ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 960 คุณหนู
ตอนที่ 960 คุณหนู
ทุกคนนั่งคุยกันในพระตำหนัก เซียวเหวินอวี๋ถามอาการของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอย่างห่วงใย ยังถามถึงว่าเหตุใดเขาส่งองครักษ์ลับออกไปสืบหากลับไม่ได้ร่องรอยแม้แต่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบเล่าเรื่องที่ทั้งสองคนตกลงกันก่อนหน้านี้ แน่ใจว่าไม่มีช่องโหว่ออกมาให้ทุกคนฟัง
โชคดีที่บุตรชายไม่ได้สงสัย ขอเพียงท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เป็นอันใดก็ดี
เซียวเหวินอวี๋ เซี่ยเหวินเหยา เซี่ยเหวินเซ่ากับเซี่ยเหวินอวี้ จ้องมองรอยยิ้มของท่านพ่อกับท่านแม่ที่ไม่ได้เห็นมานาน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่อยากคุยประเด็นนี้ต่อ เงยหน้ามองไปยังเซียวเหวินอวี๋ ถามอย่างห่วงใยเขา “ก่อนหน้านี้คนที่จับตัวรัชทายาทไปสืบความได้อย่างไรบ้าง ผู้ใดบงการให้มาจับตัวรัชทายาท พวกเขามีจุดประสงค์อันใด”
หนึ่งปีมานี้ เซียวเหวินอวี๋สืบเรื่องคนบงการจับตัวรัชทายาทได้แล้ว
“เป็นสำนักในยุทธภพ คนสำนักบัวขาว ข้าส่งองครักษ์ลับลอบไปสืบเบื้องหลังคนเหล่านี้มากระจ่างแล้วถึงกับเป็นรัชทายาทซีเหลียง ข้าส่งคนไปตรวจสอบรัชทายาทผู้นี้ รู้ว่ารัชทายาทซีเหลียงผู้นี้คิดการใหญ่ วางแผนครองปฐพี เขาบงการให้ตั้งสำนักบัวขาวที่แคว้นต้าโจวเรา บงการให้คนจับตัวรัชทายาท เป้าหมายแท้จริงก็คือจับตัวรัชทายาทไป ให้พวกเราตั้งรัชทายาทใหม่ จากนั้นก็ให้จิ่งเอ๋อร์กลับมากับแย่งชิงกับรัชทายาทคนต่อมา ทำเช่นนี้ก็จะทำให้แผ่นดินแคว้นต้าโจวเกิดเหตุวุ่นวาย รัชทายาทซีเหลียงก็จะนำกำลังมารุกรานชายแดน”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ สีหน้าก็พลันเคร่งเครียด แผ่กระแสเย็นเยียบรอบกาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไม่ถึงว่าเรื่องลักพาตัวรัชทายาทถึงกับเป็นฝีมือรัชทายาทซีเหลียง ก็อดขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาไม่ได้
เขามองเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “หากรัชทายาทซีเหลียงมีความคิดครองความเป็นใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าย่อมไม่ยอมเลิกราง่ายๆ อวี๋เอ๋อร์ เจ้ามีแผนการเช่นไรต่อ”
“ข้าจะส่งคนไปทลายสำนักบัวขาว ทำลายแผนการร้ายรัชทายาทซีเหลียง แต่ข้าสงสัยว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ยอมเลิกรา จะต้องวางแผนใหม่อีกครั้ง ดังนั้นข้าให้คนสำนักจิ่งหลงซือเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวด่านชายแดนเอาไว้แล้ว”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ ลู่เจียวก็ถามขึ้นว่า “สำนักจิ่วหลงซือ?”
