ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 974 เอ้อร์เป่า
ตอนที่ 974 เอ้อร์เป่า
ณ กองทัพประจำด่านหลงไห่
แม่ทัพผู้หนึ่งในชุดยาวสีหน้าเย็นเยียบกำลังดูแผนที่อยู่กับขุนพลทหารสองสามนาย ระยะนี้ซีเหลียงส่งสายสืบมาเคลื่อนไหวที่ด่านชายแดนอยู่ตลอด พวกเขาสงสัยว่าซีเหลียงคิดยกทัพบุกแคว้นต้าโจว
หากซีเหลียงบุกโจมตีแคว้นต้าโจวจริง เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่เกรงใจอีกฝ่ายอีก และจะต้องส่งม้าเร็วไปเมืองหลวงทูลฝ่าบาทให้ยกเลิกตลาดการค้าระหว่างสองแคว้น ช่วงเปิดตลาด แม้ว่าพ่อค้าที่ผ่านด่านตรวจต้องมีใบนำทางจึงจะผ่านด่านเข้าออกได้ แต่ใบนำทางไม่ใช่ของที่หาได้ยาก หากอีกฝ่ายปะปนกับกลุ่มพ่อค้าแคว้นต้าโจวผ่านด่านหลงไห่มาได้ก็คงยุ่งยากยิ่ง
“ท่านแม่ทัพ หรือว่ายกเลิกตลาดการค้าครั้งนี้ไปก่อน จากนั้นก็ค่อยส่งฎีกาเข้าเมืองหลวง”
ตลาดการค้าสองแคว้นเปิดตลาดนัดทุกสิบวัน พ่อค้าสองแคว้นใช้ใบนำทางผ่านด่านเพื่อมาทำการค้าขายในตลาดแลกเปลี่ยน
แม้ว่าตอนผ่านด่านตรวจตรวจค้นจะได้ตรวจค้นใบนำทางแล้ว แต่ก็อาจมีหลุดรอดไปได้บ้าง หากคนเตรียมการไว้ดีย่อมสมดังหมายได้ไม่ยาก
แน่นอนว่าหากสองแคว้นไม่ได้คิดรุกรานกัน ก็คงไม่มีอันใด แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าซีเหลียงมีแนวโน้มคิดรุกรานแคว้นต้าโจว พวกเขาจำต้องป้องกัน
ขุนพลทหารพากันเงยหน้ามองเซี่ยเหวินเจียผู้เป็นหัวหน้าตนเอง แม่ทัพใหญ่ประจำด่านหลงไห่
แม้ว่าแม่ทัพท่านนี้อายุยังน้อย แต่ความสามารถเหนือสามัญ และเคยบุกโจมตีเป่ยฉีจับตัวจ้าวกั๋วกง
ดังนั้นขุนพลทหารต่างยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา
เซี่ยเหวินเจียได้ฟังลูกน้องก็เลิกคิ้วครุ่นคิด ความจริงตามความเห็นเขาเองก็คิดปิดตลาดก่อนส่งฎีกาไปรายงาน แต่พอคิดถึงว่าฮ่องเต้เป็นน้องชายเขา หากเขาทำเช่นนี้ ในใจน้องชายอาจไม่พอใจ จะกระทบถึงสัมพันธ์ของพวกเขาพี่น้องได้ ดังนั้นคิดไปมาแล้วก็ตัดสินใจส่งม้าเร็วนำฎีกาไปเมืองหลวงขอให้ฝ่าบาทยกเลิกเรื่องตลาดการค้าสองแคว้นก่อน
เซี่ยเหวินเจียไม่ทันได้พูดอะไร พลหทารนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงาน “ท่านแม่ทัพ ครอบครัวท่านในเมืองส่งคนมารายงานว่าฮูหยินพาคุณชายกับคุณหนูกลับมาแล้ว”
เซี่ยเหวินเจียได้ยินว่าจ้าวอวี้หลัวกับลูกๆ กลับมา ก็พลันดีใจยิ้มบางขึ้นทันที
เขาดีใจมาก นอกจากดีใจว่าจ้าวอวี้หลัวกับลูกๆ กลับมา ยังดีใจเพราะได้รู้สถานการณ์ท่านพ่อกับท่านแม่ตอนนี้ว่าปลอดภัยแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาพาจ้าวอวี้หลัวกลับเมืองหลวง เพราะท่านพ่อกับท่านแม่หายตัวไป เดิมเขาคิดออกตามหาพวกเขา แต่พี่ใหญ่เร่งให้เขากลับด่านหลงไห่
ต่อมาอวี้หลัวเขียนจดหมายมาบอกเขาว่าท่านแม่พาท่านพ่อกลับมาแล้ว ท่านพ่อหายดีแล้ว
เขาจึงได้วางใจ แต่ยังไม่ได้ยินจากปากอวี้หลัวด้วยตนเอง
เซี่ยเหวินเจียครุ่นคิดแล้วก็ลุกขึ้นมองไปยังขุนพลทหาร กล่าวว่า “เรื่องนี้พรุ่งนี้ค่อยหารือ วันนี้ข้ากลับเข้าเมืองก่อน”
ตอนนี้ซีเหลียงยังไม่ยกทัพมาบุกแคว้นต้าโจว ดังนั้นเรื่องนี้ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้ ขุนพลทหารในกระโจมต่างรู้ว่าแม่ทัพไม่ได้เจอกับฮูหยินและบุตรมานานหลายเดือนแล้ว คิดถึงพวกเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา
