ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 961 กำราบ
ตอนที่ 961 กำราบ
เซี่ยเหวินเซ่าหันหลังเดินออกไป ตรงไปหาลู่เจียว
ลู่เจียวกำลังจัดการเรื่องงานเลี้ยงค่ำอยู่ในห้องโถง เห็นเซี่ยเหวินเซ่ามาหาก็บอกให้บ่าวรับใช้ไปจัดการเรื่องนี้ จากนั้นก็นางยิ้มบอกให้เซี่ยเหวินเซ่านั่งลง “เป็นอันใดหรือ หน้าตาอมทุกข์เช่นนี้”
เซี่ยเหวินเซ่าถอนหายใจ “ท่านแม่ ตามหลักบุตรชายไม่ควรมารบกวนท่านแม่ แต่บุตรชายไร้หนทางจริงๆ ขอท่านแม่ช่วยเหลือบุตรชายด้วย”
“เรื่องอันใดหรือ”
เซี่ยเหวินเซ่ากล่าวว่า “เพียนเพียนซุกซนจริงๆ ไม่ว่าพวกเราอบรมสั่งสอนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ตีก็ตีแล้ว กำราบก็กำราบแล้ว น่าเสียดายไร้ประโยชน์ ทุกวันชอบรังแกผู้อื่น บุตรชายกลุ้มจนผมจะร่วงหมดศีรษะแล้ว”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตูเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เดินเข้ามา เขาได้ยินคำพูดเซี่ยเหวินเซ่า ดังนั้นจึงมองบุตรชายสามตนเองอย่างไม่พอใจ
“เจ้าบอกว่าเจ้าสองสามีภรรยา แม้แต่บุตรสาวก็อบรมสั่งสอนไม่ได้ แล้วจะทำเรื่องอันใดได้”
หลังซือหว่านอิ๋งแต่งงาน ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพประจำจิงจ้าวฝู่ เซี่ยเหวินเซ่าเป็นหัวหน้าสำนักยาหลวงขุนนางระดับห้า ทุกวันทั้งสองคนงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาอบรมบุตรสาว ทุกครั้งที่บุตรสาวทำผิด ก็จะกักบริเวณ ไม่ก็ตีกำราบทีหนึ่ง
เซี่ยเหวินเซ่าได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกละอายใจอย่างมาก “ท่านพ่อสั่งสอนได้ถูกต้อง”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “ก็คงไม่ใช่ความผิดพวกเจ้าสองคนทั้งหมด พวกเจ้าสองคนต้องทำงาน ยากจะไม่หลงลืมเพียนเพียนไปบ้าง หากเจ้าวางใจก็ส่งนางมา แม่ช่วยเจ้าอบรมก็ได้”
เซี่ยเหวินเซ่าดีใจขึ้นมาทันที รีบยืนขึ้นคิดขอบคุณลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่เจ้ายินดีอบรมสั่งสอนให้พวกเจ้า เพราะนางรักพวกเจ้า แต่อย่าได้ถึงตอน โดนกำราบเล็กน้อย เผชิญอันใดสักหน่อย หรือเกิดเรื่องอันใดก็มาตำหนิพวกเรา”
พอเซี่ยเหวินเซ่าได้ฟังก็รู้ว่าท่านพ่อคิดถึงเรื่องรัชทายาท
เขารีบแสดงท่าที กล่าวว่า “ท่านพ่อวางใจ บุตรชายไม่เป็นเช่นนั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเชื่อบุตรชาย เพียงแต่ไม่เชื่อสะใภ้ กล่าวว่า “เจ้าไปบอกกับภรรยาเจ้าก่อน ถึงตอนนั้นบุตรสาวถูกตีก็อย่าได้ปวดใจมากล่าวหาว่าเราสองผู้เฒ่าไม่รักบุตรสาวพวกเจ้า”
เซี่ยเหวินเซ่ารีบแสดงท่าทีว่า “ไม่อย่างแน่นอน หว่านอิ๋งไม่ใช่คนเช่นนั้น”
กล่าวจบก็ยังไม่ได้ออกไป แต่หันไปมองท่านพ่อกับท่านแม่อย่างระมัดระวังทีหนึ่ง อยากจะเอ่ยอันใดแต่ก็มิได้เอ่ย
เซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “มีอันใดก็พูดมา ทำท่าทางเช่นนั้นทำไมกัน”
เซี่ยเหวินเซ่ารีบกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านแม่ มีเรื่องหนึ่งข้าอยากขอรบกวนพวกท่าน”
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงนั่ง ไม่ให้เขาดุใส่บุตรชาย นางอมยิ้มมองเซี่ยเหวินเซ่า “เรื่องอันใด เจ้าว่ามา”
เซี่ยเหวินเซ่าลังเลมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง ความจริงเขารู้ท่านแม่เขาไม่สนใจเรื่องเขารับหรือไม่รับอนุ ท่านแม่เขามีความคิดเปิดกว้างเป็นพิเศษ แต่ท่านพ่อเขาไม่เหมือนกัน
