ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 967 พบกัน
ตอนที่ 967 พบกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคลายคิ้วที่ขมวดอย่างไม่พอใจลง ถอนหายใจกล่าวว่า “บุตรที่พวกเราเลี้ยงดูมาหลายคน คนที่ข้าเห็นใจที่สุดก็คือซื่อเป่า ไม่อาจพบพานคู่ครองที่ดีเหมือนดังเช่นบุตรชายตระกูลเราที่มีภรรยาที่ดีมาก ไม่ได้มากเรื่องเหมือนนางเช่นนั้น”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นหรือ ก่อนหน้านี้เจ้ายังรังเกียจว่าสะใภ้ไม่ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินวาจานี้ก็ยิ้ม สะใภ้ตระกูลเขาส่วนใหญ่ลู่เจียวเป็นคนเลือก
“เอ่ยถึงเรื่องนี้ข้าต้องยอมยกให้เจ้า สายตาเจ้าดีกว่าข้า เจียวเจียวร้ายกาจทุกเรื่อง”
ลู่เจียวยิ้มผลักเขาทีหนึ่ง “ตอนนี้เจ้านับวันยิ่งรู้จักพูดจามากขึ้นแล้วนะ”
ใต้เท้าเซี่ยแสร้งทำออดอ้อน “แน่นอน”
ทั้งสองคนคุยกันไปก็ก้าวเดินออกไปกินอาหารเช้ากัน
วันนี้แม้ฮองเฮาไม่ส่งคนมาเชิญ พวกเขาก็จะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่แล้ว พอฮองเฮาเชิญ ก็ได้เข้าวังพอดี
หลังอาหารเช้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาฉินม่อ ตู้เยี่ยนกับสะใภ้ตระกูลเซี่ยเข้าวังร่วมงานเลี้ยง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาฉินม่อตรงไปห้องทรงอักษร ตู้เยี่ยนไปตำหนักวังหลังกับพวกหูหลิงเสวี่ย
เมื่อก่อนพวกนางเข้าวัง ล้วนเข้าทางประตูวัง แต่ครั้งนี้ฮองเฮาถึงกับส่งเกี้ยวมารอรับ ให้พวกนางนั่งเข้าวัง
หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวเห็นดังนี้ก็ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใดดี
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่รู้ว่าฮองเฮามีเรื่องขัดแย้งกับตระกูลเซี่ย เมื่อวานนางได้ยินคนเอ่ยถึงเรื่องฝ่าบาทกับฮองเฮา ก็รู้ว่าฝ่าบาทพระองค์นี้แม้เป็นฮ่องเต้แคว้นโจว แต่ตระกูลเซี่ย ซึ่งก็คือท่านแม่นาง เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ดังนั้นฮ่องเต้จึงดีต่อท่านแม่นางมาก ยังแต่งตั้งท่านแม่นางเป็นฮูหยินโจวกั๋วแห่งแคว้นต้าโจว
อวิ๋นเยี่ยนรู้สึกดีต่อเซียวเหวินอวี๋อยู่ไม่น้อย เป็นถึงฮ่องเต้ แต่ยังคงมีจิตใจดีงาม หาได้ยากในหมู่ฮ่องเต้
แต่นอกจากเรื่องพวกนี้ อวิ๋นเยี่ยนก็ไม่ได้คิดอื่นใดแม้แต่น้อย
ภพก่อนนางมีบิดาเช่นนั้น เดิมก็ไม่มีความมั่นใจในตัวผู้ชายมากนัก ต่อมายังพบกับหรงกุยและอวี๋ เซวียนผู้ชายสองคนนี้อีก
ดังนั้นอย่าว่าแต่ชาติภพนี้ แม้แต่ภพก่อน นางเองก็ไม่อยากใกล้ชิดกับผู้ชายมากนัก ไม่อยากแต่งกับชายใดทั้งสิ้น
ชาติภพนี้นางต้องการเพียงอยู่ข้างกายท่านแม่ ปรนนิบัติดูแลท่านแม่ นางรู้สึกว่าอยู่ข้างกายท่านแม่แล้วสบายใจ
แต่เรื่องเหล่านี้นางไม่ได้เอ่ยออกมา
อวิ๋นเยี่ยนตามพวกหูหลิงเสวี่ยนั่งเกี้ยวเข้าวังไปยังตำหนักเฉาหยางกงของฮองเฮา
ตำหนักเฉาหยางกงยามนี้มีฮูหยินตราตั้งมากันไม่น้อย ล้วนเป็นฮูหยินขุนนางสูงศักดิ์กับฮูหยินราชนิกุล
พอพวกหูหลิงเสวี่ยเข้ามา ทุกคนก็หยุดพูดคุยอล้วมองมาพร้อมกัน
ไม่นานทุกคนก็เห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้านหลังกลุ่ม นางเป็นหญิงสาวที่งดงามเหลือเกิน กล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าโจวก็ไม่เกินไปนัก
