยังทำเหมือนกับสาวน้อยที่วันๆ เอาแต่เอ่ยเรื่องรักใคร่กัน
ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เสด็จพ่อไหนเลยจะมีเวลามาคุยเรื่องรักใคร่กับท่านกัน
รัชทายาทอดกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยนไม่ได้ว่า “เสด็จแม่ ท่านกับเสด็จพ่อมีบุตรกันกี่คนแล้ว มายึดติดกับเรื่องรักใคร่อันใด มีชีวิตที่เบิกบานใจไม่ดีหรือ วันหน้าเสด็จแม่ดีต่อเสด็จพ่อหน่อย ดีต่อท่านปู่ท่านย่าตระกูลเซี่ยหน่อย เสด็จพ่อต้องไม่ติดใจเรื่องที่ผ่านไปแล้วเป็นแน่”
“ความจริงตามความคิดลูก เสด็จพ่อดีต่อเสด็จแม่มาตลอด แต่เสด็จแม่กลับไม่ค่อยใส่พระทัยเสด็จพ่อ ในฐานะฮองเฮา ไม่ค่อยได้ทำตามพระประสงค์เสด็จพ่อ เสด็จแม่ย่อมทำได้ดีกว่านี้”
“เอาละ เสด็จแม่ อย่าได้เสียพระทัยไปเลย ข้าเองก็โตเพียงนี้แล้ว เสด็จแม่อย่าได้เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องรักใคร่อันใดอีกเลย”
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังรัชทายาทก็โมโหสะบัดมือรัชทายาททิ้ง “เจ้ายังเป็นบุตรชายข้าอีกหรือ เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้ในใจข้าปวดร้าวเพียงใด ข้ารู้สึกราวกับตัวฉีกขาด พอข้าคิดถึงว่าความจริงเสด็จพ่อเจ้าไม่ได้รักข้า ข้าแทบจะทำลายทุกอย่างทิ้ง แต่เจ้ากลับไม่สนใจความรู้สึกของข้า”
รัชทายาทมองนาง เขามองเห็นความเจ็บปวดของเสด็จแม่ เขานิ่งอึ้งก่อนจะเอ่ยว่า “เสด็จแม่ เหตุใดลูกจึงได้รู้สึกว่าเสด็จแม่รักเสด็จพ่อมาก ในเมื่อรักมาก เหตุใดจึงไม่ดีต่อเสด็จพ่อให้มากกว่านี้”
หลายปีมานี้ รัชทายาทเองก็พอรู้ว่าเสด็จแม่ไม่ได้ให้ความใส่พระทัยเสด็จพ่อสักเท่าไร มีแต่เสด็จพ่อที่เอาใจนาง เขาคิดมาตลอดว่าเสด็จแม่ค่อนข้างคิดปล่อยวางได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางถึงกับรับไม่ได้
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังรัชทายาท หลายเรื่องในสมองก็พลันกระจ่างขึ้นมา
ตอนนางอยู่ตระกูลหวัง เคยพบฝ่าบาทในวัยหนุ่ม ตอนนางเห็นเขาก็หน้าแดงใจเต้นแรง
ชายหนุ่มหน้าตาและชาติกำเนิดดีเช่นนี้ คนเช่นนางไร้ทั้งรูปโฉมและความสามารถ ไม่มีทางต้องตาต้องใจเขาอย่างแน่นอน
ต่อมานางพลันได้ยินว่าชายหนุ่มชอบทำการค้ามาก อายุน้อยๆ ก็เปิดร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉางที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง นางจึงได้หลงใหลในการทำการค้า คล้ายว่าทำเช่นนี้จะได้ใกล้ชิดกับเขาขึ้นอีกนิด ต่อมาได้เข้าจวนอ๋องยังช่วยเขาดูแลการค้า
ตอนนั้นนางเป็นรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย ไม่มั่นใจ นางคิดเพียงว่าจะอยู่กับเขาต่อไปให้ดีก็พอ แม้เขาไม่แตะต้องนาง ไม่รักนาง นางได้เฝ้าดูเขาอยู่เงียบๆ ก็ดีมากแล้ว
