ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 972 ตำหนิตนเอง
ตอนที่ 972 ตำหนิตนเอง
เห็นอยู่ว่าท่านพ่อยังหนุ่มมากก็ต้องลาออกจากตำแหน่งโส่วฝู่ เขากับซานเป่าและอู่เป่าต่างไม่กล้าแต่งภรรยาตระกูลสูงศักดิ์ เพราะเกรงจะทำให้ฝ่าบาทคิดมาก เห็นอยู่ว่าอู่เป่าเป็นคนมีความสามารถ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออก
ทุกอย่างล้วนเพราะซื่อเป่าเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว
หากซื่อเป่าไม่ได้เป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว อย่างน้อยท่านพ่อเขาก็คงไม่ลาออกจากตำแหน่งโส่วฝู่ในตอนนี้
แต่ทุกอย่างนี้ซื่อเป่ารู้หรือไม่ เขารู้หรือไม่ว่าตระกูลเซี่ยเสียสละเพื่อเขามากมายเพียงใด
แววตาเซี่ยเหวินเหยาเริ่มห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ
เซียวเหวินอวี๋เห็นแล้วก็ต้องตกใจ คล้ายว่าระหว่างเขากับต้าเป่าเกิดช่องว่างที่ยิ่งห่างไกลกัน ราวกับกางกั้นด้วยภูเขานับพัน สายน้ำนับหมื่น
เซียวเหวินอวี๋เดินออกมาจากโต๊ะ ก้าวมานั่งลงข้างเซี่ยเหวินเหยา เขามองเซี่ยเหวินเหยา เอ่ยด้วยอารมณ์หนักอึ้งว่า “พี่ใหญ่ แม้ข้าเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว ข้าก็ยังคงจดจำเรื่องวัยเด็กที่พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาได้ขึ้นใจ ในใจข้า พวกพี่เป็นพี่ชายที่สนิทสนมที่สุดของข้าตลอดไป”
ในความฝันนั้น พวกเขาสามคนปกป้องเขามาตลอด แม้ตายก็ยังปกป้องเขา
ดังนั้นในใจเขา พวกเขาเป็นพี่ชายที่สนิทสนมที่สุดของเขาตลอดไป
เซี่ยเหวินเหยาได้ฟังคำพูดเซียวเหวินอวี๋ก็ใจอ่อน มองเซียวเหวินอวี๋พลางถอนหายใจหนักหน่วง
เซียวเหวินอวี๋มองออกว่าเขาผ่อนคลายลงแล้ว ก็กล่าวด้วยความจริงใจอีกครั้งว่า “แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้น พี่ใหญ่บอกข้า”
เซี่ยเหวินเหยามองเซียวเหวินอวี๋ ตัดสินใจเปิดใจคุยกับเขาสักครั้ง
“ฝ่าบาท ขออภัยที่วันนี้กระหม่อมบังอาจสักครั้ง กระหม่อมจะเปิดใจทูลกับฝ่าบาท”
“พี่ใหญ่ว่ามาได้”
“ฝ่าบาท เคยคิดหรือไม่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่เสียสละเพื่อพระองค์ไปมากมายเพียงใด และทรงรู้ไหมว่าตระกูลเซี่ยเราเสียสละเพื่อพระองค์ไปมากมายเพียงใด คนนอกอาจคิดว่าตระกูลเซี่ยเรามีเกียรติในวันนี้เพราะอาศัยบารมีฝ่าบาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราไม่ได้อาศัยฝ่าบาทมากมายสักเท่าไร หากไม่ใช่ฝ่าบาท ท่านพ่อก็ไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งโส่วฝู่แคว้นต้าโจว เขาจะได้เป็นขุนนางที่ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แคว้นต้าโจว เขามีความมุ่งมั่นเช่นนั้น”
“แต่เพื่อฝ่าบาท ท่านพ่อยอมสละตำแหน่งโส่วฝู่ ท่านแม่ก็ยิ่งเป็นห่วงฝ่าบาทแทบทุกเรื่อง ถึงกับแทบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะฝ่าบาท อีกอย่าง ข้ากับเอ้อร์เป่า แม้ว่าพวกเราคนหนึ่งเป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ อีกคนเป็นแม่ทัพ แต่ในความเป็นจริงนั้น เป็นเพราะพวกเราพยายามด้วยตนเอง เพราะฝ่าบาท ซานเป่าต้องแต่งสตรีขุนนางตระกูลเล็กเป็นภรรยา อู่เป่าเองก็เช่นกัน ส่วนหลิงหลงก็ไม่ยินยอมแต่งกับตระกูลสูงศักดิ์”
“พวกเราทำเช่นนี้ล้วนเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างห่างเหินกับฝ่าบาท ไม่อยากทำให้ในพระทัยฝ่าบาทรู้สึกไม่สบายพระทัย ไม่อยากทำให้ฝ่าบาทเหินห่างกับพวกเรา”
