ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 965 ชอบ
ตอนที่ 965 ชอบ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “ม่อเอ๋อร์ เยี่ยนเอ๋อร์วันหน้าพวกเจ้าก็คือบุตรชายและบุตรสาวบุญธรรมของแม่ พวกเจ้าเรียกท่านอาว่าท่านพ่อบุญธรรม เรียกข้าว่าท่านแม่บุญธรรมก็แล้วกัน”
หากไม่ทำเช่นนี้ ก็คงไม่อาจให้คำอธิบายเรื่องนี้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยแสดงท่าทีเห็นด้วย
ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านพ่อบุญธรรม”
ตอนหันกลับไปมองลู่เจียวก็ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
ใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน แต่ก็ทำอันใดพวกเขาไม่ได้
ลู่เจียวลุกขึ้นจูงซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนออกไปพลางกล่าวว่า “มา แม่แนะนำคนในตระกูลเราให้พวกเจ้ารู้จัก”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนไม่ได้คัดค้าน ต่างอารมณ์ดีอย่างมากเพราะคิดถึงว่ามารดายังจำพวกเขาสองคนได้ พวกเขาย่อมดีใจอย่างที่สุด
นอกประตู ตระกูลเซี่ยทุกคนกำลังยืมอออยู่หน้าประตู เห็นลู่เจียวจูงหนุ่มสาวรูปโฉมโดดเด่นสองคนเดินออกไป ทุกคนต่างมองมาพร้อมกัน
ลู่เจียวแนะนำให้ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้จัก
“นี่คือบุตรชายของแม่ พี่ใหญ่เจ้าเซี่ยเหวินเหยา นี่คือพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าหูหลิงเสวี่ย นี่คือพี่สะใภ้รองเจ้าจ้าวอวี้หลัว พี่รองเจ้าประจำอยู่ด่านหลงไห่ ไม่อยู่บ้าน นี่คือพี่สามเจ้าเซี่ยเหวินเซ่า นี่คือพี่สะใภ้สามเจ้าซือหว่านอิ๋ง นี่คือพี่ห้าเจ้าเซี่ยเหวินอวี้กับพี่สะใภ้ห้าหลู่หนิง นี่คือพี่สาวหกของเจ้าเซี่ยหลิงหลง”
ลู่เจียวแนะนำเสร็จก็ชี้ไปที่ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวว่า “นี่คือบุตรชายและบุตรสาวบุญธรรมที่ท่านแม่กับท่านพ่อรับไว้ วันหน้าพวกเจ้าก็ถือว่าพวกเขาก็คือน้องชายน้องสาวของพวกเจ้า ต้องปกป้องพวกเขาให้ดี”
พวกเซี่ยเหวินเหยาได้ฟังก็รีบรับคำพร้อมเพรียง “ทราบแล้วท่านแม่”
ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก้าวเข้าไปคำนับอย่างยินดี
คำนับเสร็จ ทุกคนก็เคลื่อนขบวนไปกินข้าวที่ห้องโถงกลาง บรรยากาศห้องโถงพลันอบอุ่นขึ้นมา
แม้ว่าซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนดูแล้วยังเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว แต่ในความเป็นจริง ภพก่อนพวกเขามีอายุถึงยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด อายุไล่เลี่ยกับพี่น้องในตระกูลเซี่ย ดังนั้นยามสนทนากันจึงมิได้เกิดช่องว่างแม้แต่น้อย เพราะล้วนเป็นบุตรที่ลู่เจียวอบรมมา สองฝ่ายล้วนเข้าใจกันดียิ่ง สุดท้ายยิ่งพูดก็ยิ่งออกรส คุยกันจนเที่ยงคืนจึงได้ไปพักผ่อน
รอจนสุดท้ายทุกคนกลับเรือนตนเองไปพักผ่อนแล้ว เซี่ยเหวินเหยากับเซี่ยเหวินอวี้จึงได้รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง พวกเขาเป็นบุตรที่ท่านแม่อบรมเลี้ยงดูมา หลายเรื่องล้วนคิดไม่เหมือนคนบนโลกนี้ แต่หนุ่มสาวทั้งสองนั้นคืออันใดกัน
เซี่ยเหวินอวี้อดวิ่งไปคุยเรื่องนี้ที่เรือนพี่ใหญ่ไม่ได้
“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้สึกแปลกๆ หรือ หนุ่มสาวทั้งสองคนนั้นเหตุใดพูดจาเหมือนกับพวกเรา เหมือนว่าพวกเขาเองก็เป็นบุตรที่ท่านแม่อบรมเลี้ยงดูมา”
แต่พวกเขาอายุเพียงแค่นั้น ท่านแม่ต้องอบรมมาแต่เล็กถึงจะถูกต้อง พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขาสองคนมาก่อน เซี่ยเหวินอวี้คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เซี่ยเหวินเหยาเองก็พบความผิดปกตินี้ แต่มองเซี่ยเหวินอวี้กล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องมีอันใดเป็นแน่ แต่ท่านแม่ไม่พูด เจ้าก็ทำเป็นไม่รู้ดีกว่า”