ตอนนั้นเดิมก็ไม่ได้ถูกใจหว่านอิ๋ง ตอนนี้หากรู้หว่านอิ๋งไม่อาจให้กำเนิดบุตรชาย เกรงว่าคงจะให้เขารับอนุ
“มีอันใดหรือ ว่ามา”
เซี่ยเหวินเซ่าทำใจให้ฮึกเหิมแล้วก็มองลู่เจียว กล่าวว่า “ท่านแม่ มีเรื่องหนึ่งข้าอยากบอกท่านแม่ ตอนหว่านอิ๋งให้กำเนิดเพียนเพียนตกเลือดมาก ดังนั้นเกรงว่านางคงไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีกแล้ว เดิมข้าคิดว่าบำรุงไปสักพักอาจจะไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ดูท่าอาจจะมีปัญหาแล้ว”
เดิมเซี่ยเหวินเซ่าไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่รู้เรื่องนี้ แต่เขากลัวจริงๆ ว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะเห็นว่าพวกเขามีเพียงบุตรสาวและจะตำหนิหว่านอิ๋ง ได้แต่เอ่ยเรื่องนี้ออกมาตรงๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังเซี่ยเหวินเซ่า คิ้วก็กระตุกเอ่ยว่า “เรื่องใหญ่เช่นนี้ เจ้าถึงกับปิดบังเอาไว้ เจ้าคิดทำอันใด”
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยเหวินเซ่า “แม่รู้ความคิดเจ้า เจ้าไม่อยากรับอนุทำให้หว่านอิ๋งเสียใจ ใช่หรือไม่”
เซี่ยเหวินเซ่าไม่ได้เอ่ยอันใด เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “เช่นนั้นจะได้อย่างไร เจ้าไม่มีบุตรชาย วันหน้าผู้ใดจะดูแลเจ้าในบั้นปลายชีวิต จัดการงานสุดท้ายให้เจ้า”
เซี่ยเหวินเซ่าเห็นสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ดีนัก ก็พึมพำกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่ายังมีหลานอีกหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงคิดเอ่ยต่อ แต่ลู่เจียวถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ เรียกเตือนขึ้นว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบเก็บงำสีหน้า เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ทำไมหรือ”
ลู่เจียวมองเขากล่าวว่า “หากเป็นข้า ข้ามีเพียงบุตรสาวให้เจ้า เจ้าก็คงวางแผนรับอนุให้กำเนิดบุตรชายให้เจ้าใช่หรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอ้าปากคิดเอ่ยว่า พวกเราไม่มีทางไม่มีบุตรชาย
ลู่เจียวไม่รอให้เขาเอ่ยก็จ้องมองเขา กล่าวว่า “หากพวกเราไม่มีบุตรชาย เจ้าก็จะรับอนุหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบตั้งสติได้ทันที ยามนี้สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อเขา จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าไม่สบายใจ”
แต่ลู่เจียวมีสีหน้าไม่เชื่อเขา “ตอนนี้ข้าสงสัยปัญหานี้มาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปวดหัวหนักขึ้นมาทันที เหตุใดพูดเรื่องบุตรชายอยู่ดีๆ ก็วกมาที่เขาได้
เขามองไปยังเซี่ยเหวินเซ่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เอาละ เรื่องของเจ้า เจ้าก็จัดการเอง อยากมีก็มี ไม่อยากมีก็จบ เกี่ยวอันใดกับพวกเรา”
เซี่ยเหวินเซ่าพลันยิ้มโล่งอก ดูท่าท่านพ่อโดนท่านแม่สยบแล้ว เขายิ้มจะเดินออกไป “เช่นนั้นบุตรชายขอตัวก่อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังรีบกอดลู่เจียวเอ่ยกล่อมขวัญทันทีว่า “เจียวเจียว จริงนะ แม้พวกเราไม่มีบุตรชาย ข้าก็จะไม่รับอนุทำให้เจ้าไม่สบายใจ บนโลกใบนี้ผู้ที่เป็นของล้ำค่าที่สุดของข้าก็คือเจ้า ไม่ใช่ลูก”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะแสดงท่าทางไม่เชื่อ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นปวดหัวมาก วันหน้าเขายุ่งเรื่องบุตรชายอีกก็ขอให้เป็นสุนัข