“หากฮ่องเต้แคว้นต้าโจวไม่ใช่ฝ่าบาท พวกเราก็ไม่ต้องคิดมากมายเพียงนี้ บางทีอาจทำให้ฮ่องเต้ระแวง แต่เชื่อว่าด้วยความสามารถท่านพ่อกับพวกเรา ล้วนรับมือได้อย่างเรียบร้อยไร้ปัญหา”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำพูดเซี่ยเหวินเหยา ก็รู้สึกตนเองโดนปรักปรำอยู่บ้าง เขาเหลือบตาขึ้นมองไปยังเซี่ยเหวินเหยากล่าวว่า “ข้าไม่ได้ให้ท่านพ่อลาออก ไม่ได้ห้ามให้พวกพี่แต่งสตรีสูงศักดิ์ แม้ท่านพ่อไม่ลาออก พวกพี่แต่งสตรีสูงศักดิ์ ข้าเองก็ไม่คิดเอาใจออกหากจากพวกท่าน และไม่คิดระแวงพวกท่าน พวกท่านคิดเช่นนี้ ข้าเสียใจมากจริงๆ”
เซี่ยเหวินเหยาเลิกคิ้วมองเขา กล่าวอย่างจริงใจว่า “เพราะพวกเราคิดเช่นนี้เอง แม้พระองค์ไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่พวกเราไม่กล้าเสี่ยง ท่านพ่อไม่กล้าเสี่ยง พวกเราเองก็ไม่กล้า โลกเราเปลี่ยนแปลงยากคาดเดา ทว่าใจคนยากคาดเดาที่สุด ตอนนี้ทรงใกล้ชิดสนิทสนมกับตระกูลเซี่ย หรือว่าไม่ใช่เพราะพวกเราไม่ได้ก้าวล่วงข้อจำกัดของฝ่าบาท หากพวกเราแตะต้องผลประโยชน์พระองค์ กระทบต่อตำแหน่งฮ่องเต้ ผู้ใดจะรู้ว่าจะทรงคิดเยี่ยงไร”
เซียวเหวินอวี๋คิดจริงจังอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงนึกสภาพเช่นนั้นไม่ออก
เซี่ยเหวินเหยาเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “หากพวกเราทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลังจริง บางทีเริ่มแรกอาจทรงยอมได้ แต่วันหลังเล่า ก็เหมือนฮองเฮา เริ่มแรกทรงทนได้ แต่วันหน้าจะทรงยอมทนต่อหรือ”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าเชื่อว่าพวกท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น”
เขากล่าวจบก็กล่าวอีกว่า “ที่พวกท่านทำข้าล้วนรู้ดีแก่ใจ โดยเฉพาะท่านพ่อกับท่านแม่ที่ทุ่มเทเพื่อข้า เพราะเช่นนั้น ข้าจึงได้อยากให้พวกเขาใช้ชีวิตบั้นปลายที่สงบสุข ไม่อยากให้พวกเขาเกิดอันตรายอันใดอีก แต่ยามนี้พวกเขากลับไปซีเหลียง ตอนนี้ซีเหลียงไม่สงบอย่างมาก”
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นห่วง อดลุกขึ้นก้าวเดินไปมาในห้องหนังสือไม่ได้ “ซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซี เหลียงเป็นบุคคลอันตรายมาก ท่านพ่อกับท่านแม่ไปซีเหลียง ไม่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ได้ เราจะส่งคนไปตามพวกเขากลับมา”
เขากล่าวจบก็จะส่งคนไปตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว แต่กลับถูกเซี่ยเหวินเหยาห้ามไว้
“เรื่องที่ท่านพ่อกับท่านแม่ตัดสินใจไม่มีทางเปลี่ยนใจ เจ้าเองก็อย่าได้ส่งคนตามไป พวกเขาจะไม่กลับมาแล้ว พวกเขาไม่คิดอยู่เมืองหลวง”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยเหวินเหยาก็มองเขาอย่างแปลกใจ อยู่ดีๆ เหตุใดท่านพ่อกับท่านแม่จึงไม่คิดอยู่เมืองหลวงต่อ
หรือเป็นเพราะฮองเฮา
“ฮองเฮาทำอันใด”
เซี่ยเหวินเหยาเองก็ไม่คิดปิดบัง คิดถึงความเป็นห่วงของท่านพ่อเมื่อคืน เขาพลันคิดเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้รัชทายาทขึ้นครองราชย์ เพราะการมีมารดาเช่นนั้น รัชทายาทจะดีต่อตระกูลเซี่ยได้อย่างไร แม้ฮองเฮาตายไป รัชทายาทเองก็คงไม่ดีต่อตระกูลเซี่ยดังเดิม ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นรัชทายาท ยังเอาการตายของฮองเฮามาตำหนิพวกเขา