ต่อมาเขาบอกว่าจะไม่แตะต้องหญิงอื่นใดอีก นางดีใจมาก เพราะเขาโปรดปรานนาง ทำให้นางค่อยๆ มั่นใจขึ้นมา และคิดต้องการมากยิ่งขึ้น
หวังเมิ่งเหยายิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ร้องไห้โฮ รัชทายาทปวดหัวอย่างมาก ยื่นมือไปประคองนางกลับตำหนักเฉาหยางกง
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้คิดเรื่องหวังเมิ่งเหยาต่อ เพราะต้าเป่า ซานเป่ากับอู่เป่าเข้าวังมา
พี่น้องพบกันถวายบังคมเซียวเหวินอวี๋แล้ว ก็แสดงความจำนงขอลาออกจากราชการเพื่อออกไปตามหาท่านพ่อกับท่านแม่
เซียวเหวินอวี๋ย่อมคัดค้าน
“ความจริงข้าส่งองครักษ์ลับไปสืบหาท่านพ่อกับท่านแม่มาตลอด แต่องครักษ์ลับก็ไม่เคยสืบได้ข่าวคราวว่าพวกท่านอยู่ที่ใด พวกเจ้าออกไปตามหาก็ไม่มีทางหาพบ ข้าส่งคนออกไปตามหาไม่น้อย พวกเขายังหาไม่พบ พวกเจ้าก็ย่อมหาไม่พบ”
ต้าเป่าและซานเป่าเงียบงัน อู่เป่ากลับยืนขึ้นทูลว่า “แม้หาไม่พบร่องรอยอันใด การเป็นบุตรที่ดีก็ไม่ควรนั่งรออยู่ในเมืองหลวงอย่างสบายใจ ในฐานะบุตร พวกเราควรต้องทำอะไรสักอย่างจึงจะรู้สึกสบายใจได้”
“ขอฝ่าบาทอนุญาตให้กระหม่อมลาออกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ซานเป่าเองก็ลุกขึ้นยืน “ขอฝ่าบาทอนุญาตให้กระหม่อมลาออกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูตำหนัก โจวโย่วจิ่นก็ส่งเสียงตื่นเต้นยินดีดังเข้ามา “ใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินโจวกั๋ว”
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
พวกเซียวเหวินอวี๋กับเซี่ยเหวินเหยาคิดว่าฟังผิด หันมองไปยังหน้าประตูตำหนักด้วยสัญชาตญาณทันที เห็นสองร่างหน้าประตูตำหนักราวกับเทพเซียนเดินเคียงคู่เข้ามา ก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนกลับถึงจวน ได้ยินว่าพวกเซี่ยเหวินเหยาเข้าวังมาขอลาออกจากราชการกับฝ่าบาท เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่สนใจคุยกับคนในจวน รีบเร่งเดินทางเข้าวังทันที
ประการแรก เพื่อยับยั้งซานเป่ากับอู่เป่าไม่ให้ลาออก
ประการที่สอง เข้าวังมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท ทำให้เขาไม่ตำหนิตนเอง
เซียวเหวินอวี๋กับเซี่ยเหวินเหยาเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็พลันตั้งสติไม่ทัน จนกระทั่งลู่เจียวหัวเราะขึ้นเอ่ยว่า “เป็นอันใดหรือ คงไม่ได้จำท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ได้แล้วกระมัง”
ยามนี้ทุกคนเริ่มขยับ เซียวเหวินอวี๋วิ่งเร็วสุด พุ่งไปดึงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “พวกท่านกลับมาแล้ว?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ใช่ พวกเรากลับมาแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋ดีใจอย่างที่สุด ยิ้มกว้างอย่างยินดี ร่องรอยกลัดกลุ้มในใจหนึ่งปีที่ผ่านมาพลันมลายหายไปสิ้น
“ท่านพ่อไม่เป็นอันใดแล้ว ท่านแม่รักษาท่านพ่อหายแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว “ใช่ ท่านแม่เจ้ารักษาท่านพ่อหายแล้ว”
สองสามีภรรยายิ้มให้กัน ในใจรู้ดีว่าเกิดเรื่องอันใด แต่พวกเขาไม่คิดบอกลูกๆ ว่ารักษาอย่างไร
พวกเซียวเหวินอวี๋เองก็มิได้ทันสังเกตท่าทางของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ขอเพียงท่านพ่อกับท่านแม่สบายดี กลับมาแล้วก็ดี
ทุกคนดีใจเข้ารุมล้อมเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “ดีจริง ดีมากๆ ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เป็นอันใด กลับมาแล้ว”
ลู่เจียวมองพวกเขา ยิ้มกล่าวว่า “แม่ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย ไม่ได้บอกกับพวกเจ้าสักคำ ก็พาท่านพ่อเจ้าไปหาสมุนไพร ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว แกว่งไปมาเอ่ยว่า “ท่านแม่ ครั้งหน้าหากท่านไปหาสมุนไพรอีก จะต้องบอกข้าสักคำ ให้ข้าส่งคนไปอารักขาพวกท่าน ท่านจากไปไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้ ทำเอาข้าเป็นห่วงแทบแย่”
ลู่เจียวมองไปยังเซียวเหวินอวี๋ พบว่าเขาผ่ายผอมหน้าตาซูบเซียวลงไม่น้อย น่าจะเพราะมักเอาแต่ขมวดคิ้ว ถึงกับเริ่มมีริ้วรอย เห็นใบหน้าเขาซูบลงไปมาก แม้จะยังสบายดี แต่ลู่เจียวก็สงสารมาก นางยื่นมือขึ้นกุมมือเซียวเหวินอวี๋กล่าวรับรองว่า “วันหน้าไม่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่ไปที่ใด จะต้องเขียนจดหมายมาบอกเจ้า”
เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือออกไปขอเกี่ยวก้อยลู่เจียวดังเด็กน้อยทันที “เช่นนั้นก็เกี่ยวก้อยกัน ท่านแม่ต้องจำคำพูดท่านแม่ให้ดี อย่าได้ผิดคำพูด”
ลู่เจียวยิ้มตีแขนเขาทีหนึ่ง “โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยไปได้”
เซียวเหวินอวี๋พลันยิ้ม “โตเช่นไร ต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ ข้าก็เป็นเพียงเด็กน้อย”
โดยเฉพาะหากไม่มีท่านแม่ เขาก็คงเป็นเด็กน่าสงสารที่ขี้ขลาดโดนคนรังแก จะมาดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ในจุดสูงสุดเช่นวันนี้ได้อย่างไรกัน
ในพระที่นั่ง ต้าเป่า ซานเป่า อู่เป่าเห็นด้วยกับเซียวเหวินอวี๋ เอ่ยพร้อมกันว่า “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้อง พวกเราโตเพียงใดก็ยังเป็นลูกของท่านพ่อกับท่านแม่”
อู่เป่าน้อยด้านหลังร้อนใจยื่นมือไปดึงเซียวเหวินอวี๋ออก “เอาละ พี่สี่ ให้ข้ากอดท่านแม่บ้าง”
อู่เป่าน้อยพุ่งเข้ากอดลู่เจียวพลางเอ่ยเสียงพร่าอย่างไม่อาจระงับ “ท่านแม่ ท่านกลับมาได้เสียที ท่านแม่รู้ไหม ท่านแม่ทำข้าตกใจแทบตาย”
ลู่เจียวลูบไหล่อู่เป่า “ได้ วันหน้าไม่ว่าท่านแม่กับท่านพ่อไปที่ใด ก็จะบอกพวกเจ้า”