“ได้” เซี่ยเหวินอวี้ตอบรับ
วันรุ่งขึ้น ตระกูลเซี่ยจัดงานเลี้ยงรับรองแขก
ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกจากเมืองหลวงไป แม้ว่าข่าวตระกูลเซี่ยปล่อยออกไปว่าท่านแม่พาท่านพ่อไปรักษา แต่พอเวลานานวันเข้า คนไม่น้อยสงสัยต่างพากันสงสัยว่าโส่วฝู่กับฮูหยินโจวกั๋วเกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกลับมา ตระกูลเซี่ยย่อมอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าพวกเขาไม่เป็นอันใด
อีกอย่างคนที่สนิทกับตระกูลพวกเขาเองก็ห่วงใยพวกเขาไม่น้อยเช่นกัน
พอเช้าตรู่มา ตระกูลที่สนิทกับลู่เจียวก็พากันมาถึง เนี่ยอวี้เหยามารดาหูหลิงเสวี่ย เถียนฮวนฮูหยินหย่งหนิงโหว ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ยังมีฮูหยินขุนพลหวัง ทุกคนมากันแต่เช้า
หลายตระกูลก่อนหน้านี้ล้วนเป็นห่วงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะเกิดเรื่อง พอรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เป็นอันใด ทุกคนก็พากันวางใจ ล้วนดีใจยิ่ง
“ไม่เป็นอันใดก็ดีๆ”
เนี่ยอวี้เหยามองลู่เจียวเป็นอย่างห่วง “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวพวกเจ้ามาตลอด พวกเราเป็นห่วงแทบตาย”
เถียนฮวนพยักหน้า “ตอนนี้ดีแล้ว เด็กๆ ก็สบายใจ ก่อนหน้านี้ไร้ข่าวคราวพวกเจ้า คนที่หวาดกลัวมากที่สุดก็คือเด็กๆ”
จ้าวอวี้หลัวกลับไปก็เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด พอเอ่ยถึงครอบครัว ทุกคนก็ล้วนไม่สบายใจ ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาปลอดภัย ก็นับว่าพร้อมหน้าทั้งครอบครัวแล้ว
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เป็นความผิดของข้าเอง เพราะเอาแต่เป็นห่วงเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นจึงไม่ได้คิดเขียนจดหมายมาบอกพวกเขา”
ความจริงเพราะไม่อาจเขียนได้ แต่นางไม่อาจกล่าวเช่นนี้
ทุกคนยิ้มรับ กล่าวว่า “ขอเพียงไม่เป็นอันใดก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”
แววตาฮูหยินขุนพลหวังอดมองไปยังหญิงสาวข้างกายลู่เจียวไม่ได้ อายุไม่มาก หน้าตารูปโฉมงดงามยิ่ง สวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อนปักลายเมฆา กิริยาท่าทางมีสง่าราศีไม่ธรรมดา แม้เพียงนั่งเงียบๆ ก็ยังงามราวกับภาพวาด หญิงสาวเช่นนี้งดงามอย่างที่สุด และไม่ใช่ความงามจากรูปร่างหน้าตา แต่เป็นกลิ่นอายสง่าราศีที่เปล่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่ได้เห็นต่างรู้สึกว่ามิใช่เป็นเพียงแจกันไร้สมอง นางเป็นสตรีที่มีความคิด
ขุนพลหวังอดเอ่ยไม่ได้ว่า “เจียวเจียว ผู้นี้คือ?”
ลู่เจียวรีบดึงมือซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมา ยิ้มกล่าวว่า “นี่คือบุตรสาวบุญธรรมข้า ตู้เยี่ยน”
เมื่อคืนก่อนนอน นางคิดถึงสถานะตู้เยี่ยนหลังข้ามภพมา จึงตัดสินใจว่าตอนนี้จะยังเรียกนางว่าตู้เยี่ยน
เพราะตอนนี้นางเป็นองค์หญิงซีเหลียง ตอนนี้ซีเหลียงคิดรุกรานแคว้นต้าโจว ดังนั้นลู่เจียวไม่อยากให้ผู้ใดรู้สถานะแท้จริงของตู้เยี่ยนกับฉินม่อ
เรื่องนี้พวกเขาต้องรอทูลฮ่องเต้ก่อน
สรุปก็คือลู่เจียวเชื่อว่าฉินม่อจะไม่มีทางยกทัพรุกรานแคว้นต้าโจว นางอบรมพวกเขามาแล้วว่า สงครามทำให้ราษฎรลำบากที่สุด ใต้หล้าวุ่นวาย ประชาไม่เป็นสุข ดังนั้นหลายครั้ง หากไม่มีสงครามได้ ก็อย่าได้มีเสียดีกว่า นอกจากแผ่นดินมีฮ่องเต้โหดเหี้ยม ประชาทุกข์ร้อน จึงจะออกหน้าเพื่อประชา หากเป็นยามปกติ ให้คิดเพื่อประโยชน์ราษฎรให้มาก ทำให้ราษฎรมีชีวิตที่ดี
นางอบรมพวกเขามาเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่ต้องการให้ซีเหลียงเปิดศึกกับแคว้นต้าโจว
ผู้ที่คิดเปิดศึกก็คือซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียง
ในห้องโถง ฮูหยินขุนพลหวังได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็นึกชื่นชมอย่างมาก เอ่ยว่า “เจียวเจียว เจ้าร้ายกาจจริง บุตรชายบุญธรรมก็สง่างาม บุตรสาวบุญธรรมก็งดงาม เด็กคนนี้ข้าดูแล้วชอบจริงๆ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มมองไปยังฮูหยินขุนพลหวัง เอ่ยอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “ได้รับคำชอบจากฮูหยินได้ ถือเป็นเกียรติของข้า ขอบคุณฮูหยิน ข้าเองก็ชอบฮูหยินมากเช่นกัน”
ฮูหยินขุนพลหวังพอได้ฟังก็ดีใจ เด็กคนนี้รู้จักพูดจา ทำให้คนได้ฟังแล้วอารมณ์ดี น้ำเสียงนางยังไพเราะเสนาะหู
ฮูหยินขุนพลหวังกุมมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย
พร้อมกับคิดถึงว่าเมื่อคืนวานนี้ ฮองเฮาให้คนส่งจดหมายมาตระกูลหวัง ถึงกับให้นางขอหมั้นหมายหญิงสาวผู้นี้ให้บุตรชายอนุตระกูลหวัง
ฮูหยินขุนพลหวังเดิมได้อ่านจดหมายบุตรสาวก็เห็นด้วย แต่ตอนนี้ได้เห็นนางก็รู้สึกว่าบุตรอนุตระกูลหวังไม่คู่ควร หญิงสาวรูปโฉมงดงามเช่นนี้ บุตรอนุตระกูลหวังจะคู่ควรได้อย่างไร และนางมองออกว่า เจียวเจียวเอ็นดูหญิงสาวผู้นี้มาก หากนางกล้าเอ่ย นางกับเจียวเจียวคงต้องผิดใจกัน เพราะนางรู้ว่าเจียวเจียวเป็นคนปกป้องบุตรตนเองอย่างมาก
ฝ่าบาทเป็นเพียงเด็กที่นางเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ หลายปีนั้นนางคอยปกป้องฝ่าบาทมาตลอด
เพียงแต่ฮูหยินขุนพลหวังคิดไม่ตกว่า อยู่ดีๆ เหตุใดบุตรสาวนางถึงให้นางมาขอหมั้นหมายหญิงผู้นี้ให้บุตรชายอนุตระกูลหวัง
ฮูหยินขุนพลหวังคิดไปก็ยิ้มไปพลางกล่าวว่า “เด็กคนนี้ ข้าอยากพากลับบ้านไปซ่อนไว้จริงๆ เหตุใดหน้าตาดีเช่นนี้ พูดจาก็ไพเราะน่าฟัง”
วาจานี้มิใช่วาจาพูดเอาใจ แต่เสียงหญิงสาวผู้นี้ราวกับเม็ดไข่มุกระทบจานหยกเสนาะหูจริง
พอฮูหยินขุนพลหวังเอ่ย ทุกคนในห้องโถงก็พากันมองประเมินซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน นางยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคนไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวแม้สักนิด กลับกัน นางมีแต่ความมั่นใจ ทุกคนมองไปมองมาก็มีคนพลันเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ารู้สึกไหมว่าหญิงสาวผู้นี้มีกลิ่นอายละม้ายเจียวเจียว”
พอมีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น คนอื่นก็พากันรับรู้ได้เช่นกัน มีคนเอ่ยขึ้นว่า “กลิ่นอายเช่นนี้ หากไม่พูดยังคิดว่านางคือบุตรสาวเจียวเจียวตัวจริงเลยเชียวนะ”
เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนหันไปหยอกเซี่ยหลิงหลงข้างกายลู่เจียว “หลิงหลง เดิมเจ้าเป็นบุตรสาวคนเล็กสุด ยามนี้มีน้องสาวงดงามเช่นนี้ สถานะเจ้าในใจท่านแม่คงลดน้อยลงแล้ว”
เซี่ยหลิงหลงหัวเราะดัง แววตาเต็มไปด้วยความใจกว้าง “ข้าไม่แย่งชิงกับน้องสาว อย่าว่าแต่ท่านแม่ข้า แม้แต่ข้าเองเห็นนางก็ชอบ”
เซี่ยหลิงหลงชอบซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนจริงๆ แม้ว่าน้องสาวเป็นบุตรสาวบุญธรรมท่านแม่ แต่เห็นนางแล้วก็รู้สึกสนิทสนมจริงๆ ไม่ว่าการพูดการจาหรือการกระทำล้วนคล้ายนาง เป็นดังน้องสาวนางแท้จริง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังเซี่ยหลิงหลงก็ยิ้มกล่าวว่า “ในใจข้า พี่หลิงหลงก็คือพี่สาวแท้ๆ ของข้า”
ทุกคนในห้องพากันหัวเราะ เด็กสาวตัวน้อยเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน หาข้อรังเกียจไม่ได้แม้แต่น้อย