พวกนางไม่เคยพบเห็นหญิงสาวงดงามเพียงนี้มาก่อน แน่นอนว่าในพระตำหนักมีฮูหยินที่ไปร่วมงานเลี้ยงตระกูลเซี่ยเมื่อวาน ต่างรู้สถานะซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน พวกนางจึงได้บอกเล่าสถานะซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกับบรรดาฮูหยินข้างกาย
“บุตรสาวบุญธรรมใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋ว”
“มิน่า สง่าราศีไม่ธรรมดา”
“ข้ารู้สึกว่านางเหมือนฮูหยินโจวกั๋วอยู่บ้าง มิน่าจึงได้รับนางเป็นบุตรสาวบุญธรรม”
หูหลิงเสวี่ยนำคนเดินมาถวายบังคมฮองเฮา
ฮองเฮาไม่รอให้พวกนางถวายบังคมเสร็จก็ทักขึ้นก่อนว่า “เอาละ พวกเจ้ารีบลุกขึ้น วันนี้เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ไม่ต้องมากพิธีเช่นนั้น”
แม้ว่าฮองเฮากล่าวเช่นนี้ แต่พวกหูหลิงเสวี่ยยังคงดำรงธรรมเนียมดังเดิม ขอบพระทัยฮองเฮาก่อนจะลุกขึ้น
ฮองเฮาเดินมาตรงหน้าซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ดึงมือนางมากุมอย่างสนิทสนม แนะนำต่อบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลว่า “ท่านนี้คือบุตรสาวบุญธรรมใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋ว พวกเขานอกจากรับบุตรสาวบุญธรรม ยังรับบุตรชายบุญธรรมด้วย หน้าตางามเด่นเช่นเดียวกัน”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองไปยังฮองเฮาที่แนะนำนางให้กับทุกคนแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เป็นที่สังเกต
ไม่มีอันใดกลับเอ่ยยกยอ มิใช่ขุนนางชั่วก็โจรชั่ว
นางยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกดีกับฮองเฮาพระองค์นี้นัก อยู่ดีๆ มาสนิทสนมกับนางทำอันใดกัน
หากว่าดีกับนางเพราะท่านแม่นาง ก็เห็นว่านางไม่ได้สนิทสนมกับพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองสักเท่าไร
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนแอบลอบมองไปยังฮองเฮา ยามนี้มุมปากนางเผยรอยยิ้มบาง
ในพระที่นั่งทุกคนได้ฟังฮองเฮาแนะนำก็อดเอ่ยชื่นชมไม่ได้ “เป็นหญิงงดงามดังบุปผา สาวงามพานพบยากลืมเลือน”
“ใช่ ข้าเห็นก็นึกชอบ”
“เป็นเช่นนี้จริง หากได้เห็นนางทุกวัน ย่อมทำให้อารมณ์ดี”
พอคนเหล่านี้เอ่ยเช่นนี้ ฮองเฮาก็หัวเราะเอ่ยว่า “ในเมื่อชื่นชอบเช่นนี้ ไยไม่หมั้นหมายน้องสาวข้าผู้นี้กลับไป ก็จะได้ยลโฉมนางทุกวันแล้วไม่ใช่หรือ”
ฮองเฮากล่าวจบ ทุกคนในพระตำหนักก็พลันเข้าใจเป้าหมายการจัดงานเลี้ยงในวันนี้ของฮองเฮา
ที่แท้ฮองเฮาคิดหมั้นหมายให้หญิงสาวผู้นี้
ยามนี้คนตระกูลเซี่ยเองจึงได้รู้เป้าหมายของฮองเฮากันทันที
หูหลิงเสวี่ยโมโหเม้มปากแน่น
พวกจ้าวอวี้หลัวเองก็โมโหมาก การหมั้นหมายของน้องอวิ๋นเยี่ยน ท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่ได้เอ่ย เกี่ยวอันใดกับฮองเฮา
นางคิดทำอันใดกัน
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหันไปมองฮองเฮาด้วยรอยยิ้มบาง เอ่ยน้ำเสียงไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า “ฮองเฮาทรงกล่าวเช่นนี้ ผู้อื่นจะคิดว่าข้าคิดออกเรือน ตอนนี้ข้ายังไม่ได้มีแผนจะออกเรือน”
