ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 963 งามตะลึง
ตอนที่ 963 งามตะลึง
พวกเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้สนใจแขกนอกประตูอีก เขาหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ต้องไปส่งแล้ว พวกท่านเข้าไปรับประทานอาหารกันเถอะ”
เอ่ยถึงเรื่องนี้เซียวเหวินอวี๋ก็มีแต่ความโมโหอัดแน่นในใจ รับประทานอาหารกันอยู่ดีๆ หวังเมิ่งเหยาทำเสียบรรยากาศหมด ครั้งนี้เขากลับไปจะต้องบอกกับหญิงผู้นี้ให้ดีว่า วันหน้าไม่มีรับสั่งจากเขา หวังว่านางจะไม่มายุ่งเรื่องของเขาอีก
เซียวเหวินอวี๋คิดขึ้นมา แววตาก็เย็นเยียบ กล่าวตามตรง การที่เขาอดทนต่อหวังเมิ่งเหยาก็เพราะรัชทายาท เขาเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว หากเสด็จพ่อเสด็จแม่มีเรื่องกันมากเกินไป เกรงว่ารากฐานเขาก็คงไม่มั่นคง
เซียวเหวินอวี๋อดทนเพื่อรัชทายาท แต่หากหวังเมิ่งเหยายังกล้าทำสิ่งที่เขาไม่ได้สั่งอีก เขาก็ไม่ถือสาหากต้องทำให้นางรู้ว่าผู้ใดเป็นใหญ่ในแคว้นต้าโจว
เซียวเหวินอวี๋เปล่งรัศมีดุดันรอบกาย ฮองเฮาที่ตามมาพลันรู้สึกหนาวยะเยือกทั่วร่างอย่างไร้สาเหตุ
แม้ว่าเซียวเหวินอวี๋บอกไม่ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกมาส่ง แต่พวกเขาก็ยังคงยืนยันออกมาส่งเซียวเหวินอวี๋หน้าประตู
หากมีเพียงเซียวเหวินอวี๋ พวกเขาก็คงไม่คิดมาก แต่พอมีฮองเฮาอยู่ด้วย ธรรมเนียมที่ควรก็ต้องธำรงให้ดีจะดีกว่า
เซียวเหวินอวี๋รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทำเพื่ออันใด จึงไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ทุกคนพากันเดินถึงหน้าประตูตระกูลเซี่ย
นอกประตูตระกูลเซี่ย ก็มีคนสองคนเดินเข้ามา
ทั้งสองคนที่เดินนำมาคล้ายดังสองร่างที่เปล่งประกายเจิดจ้าสะดุดสายตาทุกคน
บุตรชายตระกูลเซี่ยทุกคนล้วนรูปงามโดดเด่นใกล้เคียงกัน แต่หนุ่มน้อยที่เดินเข้ามาก็แทบมิได้แตกต่างจากพวกเขา เป็นชายหนุ่มรูปงาม งามเป็นเลิศคล้ายดังหล่อเลี้ยงขึ้นจากธรรมชาติ งามใสกระจ่าง กิริยาท่าทางก็ดังราวหยกสลัก ทำให้คนที่ได้เห็นต่างมองไม่กะพริบตา
สาวน้อยข้างกายเขายิ่งทำให้คนไม่อาจละสายตา ผิวพรรณนางขาวดุจหิมะ ผมดำขลับ เรียวตาหงส์ส่องประกายคล้ายดังหงส์เทพ แววตาเปล่งประกายลุกโชนดึงดูดสายตา กระโปรงยาวสีม่วงปักลายดอกชบา รัดเอวคอด ยามเยื้องย่างก็ราวกับปทุมงามล้ำ กิริยาท่าทางสง่างามไม่อาจบรรยาย คล้ายดังมีลำแสงนับหมื่นสาดส่องร่างนาง
สาวงามงามดึงดูดผู้คนผู้นี้ ไม่เพียงแต่ภายนอกงดงาม แต่กิริยาท่าทางมั่นใจจากภายในก็ยิ่งทำให้คนไม่อาจละสายตาจากไปได้
หนุ่มสาวงดงามดังภาพวาดสองคนปรากฏตัวหน้าประตูจวนตระกูลเซี่ย
ทุกคนในตระกูลเซี่ยต่างจับจ้องมองนิ่งอึ้ง แม้แต่ฮ่องเต้เซียวเหวินอวี๋เองก็ตกตะลึงเล็กน้อย เห็นครั้งแรกก็ตะลึงในความงาม โดยเฉพาะสาวน้อยที่งดงามดุจบุปผา เขามองนาง รู้สึกคล้ายมีประกายไฟปรากฏตรงหน้าเขาในตอนนี้ ทำให้เขาอดมองจ้องนางไม่ได้
เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ฮองเฮาด้านหลังเซียวเหวินอวี๋เห็นสายตาเซียวเหวินอวี๋มองไปยังสาวน้อย ในใจพลันรับรู้ได้ถึงอันตราย ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่ไรมาเซียวเหวินอวี๋ไม่เคยหลงใหลนารี แต่ไรมาล้วนให้ความสนใจเพียงนาง แต่ในเวลานี้นางได้เห็นสายตาตื่นตะลึงจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาของฮ่องเต้ได้อย่างชัดเจน