เพราะมีฮองเฮาเช่นนี้ รัชทายาทจึงไม่อาจกลับไปสนิทสนมกับตระกูลเซี่ยดังเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว
เซี่ยเหวินเหยาครุ่นคิดแล้วก็เงยหน้ามองไปยังเซียวเหวินอวี๋ “เมื่อคืนรัชทายาทไปตระกูลเซี่ย ขอให้ท่านพ่อกับท่านแม่ออกหน้าเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทคืนดีกับฮองเฮา ท่านพ่อกับท่านแม่รู้ว่าฝ่าบาทไม่พอใจฮองเฮา ไม่อยากทำให้ฝ่าบาทลำบากใจ แต่พอรัชทายาทไปแล้ว พวกเขาก็เป็นห่วงว่ารัชทายาทจะออกจากวังหลวงมาขอร้องพวกเขาอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าระหว่างพวกเขากับรัชทายาทก็คงมีรอยร้าว ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจไปจากเมืองหลวง จะไปซีเหลียง ไม่คิดยุ่งเรื่องในครอบครัวพวกเจ้า”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยเหวินเหยา ในที่สุดเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจึงไปจากเมืองหลวง
ในเวลานี้ เซียวเหวินอวี๋ไม่เพียงแต่ผิดหวังต่อรัชทายาท แต่ยังรู้สึกปวดใจ
ก่อนหน้านี้เขาส่งรัชทายาทไปตระกูลเซี่ยให้ท่านพ่อท่านแม่อบรม ก็เพื่อให้รัชทายาทสนิทกับตระกูลเซี่ย หลังรัชทายาทขึ้นครองราชย์ก็จะดีต่อคนตระกูลเซี่ย
เขาเติบโตในตระกูลเซี่ย ได้รับบุญคุณจากตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยมีพระคุณใหญ่หลวงต่อเขา ดังนั้นเขาวางแผนวันหน้าให้ตระกูลเซี่ยไว้แล้ว ไม่เพียงแค่ให้ตระกูลเซี่ยดำรงชีวิตอย่างสงบสุขในวันนี้ แต่วันหน้าเมื่อบุตรชายเขาขึ้นครองราชย์ก็จะยังคงปกป้องตระกูลเซี่ยต่อไปได้ แต่ตอนนี้รัชทายาทถึงกับเกิดช่องว่างกับตระกูลเซี่ย ทำให้ในใจเซียวเหวินอวี๋ราวกับมีเข็มปักแทงลงกลางใจ
รัชทายาททำให้เขาผิดหวังมาก
คิดถึงว่าท่านพ่อเพิ่งจะหายดี ถึงกับต้องออกจากเมืองหลวงไปซีเหลียงเพราะครอบครัวเขา
เซียวเหวินอวี๋ก็รู้สึกปวดร้าวในใจราวกับเปลวไฟแผดเผา
มิน่าเซี่ยเหวินเหยาโมโห ท่านพ่อกลับมาเมืองหลวงนับว่ารอดพ้นความตายกลับมา ปรากฏเพราะเรื่องพวกเขา ทำให้ต้องออกจากเมืองหลวงไปอีกครั้ง
เซียวเหวินอวี๋โมโหยกปัดแท่นหมึกบนโต๊ะร่วงลงพื้น กล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าตัวบัดซบ เลี้ยงมาเสียเปล่าแล้ว”
ในฐานะรัชทายาท ความรักผูกพันทางสายโลหิตมากเกินไปและไม่อาจแยกแยะผิดถูก ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
สิบขวบแล้วยังเป็นเช่นนี้ ตอนเขาสิบขวบก็รู้จักแยกแยะถูกผิดแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งนั่งไม่ติด ตรงออกไปสั่งการโจวโย่วจิ่นด้านนอกทันที “ไปตามรัชทายาทมา”
เซี่ยเหวินเหยาเห็นเซียวเหวินอวี๋โมโหก็รีบปลอบว่า “รัชทายาทยังเล็ก ฝ่าบาทค่อยๆ อบรมให้ดีก็พอ อย่าได้เอะอะก็รระเบิดโทสะ”
เซี่ยเหวินเหยากล่าวจบก็ไม่คิดอยู่ต่อ ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ แต่ตอนเดินออกไป เขาหันกลับมามองเซียวเหวินอวี๋หน้าโต๊ะ เอ่ยว่า “ซื่อเป่า เจ้าว่าพวกเราจะอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดชีวิตได้หรือไม่”
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป เซียวเหวินอวี๋รู้สึกเพียงแค่ในใจปวดร้าวจนไม่อาจระงับ ต้าเป่าเอ่ยเช่นนี้ออกมา เพราะผิดหวังในตัวเขามากกระมัง
ในฐานะฮ่องเต้ ถึงกับปล่อยให้ภรรยาและบุตรชายทำให้บิดามารดาและคนในครอบครัวตนเองต้องลำบากใจ
เขาเป็นฮ่องเต้ที่ล้มเหลวมากจริงๆ