ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 962 ยากทนรับ
ตอนที่ 962 ยากทนรับ
ในห้องโถง บรรยากาศพลันอึดอัดขึ้นมา ผู้ใดก็ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมา
ฮองเฮามา พวกเขาล้วนอึดอัด เพราะหลายปีมานี้ ฮองเฮามักวางตัวสูงส่งต่อหน้าพวกเขา ฮองเฮาวางท่าทีต่อพวกเขาในฐานะเจ้านายและขุนนางไม่น้อย เดิมวันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว พวกเขาควรแสดงท่าทีต่อนางดังขุนนางหรือว่าคนในครอบครัวกัน
ตระกูลเซี่ยทุกคนหันไปมองเซียวเหวินอวี๋ด้วยสัญชาตญาณทันที
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋ย่ำแย่อย่างที่สุด
รัชทายาทก้าวไปหยุดตรงหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวด้วยความจริงใจว่า “ท่านปู่ ท่านย่า เสด็จแม่ต้องได้ยินว่าท่านปู่กับท่านย่ากลับมาแล้ว จึงได้มาหาท่านปู่กับท่านย่าเป็นแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เอ่ยอันใด แต่ลู่เจียวเอ่ยว่า “พวกเราไปรับเสด็จฮองเฮากัน”
ไม่ว่าอย่างไรก็มาแล้ว พวกเขาก็ควรออกไปต้อนรับ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำไม่พอใจเสียงหนึ่ง เซียวเหวินอวี๋ด้านหลังเอ่ยว่า “รัชทายาท ไปรับเสด็จเสด็จแม่เจ้า”
เขากล่าวจบก็มองรัชทายาททีหนึ่ง รัชทายาทเห็นสีพระพักตร์เสด็จพ่อก็รู้ว่าเสด็จพ่อทรงกริ้วแล้ว ทรงเรียกเขาไปรับ ก็เพื่อให้เขาเอ่ยเตือนเสด็จแม่ ดีที่สุดอย่าได้ก่อเรื่องขึ้นในงานวันนี้
รัชทายาทรับรู้ในใจแล้วก็รีบรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
เขากล่าวจบก็ยิ้มมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “ท่านปู่ท่านย่า ข้าไปรับเสด็จแม่เอง”
กล่าวจบเขาหันหลังออกไป องค์หญิงใหญ่ก็รีบตามไปด้วย
แต่ตระกูลเซี่ยทุกคนไม่ได้ลงนั่ง ต่างพากันยืนรอ
ทุกคนให้ความเคารพฮองเฮาด้วยสัญชาตญาณ เพราะกลัวว่านางจะกล่าวหาด้วยเรื่องมารยาทธรรมเนียม ไม่ว่าอย่างไรฮองเฮาก็เป็นภรรยาเอกฝ่าบาท เป็นฮองเฮาแคว้นต้าโจว
เซียวเหวินอวี๋มองทุกอย่างตอนนี้แล้ว ก็รู้สึกสะอึกในใจ ท่านพ่อกับท่านแม่และพี่น้องเขาเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเมื่อก่อนฮองเฮาชอบวางตัวสูงส่งหรือ น่าแค้นใจนัก เขาถึงกับไม่ได้สังเกตเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ หากเขาปล่อยให้ฮองเฮาทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าครอบครัวเขาก็คงเหินห่างจากเขาเป็นแน่
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สีหน้ายิ่งดำทะมึน
รัชทายาทรับฮองเฮากับองค์หญิงรองและองค์ชายรองเข้ามา
ฮองเฮาหวังเมิ่งเหยากวาดตามอง สายตาที่เคยยโสเย็นเยียบ ยามนี้อ่อนโยนขึ้นอย่างมาก พอเดินเข้ามา ก็เอ่ยเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอย่างอ่อนน้อมและให้ความเคารพ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว ดีจริง”
หากฮองเฮาทำตัวเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้มีอันใด คงจะผ่านช่วงเวลาไม่ค่อยดีตอนนี้ไปได้ แต่ตอนนี้ฮองเฮาพลันเปลี่ยนไปเช่นนี้ คนตระกูลเซี่ยไม่ได้รู้สึกดีใจ ทว่าแต่ละคนกลับมีสีหน้าสงสัยว่าหญิงผู้นี้คิดทำอันใดอีก
แต่ไม่ว่าคิดทำอันใด ฮองเฮามาแล้ว ลู่เจียวก็ไม่คิดให้เกิดเรื่องอันใด จึงเอ่ยอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “ฮองเฮาเสด็จมา รีบเข้ามารับประทานอาหารค่ำกัน”
ฮองเฮาเองก็โล่งอก เพราะเดิมกลัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจะเอาเรื่องนาง โชคดีที่ทั้งสองคนยังรู้ว่านางคือฮองเฮา
ในใจฮองเฮาครุ่นคิด หันหน้าไปมองเซียวเหวินอวี๋อย่างระมัดระวังทีหนึ่ง
การมองครั้งนี้ทำเอานางตกใจสะดุ้ง แววตาเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้สักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง
ฮองเฮาไม่สบายพระทัยอย่างมาก พร้อมกับในใจที่รู้สึกเจ็บช้ำ นางยินยอมเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อเขาแล้ว เขายังต้องการอันใดอีก
ตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้จนถึงวันนี้ หวังเมิ่งเหยาคิดไปมากมาย รู้สึกว่าตนเองไม่อาจทนรับความเย็นชาของเซียวเหวินอวี๋ได้ พอนางคิดถึงว่าชีวิตที่เหลือจากนี้ หากเซียวเหวินอวี๋ไม่สนใจนางอีก นางก็คงปวดร้าวยากทนรับไหว ดังนั้นนางตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตนเอง วันหน้าใส่ใจดูแลเซียวเหวินอวี๋ให้ดี รักคนที่เขารัก ก็แค่ทำตัวสนิทสนมกับตระกูลเซี่ยไม่ใช่หรือ นางเห็นแก่เขาก็แล้วกัน
ในห้องโถง ลู่เจียวเรียกทุกคนให้เข้าไปนั่งกันต่อ เดิมข้างกายเซียวเหวินอวี๋ก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ตอนนี้ฮองเฮามา ลู่เจียวก็เว้นตำแหน่งให้ฮองเฮานั่ง
ฮองเฮาก็เข้าไปนั่งข้างเซียวเหวินอวี๋ รัชทายาทพาองค์หญิงรองกับองค์ชายรองไปร่วมอีกโต๊ะ
แต่เพราะการมาของฮองเฮา เดิมตระกูลเซี่ยที่กำลังครึกครื้นก็พลันเงียบลง
เด็กๆ เห็นผู้ใหญ่ไม่พูด แต่ละคนก็ไม่กล้าเอ่ย แม้แต่จอมวายร้ายเซี่ยหลิงก็ยังไม่กล้าเอ่ยอันใด สาเหตุหลักก็เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น
ฮองเฮากลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติของนางกับเซียวเหวินอวี๋ที่ควรเป็น นางเป็นฮองเฮา ตระกูลเซี่ยเป็นขุนนาง จะอย่างไรก็ไม่ควรส่งเสียงคุยดังต่อหน้าพวกนาง
เซียวเหวินอวี๋มองดูสีหน้าของฮองเฮา พบว่านางไม่ได้รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย ไม่รู้สักนิดว่าตนเองไม่เป็นที่ต้อนรับของทุกคน ไม่รู้ว่าเดิมตระกูลเซี่ยกำลังครึกครื้นพลันเงียบลงเพราะนาง
ในใจเซียวเหวินอวี๋นึกรังเกียจอย่างมาก แม้แค่นั่งอยู่ด้วยกันกับนางก็ยังรู้สึกแทบทนรับไม่ไหว