“เจียวเจียว จริงนะ หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าสาบานได้ หากข้าคิดเช่นนั้นก็ให้ชาติหน้าข้าเกิดเป็นสุนัข”
นอกห้อง เซี่ยเหวินเซ่าเกือบถูกคำสาบานบิดาทำเอาล้มคะมำ นี่มันอันใดกัน คำสาบานเกิดเป็นสุนัข
แต่เขาอารมณ์ผ่อนคลายลงมาก เดินตรงกลับเรือนตนเอง ซือหว่านอิ๋งกำลังบิดหูเพียนเพียนอบรมบุตรสาว
“เซี่ยหลิง เมื่อใดเจ้าจะยอมเชื่อฟัง เจ้าคิดทำให้ท่านแม่กับท่านพ่อเจ้าโมโหตายใช่หรือไม่”
เซี่ยหลิงเอ่ยอย่างรำคาญว่า “ข้าทำอันใดหรือ ข้าก็แค่เอาหนอนไปล้อเขาเล่นนิดเดียว เขาตกใจร้องไห้เอง เด็กผู้ชายขี้ขลาดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ากำลังสอนให้เขาใจกล้า”
“เจ้ายังกล้าเอ่ยอ้างเหตุผลอีกหรือ เชื่อไหมว่าท่านแม่จะตีเจ้า”
เซี่ยหลิงเห็นเซี่ยเหวินเซ่าเดินเข้ามาก็เงยหน้ามองอย่างไม่ได้สนใจอันใด อย่างไรท่านพ่อก็ไม่ปกป้องนาง
เซี่ยเหวินเซ่าให้ซือหว่านอิ๋งปล่อยมือ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไปบอกกับท่านแม่แล้วว่าจะส่งเพียนเพียนไปให้ท่านแม่อบรม”
ซือหว่านอิ๋งร้องเสียงดังอย่างดีใจ “จริงหรือ ท่านแม่รับปากแล้วหรือ”
“รับปากแล้ว แต่ท่านพ่อบอกว่า หากพวกเขาตีบุตรสาวเรา เจ้าห้ามเจ็บปวดใจ”
“ข้าไม่เจ็บปวดใจแน่ ตีได้เลย”
ซือหว่านอิ๋งคิดถึงว่าท่านพ่อกับท่านแม่อบรมสั่งสอนบุตรมาหลายคน ทุกคนล้วนมีมารยาทดีงาม รู้หลักเหตุผล และกิริยาดี พวกเขายินดีอบรมเพียนเพียนให้ นางย่อมดีใจมาก
“ข้าจะรีบไปเก็บของส่งเพียนเพียนไปเรือนท่านแม่”
“ตกลง”
เพียนเพียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็กระโดดร้องอย่างดีใจ “ท่านแม่ ข้าจะได้ไปอยู่กับท่านย่าหรือ”
ฮึ ท่านย่าราวกับเทพธิดา พูดจานุ่มนวลอ่อนโยน ไม่เหมือนท่านแม่ที่เอาแต่ตีนาง
เด็กน้อยไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ แต่กลับยังกระตือรือร้นเก็บของอย่างมาก จากนั้นก็ยักไหล่ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวว่า “ฮึ ข้าไปอยู่กับท่านย่าละ”
ซือหว่านอิ๋งกับเซี่ยเหวินเซ่าด้านหลังมองตามบุตรสาวไปอย่างไร้วาจาจะกล่าว เจ้าคนไร้น้ำใจ
เซี่ยเหวินเซ่ายื่นมือไปกอดซือหว่านอิ๋ง กล่าวเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับท่านแม่แล้วว่าเจ้าอาจตั้งครรภ์ไม่ได้อีก ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าไม่ยุ่งเรื่องของพวกเรา จะไม่ให้ข้าต้องรับอนุ ดังนั้นเจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
ซือหว่านอิ๋งเหลือบตาขึ้น ในใจตื้นตัน ยื่นมือออกไปกุมมือเซี่ยเหวินเซ่าแน่น “ขอบคุณเจ้ามาก เหวินเซ่า”
“ขอบคุณอันใด พวกเราเป็นสามีภรรยากัน”
ตกค่ำ งานเลี้ยงตระกูลเซี่ยจัดถึงสามโต๊ะ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งกับบรรดาบุตรชายหนึ่งโต๊ะ สะใภ้กับลูกๆ อีกสองโต๊ะ
บรรยากาศครึกครื้นไม่อาจบรรยาย มีแต่เสียงหัวเราะพูดคุยกันอย่างเบิกบานใจมาก
แต่ทุกคนเพิ่งจะลงนั่งรับประทานอาหาร นอกประตู พ่อบ้านเซียวก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ฮูหยิน ฮองเฮาพาองค์หญิงรองกับองค์ชายรองมาขอรับ”