ทำให้หวังเมิ่งเหยาเกิดความรู้สึกแตกตื่นลนลานขึ้นมาทันที
ลู่เจียวในกลุ่มคนเห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเข้าประตูมา สมองพลันอื้ออึง นี่มิใช่ม่อเอ๋อร์กับเยี่ยนเอ๋อร์หรือ พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ฉินม่อกับตู้เยี่ยนเดินมาตรงหน้าลู่เจียว จ้องมองเพียงนาง แม้ว่าหน้าตาท่านแม่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่พวกเขายังมองโครงหน้าคล้ายคลึงออก สีหน้าแววตายังคงเหมือนกับเมื่อก่อน
เพียงแต่บางทีท่านแม่อาจจำพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเขาก็อดอยากมาพบนางไม่ได้ มาดูว่านางมีชีวิตที่ดีหรือไม่
ฉินม่อกับตู้เยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็ก้าวเข้ามาคำนับลู่เจียว
“ฉินม่อคารวะฮูหยินโจวกั๋ว”
“ตู้เยี่ยนคารวะฮูหยินโจวกั๋ว”
ลู่เจียวได้ยินคำเรียกขานของพวกเขาก็อดเอ่ยไม่ได้ “ม่อเอ๋อร์ เยี่ยนเอ๋อร์พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ลู่เจียวเอ่ยขึ้นเพราะเด็กน้อยสองคนนี้หน้าตาเหมือนกับบุตรชายบุตรสาวนางในภารกิจ ทำให้นางจดจำพวกเขาได้ในทันที เพียงแต่นางคิดไม่เข้าใจว่าพวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร
ฉินม่อกับตู้เยี่ยนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ตกใจนิ่งอึ้ง ท่านแม่ถึงกับยังจำพวกเขาได้ นี่ไม่ใช่อีกภพหนึ่งของท่านแม่หรือ เหตุใดนางยังจำพวกเขาได้อีก
ทั้งสองคนคิดความอัศจรรย์นี้ไม่เข้าใจ แต่ก็ดีใจมาก ความนิ่งสงบก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปสิ้น เดินไปตรงหน้าลู่เจียวอย่างดีใจ
“ท่านแม่ ท่านยังจำพวกเราได้หรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่ เพียงแต่พวกเจ้าปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร”
ลู่เจียวกล่าวจบก็รู้สึกว่าเอ่ยวาจาเช่นนี้ในสถานที่เช่นนี้คล้ายว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก นางรีบหันไปมองเซียวเหวินอวี๋กับฮองเฮากล่าวว่า “หม่อมฉันไปส่งฝ่าบาทกับฮองเฮากลับก่อน”
เซียวเหวินอวี๋ค่อยๆ ถอนสายตาจากสตรีตรงหน้า ใช่แล้ว สตรีผู้นี้ชื่อว่าตู้เยี่ยน นางไม่เพียงแต่งดงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง แม้แต่กิริยาท่าทางก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เปล่งประกายเสน่ห์ของนางอย่างไม่ต้องพยายามเสแสร้ง คล้ายกับเปล่งประกายแสงดึงดูดสายตาผู้คน
แต่ได้ยินนางเรียก คล้ายว่ามีสายสัมพันธ์กับท่านแม่ เซียวเหวินอวี๋อดแปลกใจไม่ได้ นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่เห็นชัดว่าท่านแม่ไม่อยากให้พวกเขารู้
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินก็เอ่ยว่า “พวกท่านไม่ต้อง ไปพวกเราแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋หันหลังก้าวออกไปทันที ฮองเฮาได้แต่ก้าวตามไป แต่ก่อนออกจากตระกูลเซี่ย ยังหันไปมองสตรีงดงามด้วยสัญชาตญาณ สตรีผู้นี้ทำให้นางรู้สึกถึงความไม่สบายใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน คล้ายว่าตนเองทำของบางอย่างหายไป