ก่อนหน้านี้นางยังไม่เคยได้ยินชื่อหน่วยงานนี้
เซียวเหวินอวี๋อธิบายกล่าวว่า “สำนักจิ่วหลงซือเป็นองค์กรที่ข้าตั้งขึ้นใหม่ เพื่อตรวจสอบขุนนางและเก็บรวบรวมข่าวใต้หล้า มอบให้หัวหน้าองครักษ์ม่อกับรองหัวหน้าเหวินดูแล สำนักนี้ขึ้นตรงต่อข้า สืบได้ข่าวอันใดก็จะส่งมาถึงมือข้าโดยตรง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังพยักหน้า ก็เอ่ยเตือนเซียวเหวินอวี๋ “องค์กรนี้ขึ้นตรงต่อเจ้า ไม่ว่าสืบความลับอันใดได้ เจ้าควรส่งต่อให้อีกสองคนไปสืบต่อ อย่าได้ฟังวาจาจากคนผู้เดียวแล้วก็ลงอาญาผู้อื่น”
ความหมายในวาจาเขาก็คืออย่าได้เกิดเรื่องใส่ร้ายป้ายสีกัน
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเห็นด้วย เขาตั้งหัวหน้าซ้ายขวาในสำนักจิ่วหลงซือก็เพื่อป้องกันการฟังความฝ่ายเดียว ปล่อยให้คนมาหลอกเขาได้ นอกจากคนสำนักจิ่วหลงซือ เขายังตั้งสำนักองครักษ์ลับ คนเหล่านี้คอยทำงานหลังม่านให้เขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเซียวเหวินอวี๋เช่นนี้ ในใจก็พอรู้แล้วว่าไม่ต้องให้เขาเอ่ยเตือนอันใดมาก จึงลุกขึ้นกล่าวว่า “สายแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ออกจากวังหลวงกันก่อนดีกว่า”
พอทุกคนลุกขึ้น เซียวเหวินอวี๋เหมือนยังอาลัยอาวรณ์ เอ่ยรั้งไว้ว่า “คืนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่พักในวังเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่ละ พรุ่งนี้จัดงานเลี้ยงที่บ้าน เจ้าพารัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ไปร่วมก็แล้วกัน”
แต่ต้นจนจบล้วนไม่ได้เอ่ยถึงฮองเฮา
เซียวเหวินอวี๋รีบยิ้มกล่าวว่า “ได้ เย็นพรุ่งนี้ข้าพาพวกเขาไป”
ยามนี้เขาอารมณ์ดีอย่างไม่อาจบรรยาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาบุตรชายทั้งสามตรงกลับตระกูลเซี่ย
พอถึงจวนก็ครึกครื้นกันเต็มห้องโถง ล้วนมีแต่เสียงคุยกันอย่างเบิกบานใจ จนกระทั่งดึกดื่นจึงได้เข้านอน
วันรุ่งขึ้น คนในเมืองหลวงที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ยล้วนได้รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกลับมาแล้ว คนไม่น้อยพากันส่งเทียบเชิญขอมาเยี่ยมเยือนพวกเขาที่จวน
ลู่เจียวคิดแล้วก็ตัดสินใจจัดงานเลี้ยงเชิญคนมาร่วมสังสรรค์กัน คนเขาปรารถนาดีต่อพวกเขา อย่างไรก็คงไม่อาจห้ามไม่ให้ทุกคนมา
นางให้พ่อบ้านเซียวส่งเทียบไปยังแต่ละตระกูล เชิญทุกคนมาร่วมงานเลี้ยง
ส่วนวันนี้ ย่อมต้องเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว
พอเช้าตรู่มา ตระกูลเซี่ยก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข
ก่อนหน้านี้ท่านพ่อกับท่านแม่หายตัวไป ในบ้านมีแต่ความเงียบเหงา เด็กๆ ก็ไม่ค่อยกล้าพูดจาเล่นหัว ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่กลับมา ทั้งจวนก็พลันเต็มไปด้วยเสียงแห่งความสุข
หลายปีมานี้ ตระกูลเซี่ยมีเด็กเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย คนในครอบครัวเพิ่มขึ้นมาก บ้านหนึ่งมีบุตรสามคน บ้านรองมีบุตรสามคน บ้านสามมีบุตรหนึ่งคน บ้านห้าก็มีบุตรหนึ่งคน เซี่ยหลิงหลงเองก็มีบุตรหนึ่งคน
ในตระกูลพริบตาก็มีเด็กน้อยเพิ่มมาเจ็ดแปดคน ครึกครื้นจนไม่อาจบรรยาย