ฮองเฮานิ่งอึ้งแต่สีหน้ายังคงแย้มยิ้ม ตบหลังมือซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน กล่าวว่า “ข้าเห็นเจ้าแล้วก็ชอบ ดังนั้นจึงได้เอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่เจ้าอายุก็ไม่น้อยแล้ว คิดเรื่องหมั้นหมายได้แล้ว หากพบคนที่ชอบก็รีบบอกข้า แคว้นต้าโจวเรามีชายดีงามมากมาย ขอเพียงเจ้าเอ่ยปาก ข้าย่อมออกหน้าจัดการให้เจ้า”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มมองไปยังฮองเฮา “เช่นนั้นตู้เยี่ยนก็ขอขอบพระทัยฮองเฮาแล้ว หากได้พานพบจริง จะต้องมาทูลฮองเฮาอย่างแน่นอน”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนปากกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงการที่ฮองเฮาท่าทางร้อนใจอยากให้นางหมั้นหมาย อยู่ดีๆ เหตุใดทำเช่นนี้ นางแต่งงานหรือไม่เกี่ยวอันใดกับนาง
ทุกคนในพระตำหนักมองไปยังฮองเฮา แล้วก็มองไปยังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน แม้ฮองเฮาบอกว่าตนเองเอ่ยไปอย่างนั้น แต่คนไม่น้อยก็มองออกว่าฮองเฮากำลังหาคู่หมั้นให้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ส่วนซั่งกวนเยี่ยนปฏิเสธ น่าจะเพราะหญิงสาวเขินอาย
คนไม่น้อยจ้องมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน คิดวางแผนถึงความเป็นไปได้นี้ต่อ
แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่อยากแต่งสาวงามเช่นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเข้าตระกูล นางงามเกินไป หากบุตรชายตนเองปกป้องนางไม่ไหว ก็จะกลายเป็นภัยหายนะของตระกูล
บรรยากาศในตำหนักพลันแปลกประหลาดอยู่บ้าง แม้ว่าซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนปฏิเสธแล้ว แต่สายตาผู้อื่นยังคงมองนางไม่เลิกรา
เรื่องนี้ทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก พวกหูหลิงเสวี่ยเองก็ไม่พอใจ จ้าวอวี้หลัวส่งสายตาดุดันจ้องใส่ฮองเฮาทีหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเดินไป
“น้องเยี่ยนเอ๋อร์ พวกเราไปนั่งกัน”
“เจ้าค่ะ พี่สะใภ้รอง”
ฮองเฮาเห็นคนตระกูลเซี่ยเช่นนี้ ในใจก็เดือดดาลไม่อาจเอ่ย แต่พอคิดถึงเซียวเหวินอวี๋ ในที่สุดก็ยังคงระงับตนเองเอาไว้ได้ ยิ้มมองหูหลิงเสวี่ยถามว่า “ท่านแม่ล่ะ”
“ท่านพ่อกับท่านแม่มีธุระไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ดังนั้นจึงตรงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาททางนั้นก่อน อีกสักครู่ท่านแม่ก็จะมา”
“อืม”
ในห้องหนังสือ เซียวเหวินอวี๋กำลังคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามเซียวเหวินอวี๋ “กระหม่อมเข้าวังก็คิดทูลถามฝ่าบาทเรื่องหนึ่ง ฝ่าบาทมีความคิดครอบครองใต้หล้า บุกโจมตีแคว้นอื่นหรือไม่”
หากเซียวเหวินอวี๋มีใจคิดเป็นใหญ่ พวกเขาก็จะไม่บอกเรื่องฉินม่อ
จะได้ไม่เป็นการก่อเหตุให้ยุ่งวุ่นวาย แต่หากเซียวเหวินอวี๋ไม่ได้คิดบุกโจมตีแคว้นอื่นเพื่อครองความเป็นใหญ่ เช่นนั้นพวกเขาก็จะบอกเรื่องฉินม่อกับเขา
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “ท่านพ่อ แต่ไรมาข้าไม่เคยคิดบุกโจมตีแคว้นอื่นครองความเป็นใหญ่ แม้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่การสร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นบนชีวิตนับไม่ถ้วนเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี และแผ่นดินกว้างใหญ่เกินไปก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดี ไม่เพียงแต่ควบคุมดูแลไม่ได้ดังที่ควร วันหน้าช้าเร็วก็ย่อมต้องแตกแยก ในยุคสมัยใดสมัยหนึ่งย่อมต้องแตกแยกบ้างรวมเป็นหนึ่งบ้าง หากเป็นเช่นนี้ไยต้องลำบากวางแผนยึดครองใต้หล้า ตนเองปกครองแคว้นตนเองให้ดี ทำให้ราษฎรมีชีวิตที่ดี ควรเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”