แต่เขาไม่อยากให้ตระกูลเซี่ยอึดอัดเพราะพวกเขาสองคน เซียวเหวินอวี๋จึงพยายามข่มใจ
แต่หวังเมิ่งเหยากลับไม่รู้สึกตัวสักนิด นางคิดว่าตนเองวางท่าทางยอมลงให้มากแล้ว แม้เซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจ แต่ก็คงไม่ถึงกับรังเกียจดังเช่นก่อนหน้านี้
หวังเมิ่งเหยาครุ่นคิดแล้วก็ยื่นมือไปคีบอาหารที่เซียวเหวินอวี๋ชอบใส่ชามเซียวเหวินอวี๋
“ฝ่าบาทชอบเสวยอันนี้ ลองชิมดูเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่แตะสักนิด เห็นบรรยากาศตระกูลเซี่ยเงียบลง เขาก็ไม่คิดอยู่ต่อ ไม่แน่ว่าหากเขาไป ทุกคนอาจสบายใจขึ้นบ้าง
ดังนั้นเซียวเหวินอวี๋จึงมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้านึกได้ว่าในวังยังมีงานต้องจัดการ ขอกลับเข้าวังก่อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อาจทนมองดูฮองเฮาได้อีก พอได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็รีบเอ่ยว่า “ได้ กลับไปเถอะ งานสำคัญกว่า”
หวังเมิ่งเหยานิ่งตะลึงมองเซียวเหวินอวี๋ หมายความเยี่ยงไร พอนางมา เขาก็จะไป
เซียวเหวินอวี๋ไม่มองนางแม้สักครั้ง ลุกขึ้นเดินออกไปทันที
รัชทายาทที่อยู่ไม่ไกลนักเห็นเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ตนเองเช่นนี้ก็ปวดหัวไม่น้อย เขามองออกว่าเสด็จพ่อไม่คิดผ่อนความสัมพันธ์ตึงเครียดกับเสด็จแม่แม้สักนิด แม้แค่อยู่กับนางนานอีกหน่อยก็ไม่ยินดี เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
รัชทายาทรู้สึกเพียงแค่หมดเรี่ยวแรง ไม่รู้ควรทำเช่นใด
สุดท้ายเขาก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว เลิกคิ้วเล็กน้อยครุ่นคิด ดูท่าเรื่องนี้เขาต้องขอให้ท่านปู่ท่านย่าออกหน้าแล้ว หากท่านปู่ท่านย่ายอมออกหน้ากล่อมเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะต้องยอมคืนดีกับเสด็จแม่ดังเดิมอย่างแน่นอน
รัชทายาทตัดสินใจแล้ว แต่กลับรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเอ่ยเรื่องพวกนี้
เซียวเหวินอวี๋ทักทายอำลากับพวกเซี่ยเหวินเหยาแล้วก็เดินออกไป ฮองเฮาเห็นเขาเช่นนี้ก็ได้แต่ลุกตามออกไป
รัชทายาทพาน้องชายและน้องสาวตามไป
ตระกูลเซี่ยทุกคนพากันลุกขึ้นออกไปส่งฮองเฮา
เพียงแต่ทุกคนเพิ่งจะเดินตามกันจะออกจากห้องโถงกลาง พ่อบ้านเซียวก็เข้ามาอย่างรีบร้อน รายงานว่า “ใต้เท้า ฮูหยิน มีแขกมาขอพบฮูหยิน ตอนนี้รออยู่ด้านนอกประตู”
ลู่เจียวเลิกคิ้ว ถามอย่างแปลกใจ “ผู้ใดกัน”
พ่อบ้านเซียวส่ายหน้า “เป็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งหน้าตาดีอย่างมาก”
ลู่เจียวคิดจริงจัง ก็คิดไม่ออกว่าเป็นผู้ใด รีบเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไปเชิญพวกเขาเข้ามาได้”
“ขอรับ ฮูหยิน”
พ่อบ้านเซียวหันหลังวิ่งเหยาะๆ ไปเชิญแขกหน้าประตูเข้ามา