เทียบกับบ้านหนึ่ง บ้านสองและบ้านห้าแล้ว บ้านสามไม่มีเด็กชายสักคน
ซือหว่านอิ๋งสงสัยว่าที่ตนเองไม่อาจให้กำเนิดนั้น เป็นไปได้มากว่านางเป็นคนตั้งครรภ์ยาก เพราะท่านพี่บอกมาตลอดว่าสุขภาพนางไม่ได้เป็นอันใด
เรื่องนี้ทำให้ซือหว่านอิ๋งตำหนิตนเองอย่างมาก บางครั้งอารมณ์ก็ไม่ดีเช่นกัน
อีกเรื่องก็คือนางเป็นห่วงว่าบิดามารดาสามีจะตำหนินาง ถึงกับทำใจแล้วว่าบิดามารดาสามีจะให้ท่านพี่นางรับอนุ
ซือหว่านอิ๋งคิดถึงว่าตนเองต้องยอมให้ท่านพี่แต่งอนุ ก็อารมณ์ย่ำแย่อย่างมาก
เซี่ยเหวินเซ่าย่อมรู้ว่านางอารมณ์ไม่ดี จึงถามอย่างห่วงใยว่า “เป็นอันใดหรือ”
เขากล่าวจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างไรในใจก็รู้สึกไม่พอใจ
ท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งจะกลับมา สะใภ้ทำหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร คนอื่นเขาอาจคิดว่านางไม่พอใจที่ท่านพ่อกับท่านแม่กลับมา
ซือหว่านอิ๋งกับเซี่ยเหวินเซ่าเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี พอเห็นท่าทางเซี่ยเหวินเซ่าก็รู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ จึงรีบยิ้มกล่าวว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่กลับมาปลอดภัย ข้าดีใจมาก”
เซี่ยเหวินเซ่าผ่อนคลายอารมณ์ลง เดินไปนั่งลงข้างกายนาง พลางถามอย่างห่วงใยว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าอารมณ์ไม่ดี บอกกับข้าได้หรือไม่”
ซือหว่านอิ๋งมองเขาทีหนึ่ง กล่าวเบาๆ ว่า “หากท่านพ่อกับท่านแม่ให้เจ้ารับอนุ เจ้าก็รับเถอะ ข้าเกรงว่าคงไม่อาจมีบุตรชายให้เจ้าได้”
เซี่ยเหวินเซ่าพอได้ฟังก็รู้ว่านางเป็นห่วงว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะให้เขารับอนุ
คิดถึงนิสัยแข็งตรงไปตรงมาของซือหว่านอิ๋ง ถึงกับยอมรับได้เช่นนี้ ในใจเซี่ยเหวินเซ่าก็แอบปวดปลาบ แต่เขาไม่คิดสนใจเรื่องบุตรชาย ตระกูลพวกเขาไม่เหมือนผู้อื่น มีเด็กมากมายแล้ว จะรับอนุทำไมกัน
เซี่ยเหวินเซ่ามองซือหว่านอิ๋งกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เหมือนผู้อื่น พวกท่านจะไม่บังคับให้ข้ารับอนุ โดยเฉพาะท่านแม่ข้า หากรู้ว่าข้าไม่ยินดีรับอนุ ก็จะไม่บังคับข้าเป็นแน่”
ซือหว่านอิ๋งเงยหน้ามองเซี่ยเหวินเซ่า อยากถามสักคำว่า เจ้าปีสองปีไม่เป็นอันใด แต่พอเจ้าแก่ชรา จะถือสาเรื่องนี้หรือไม่
แต่นางไม่อาจเอ่ยปากถามได้ เซี่ยเหวินเซ่ามองความคิดนางทะลุโปร่ง ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนที่ข้าชอบ ข้าไม่อยากให้คนที่ข้าชอบไม่สบายใจ ดังนั้นแม้ชีวิตนี้ของพวกเราไร้บุตรชาย ข้าก็ไม่รับอนุทำให้เจ้าไม่สบายใจ แต่บุตรสาวพวกเราต้องอบรมให้ดี ไม่เช่นนั้นวันหน้าผู้ใดจะอยู่ดูแลพวกเราในบั้นปลายชีวิตเล่า”
เซี่ยเหวินเซ่าเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูบ่าวหญิงก็วิ่งเข้ามารายงานว่า “นายท่าน ฮูหยิน คุณหนูทำคุณชายบ้านห้าร้องไห้”
ซือหว่านอิ๋งพอได้ฟังโมโห “เจ้าเด็กบัดซบ ไม่รังแกผู้อื่น นางดำรงชีวิตไม่ได้ใช่หรือไม่”
เซี่ยเหวินเซ่าเลิกคิ้ว บุตรสาวเขาต้องอบรมสั่งสอนให้ดีแล้ว
แต่พวกเขาสองสามีภรรยาสอนบุตรสาวไม่เป็นจริงๆ หากคิดอบรมให้ดี คงต้องให้ท่านแม่เขามาอบรมเองกระมัง