เซียวเหวินอวี๋ไม่รู้ความคิดในใจนาง รีบก้าวขึ้นรถม้า ฮองเฮารีบตามไปด้วยสัญชาตญาณ
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ห้าม เพราะเขามีคำพูดต้องการกล่าวกับฮองเฮา
ครั้งเห็นเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ห้าม หวังเมิ่งเหยาจึงรู้สึกดีใจมาก
ฝ่าบาทให้อภัยนางแล้วหรือ
น่าเสียดายอีกสักครู่นางก็จะต้องเสียหน้าแล้ว
ในรถม้า เซียวเหวินอวี๋เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “วันหน้าไม่มีคำสั่งจากเรา ห้ามมาตระกูลเซี่ยตามอำเภอใจอีก”
หวังเมิ่งเหยาสีหน้าพลันซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวลนลาน “ฝ่าบาท ทรงหมายความเยี่ยงไรเพคะ”
“เราพูดไม่กระจ่างพอหรือ เราไม่อยากให้เจ้ามาวุ่นวายกับตระกูลเซี่ย”
“หม่อมฉันวุ่นวายกับพวกเขาตรงไหนกัน”
หวังเมิ่งเหยาเอ่ยเสียงแหลม คืนนี้นางวางตัวยอมลงให้มากแล้ว ยังต้องการอันใดอีก ในฐานะฮองเฮา นางถึงกับต้องลดตัวต่อหน้าขุนนาง นางต้องฝืนทนเช่นนี้แล้ว เขายังต้องการให้นางทำเยี่ยงไรอีก
หวังเมิ่งเหยาร้องไห้ขึ้นมา “ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว เหตุใดต้องทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “บาดแผลเกิดขึ้นแล้ว เจ้าบอกว่ารับผิดคำเดียวก็รั้งใจผู้อื่นกลับมาได้หรือ อีกอย่าง เจ้าอาจจะคิดว่าคืนนี้เจ้าทำเช่นนี้เป็นการให้ความกรุณาต่อตระกูลเซี่ย หวังเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าเจ้าคือฮองเฮา ตระกูลเซี่ยคือขุนนาง เจ้าต้องฝืนทนทำเช่นนี้ใช่หรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋พูดถึงตอนสุดท้ายก็แค่นยิ้มเยาะ เอ่ยเตือนหวังเมิ่งเหยา “เจ้าเป็นฮองเฮา อย่าลืม เราเป็นฮ่องเต้ ตำแหน่งฮองเฮาเจ้า เราพระราชทาน ในเมื่อเราพระราชทานให้เจ้าเป็นฮองเฮาได้ ก็เรียกกลับคืนมาได้”
คำพูดนี้ทำให้หวังเมิ่งเหยาตกใจอย่างมาก นางมองเซียวเหวินอวี๋อย่างหวาดกลัว เขาถึงกับบอกว่าจะเรียกตำแหน่งฮองเฮาของนางกลับคืน
หวังเมิ่งเหยาพลันคิดถึงสายตาเซียวเหวินอวี๋ที่มองสตรีผู้นั้นในค่ำคืนนี้ขึ้นมา ก็เสียงแหลมขึ้นทันที “ทรงต้องพระทัยหญิงอื่นใช่หรือไม่เพคะ ต้องพระทัยหญิงผู้นั้นหรือเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินวาจาหวังเมิ่งเหยา ก็รู้สึกเพียงแค่หญิงผู้นี้สมองมีปัญหา
ปัญหาระหว่างพวกเขาเกี่ยวอันใดกับหญิงอื่น
“ลงไป ไร้เหตุผลสิ้นดี”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็ออกคำสั่งให้หยุดรถม้า
ฮองเฮาดิ้นรนไม่ยอมแพ้ เอ่ยว่า “ฝ่าบาท ทรงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้ไม่ได้ พวกเรามีบุตรด้วยกันถึงสามคน”
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยเย็นเยียบว่า “เจ้าน่าจะรู้ว่าตนเองโชคดีที่มีบุตรสามคน หาไม่ เราก็จะให้เจ้าไสหัวไปจากตำแหน่งฮองเฮานานแล้ว แต่เจ้ายังคงดำรงตำแหน่งฮองเฮาอยู่ได้ นับแต่วันนี้ไป เราหวังว่าเจ้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเราโดยไม่มีเรื่องอันใด เราไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก”