ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 968 คุณธรรมไม่คู่ควรดำรงตำแหน่ง
ตอนที่ 968 คุณธรรมไม่คู่ควรดำรงตำแหน่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ความคิดเซียวเหวินอวี๋แล้วจึงได้เอ่ยถึงเรื่องซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียง
“แต่ซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียงคิดครองความเป็นใหญ่ เขาให้คนมาตั้งสำนักบัวขาวในแคว้นต้าโจว และจับตัวรัชทายาทไป แสดงให้เห็นถึงความคิดเป็นใหญ่ของเขา แม้แผนการนี้ล้มเหลว แต่วันหน้าเขาย่อมคิดหาทางวางแผนอื่นอีก คนผู้นี้ไม่มีทางยอมรามือง่ายๆ”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “หากเขากล้านำทัพรุกรานแคว้นต้าโจวข้า ข้าจะต้องให้เขามาได้ กลับไม่ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นว่า “หากเขายั่วยุพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีให้รุกรานชายแดนเรา สองพวกร่วมมือกันจัดการแคว้นต้าโจวเรา แคว้นต้าโจวเราอาจบาดเจ็บล้มตายมาก ถึงตอนนั้นหากในแคว้นเกิดเหตุขึ้นพร้อมกันอีก ศึกทั้งภายนอกและภายในโรมรัน คงยากจะจัดการให้สงบลงได้”
“ดังนั้นเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการกำจัดซั่งกวนเฮ่อคนผู้นี้หรือ”
เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟังก็เข้าใจทัน มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ความหมายท่านพ่อก็คือให้เราส่งคนไปซีเหลียงลอบสังหารซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า มองไปยังเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “ข้าให้ฝ่าบาทพบคนผู้หนึ่ง ก็จะทรงรู้เอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ส่งเสียงเรียกออกไปด้านนอก ซั่งกวนม่อจึงค่อยเดินเข้ามา
เขาประสานมือคำนับเซียวเหวินอวี๋ “คารวะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว”
เขาเรียกขานเช่นนี้ เซียวเหวินอวี๋ก็เลิกคิ้วถามว่า “ท่านพ่อ สถานะเขาคือ?”
“ซั่งกวนม่อ องค์ชายหกซีเหลียง”
“ดังนั้นการที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้ก็เพื่อให้เราช่วยเขาหรือ”
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้เอ่ยอันใด ซั่งกวนม่อกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิดแล้ว ข้าปรากฏตัวที่นี่ในตอนนี้ก็เพื่อมาหาท่านแม่บุญธรรม เพราะท่านแม่เคยช่วยพวกเราไว้ พวกเราอยากรู้ว่าท่านแม่มีชีวิตที่ดีหรือไม่ ดังนั้นจึงได้มาแคว้นต้าโจว”
ซั่งกวนม่อแววตากระจ่างใส เซียวเหวินอวี๋มองอยู่ครู่หนึ่งก็เชื่อที่เขาพูด
“เช่นนั้น ตอนนี้เจ้าต้องการอย่างไร”
“ข้ารู้ว่าท่านแม่รักความสงบสุขมากที่สุด นางไม่ชอบสงคราม ข้าเองก็ไม่ชอบสงคราม ดังนั้นข้าตัดสินใจกลับซีเหลียง กำจัดซั่งกวนเฮ่อ ยึดครองซีเหลียง ถึงตอนนั้นซีเหลียงก็จะอยู่ร่วมกับแคว้นต้าโจวอย่างสันติ หากพวกเราสองแผ่นดินสามัคคีเป็นแผ่นดินพันธมิตรกัน เชื่อว่าแผ่นดินอื่นจะไม่กล้ามารุกรานชายแดนเราง่ายๆ ทำเช่นนี้ก็จะทำให้ใต้หล้าสงบสุขไปอีกหลายสิบปี”
ซั่งกวนม่อกล่าวจบ เซียวเหวินอวี๋ก็หวั่นไหวตาม วิธีนี้ทำได้อยู่
เขามองไปยังซั่งกวนม่อ กล่าวว่า “ไม่เลว ความคิดเจ้าไม่เลว เราจะส่งกลุ่มองครักษ์ตามเจ้ากลับซีเหลียงไปช่วยเจ้าอีกแรง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋จ้องมองซั่งกวนม่อด้วยแววตาเย็นเยียบ กล่าวว่า “เราช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าอย่าได้ลืมคำสัญญาของเจ้า อย่าได้ถึงตอนนั้นแล้ว0คิดกลับคำ”
ซั่งกวนม่อรีบรับรองแข็งขันว่า “ขอเพียงซีเหลียงมีข้าซั่งกวนม่ออยู่ เราสองแผ่นดินก็จะมีไมตรีต่อกันตลอดไป ไม่รุกรานกันและกัน”
“ได้ เราเชื่อเจ้า ความจริงแคว้นต้าโจวข้าไม่ได้กลัวซีเหลียง แต่ที่เราไม่อยากรบก็เพราะไม่อยากก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็น หากไฟสงครามปะทุขึ้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดก็คือราษฎรและพวกพลทหารราบ”
“ข้ารู้ ข้าเองก็รักสันติภาพ”
ทั้งสองคนกล่าวจบก็ยิ้มให้กัน บรรลุข้อตกลง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
ในห้องทรงอักษร เซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนม่อวางแผนกันอีกครู่หนึ่ง ทั้งสองคนยิ่งสนทนาก็ยิ่งเข้ากันได้ดี เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ต้องเอ่ยอันใดมาก ปล่อยให้พวกเขาสองคนคุยรายละเอียดกันไป
สองคนคุยกันได้ครู่หนึ่งก็นึกถึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ได้แต่หันมายิ้มเก้อเขินมองพวกเขาพลางเอ่ยว่า “พวกเราคุยกันจนลืมพวกท่านไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร พวกเราจะออกไปเดินข้างนอก พวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นคิดพาลู่เจียวออกไปเดินละแวกใกล้ๆ
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้รั้งไว้ เขาอยากคุยกับซั่งกวนม่อต่อจริงๆ ว่าจะจัดการซั่งกวนเฮ่ออย่างไร
ซั่งกวนเฮ่อกล้ามาตั้งสำนักบัวขาวในแคว้นต้าโจว ยังกล้าบงการให้คนสำนักบัวขาวจับตัวโอรสเขาไป เขาจะต้องให้ซั่งกวนเฮ่อตายไร้ที่ฝัง
เพียงแต่เซียวเหวินอวี๋เพิ่งจะพยักหน้า นอกห้องหนังสือ โจวโย่วจิ่นก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางระแวดระวัง เหลือบมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางเซียวเหวินอวี๋
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพลันคิดถึงพวกหูหลิงเสวี่ยที่ไปยังตำหนักฮองเฮา คงไม่ใช่ว่าพวกนางเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่ตำหนักฮองเฮากระมัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นร้อนใจถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
โจวโย่วจิ่นมองไปยังเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋เองก็รู้ว่าคงเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ถามโจวโย่วจิ่นว่า “มีเรื่องอันใด”
โจวโย่วจิ่นรีบทูลว่า “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงให้บ่าวส่งคนไปคอยดูการเคลื่อนไหวตำหนักเฉาหยางกงใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้บ่าวได้รับรายงานว่า ฮองเฮาถึงกับเอ่ยปากหาคู่หมั้นให้บุตรีฮูหยินโจวกั๋ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็พลันโมโหเดือดดาล กล่าวว่า “นางสมองจมน้ำหรือ เยี่ยนเอ๋อร์เป็นองค์หญิงซีเหลียงต้องให้นางมาจัดการเรื่องหมั้นหมายให้หรือ”
นี่มิใช่ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกดีต่อซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน แต่เพราะเขารังเกียจฮองเฮาที่ยื่นมือยืดยาวเกินตัว
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินคำกราบทูลของโจวโย่วจิ่นก็ย่อมโมโห แต่คิดถึงคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พลันอึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านบอกว่าหญิงสาวผู้นั้นคือองค์หญิงซีเหลียงหรือ”
ครั้งนี้ซั่งกวนม่อรับคำแทน “ทูลฝ่าบาท นางเป็นองค์หญิงซีเหลียงเรา เป็นน้องแปดของข้า ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน เพราะนางเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านแม่ ดังนั้นครั้งนี้จึงได้ตามข้ามาแคว้นต้าโจว”
เซียวเหวินอวี๋เข้าใจทันทีว่าเหตุใดตนเองจึงไม่เคยได้พบนาง ที่แท้นางเป็นองค์หญิงซีเหลียง ใช้ชีวิตอยู่ในซีเหลียงมาตลอด
หวนกลับมาคิดถึงฮองเฮา นางคิดทำอันใดกัน
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋พลันดำทะมึนเย็นเยียบขึ้นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเซียวเหวินอวี๋ กล่าวว่า “อวี๋เอ๋อร์ แม้ว่าเจ้าเป็นฮ่องเต้ แต่มีหญิงเช่นนั้นเป็นฮองเฮา พ่อก็ขอเอ่ยสักคำ หญิงผู้นี้ไม่คู่ควรเป็นฮองเฮาแคว้นต้าโจว พฤติกรรมการกระทำไร้สง่าราศี ไร้คุณธรรม ไม่คู่ควรเป็นฮองเฮา”
ลู่เจียวรีบรั้งเขาไว้ “พูดจาเหลวไหลอันใดกัน”
นางกล่าวจบก็มองไปยังเซียวเหวินอวี๋ กล่าวว่า “แม้ว่าฮองเฮาเสียกิริยาไปบ้าง แต่อวี๋เอ๋อร์อย่าได้แตะต้องฮองเฮาในยามนี้จะดีกว่า อย่าลืมว่านางมีรัชทายาท มีบิดาเป็นแม่ทัพ ตอนนี้รัชทายาทซีเหลียงจับตาพวกเราอยู่ หากให้เขาสบช่องโอกาสทำให้ขุนพลหวังกับฮองเฮาเอาใจออกหาก แคว้นต้าโจวเราคงต้องรับศึกในภัยนอก ตอนนี้ควรร่วมกันรับมือศึกนอก ส่วนฮองเฮา เจ้าก็พูดกับนางดีๆ นางมีรัชทายาท ในฐานะฮองเฮาควรเห็นแก่รัชทายาทเป็นสำคัญ หากนางถูกปลด รากฐานรัชทายาทก็จะไม่มั่นคง สรุป ฝ่าบาทคุยกับฮองเฮาดีๆ ดีกว่า”
ในนาทีนี้ลู่เจียวมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ฮองเฮาไม่คู่ควรจริง คนคุณธรรมไม่คู่ควรขึ้นไปดำรงตำแหน่งก็อาจจะนั่งไม่ถึงท้ายที่สุด แม้ว่าตอนนี้นางกล่อมเซียวเหวินอวี๋ได้ แต่นางรู้ว่าด้วยนิสัยซื่อเป่า ชีวิตนี้ของฮองเฮาอย่าได้คิดให้เขาชอบหรือให้สถานะพิเศษใดๆ อีก
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็คิดถึงหวังเมิ่งเหยาขึ้นมา ยามนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างที่สุด ในเวลานี้เขารู้สึกว่าหวังเมิ่งเหยาไม่คู่ควรเป็นฮองเฮาอย่างมาก เขาอยากมีราชโองการปลดฮองเฮา แต่พอคิดถึงรัชทายาท คิดถึงซั่งกวนเฮ่อแห่งซีเหลียง ในที่สุดก็อดทนเอาไว้ได้ แต่ตำแหน่งฮองเฮาให้นางเป็น ส่วนงานในวังหลังนางก็ไม่ต้องข้องเกี่ยวอีกแล้ว วันหน้าก็ดำรงตำแหน่งฮองเฮาเพียงในนาม อยู่ในตำหนักเฉาหยางกงไปก็แล้วกัน
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวว่า “ข้าไปส่งท่านพ่อกับท่านแม่ไปรับองค์หญิงแปด”
เอ่ยถึงเรื่องนี้เซียวเหวินอวี๋ก็อดคิดถึงสาวน้อยรูปโฉมงดงามราวบุปผาผู้นั้นไม่ได้ โดยเฉพาะดวงตานาง ส่องประกายราวกับไข่มุก ราวกับดวงดาวส่องแสงในยามค่ำคืนมืดมิด