ทุกคนพากันส่งเสียงหัวเราะกล่าวว่า “ได้ ได้ ท่านแม่ทัพรีบกลับไปเถอะ”
“ฮูหยินต้องคิดถึงท่านแม่ทัพมากเป็นแน่”
“ที่ไหนกัน แม่ทัพคิดถึงฮูหยินมากกว่า”
เซี่ยเหวินเจียยิ้มยื่นมือไปผลักลูกน้องข้างกาย “พวกเจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ทำมาหัวเราะเยาะข้า”
ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ พลหทารที่เข้ามารายงานก่อนหน้านี้ก็รีบกล่าวต่อว่า “ท่านแม่ทัพ ยังมีอีกเรื่อง”
เซี่ยเหวินเจียหันไปมองเขา พลทหารรายงานว่า “ฮูหยินบอกว่า นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่ามาด้วย ให้แม่ทัพรีบกลับไป”
“นายผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่า?”
นั่นไม่ใช่ท่านพ่อกับท่านแม่เขาหรือ
เซี่ยเหวินเจียดีใจหันหลังวิ่งออกไปโดยไม่สนใจลูกน้องคนสนิท
ทุกคนสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็พร้อมกับเอ่ยว่า “นายผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าไม่ใช่เซี่ยโส่วฝู่กับฮูหยินโจวกั๋วหรือ”
“ใช่ พวกเรายังไม่เคยพบบุคคลอัศจรรย์ทั้งสองท่านนี้เลย”
“พวกเราจะได้ไปคารวะพอดี”
“ดีเลย”
เซี่ยเหวินเจียไม่รู้เรื่องนี้ นำทหารตรงกลับจวนตนเองในเมือง
พอเห็นท่านพ่อกับท่านแม่ เขาก็ดีใจคล้ายเด็กน้อย รีบวิ่งเข้ามาถามว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นอันใดแล้วหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองดูบุตรชายรอง ตอนเด็กบุตรชายรองกับบุตรชายสามหน้าตาเหมือนกันมาก แต่เพราะต่อมาทั้งสองคนสนใจในเรื่องต่างกัน หน้าตาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงต่างกัน บุตรชายรองตากแดดจนผิวเป็นสีทองแดง และเพราะฝึกยุทธ์อยู่เสมอ ทำให้กิริยาท่าทางองอาจผึ่งผาย วงหน้าหว่างคิ้วมีความดุดันอย่างไม่อาจบรรยาย เปล่งรัศมีเย็นเยียบเฉียบคม
เทียบกับบุตรชายสามแล้ว บุตรชายสามนุ่มนวล สุภาพ มีสีหน้าอ่อนโยน
บุตรชายทั้งสองนับวันยิ่งไม่เหมือนกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปก็ยื่นมือไปตบไหล่บุตรชายทีหนึ่งอย่างพึงพอใจ “พ่อไม่เป็นอันใดแล้ว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
เซี่ยเหวินเจียมองประเมินทั่วแล้ว ก็แน่ใจว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เป็นอันใด จึงได้พยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นอันใดก็ดีๆ ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องท่านพ่อ ทำเอาข้าตกใจมาก”
เขากล่าวจบยื่นมือขึ้นกอดเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ท่านพ่อไม่เป็นอันใด ข้าก็วางใจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลูบหลังบุตรชาย เซี่ยเหวินเจียปล่อยเขาหันไปมองลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านมาเยี่ยมข้าหรือ”
ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ มาเยี่ยมเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง ดูท่าทางไม่เลว เจียเอ๋อร์ เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นแม่ทัพจริงๆ”
เซี่ยเหวินเจียหัวเราะแหะๆ ต่อหน้าคนในครอบครัว เขาไม่เหมือนกับยามอยู่ต่อหน้าขุนพลทหารในค่าย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
จ้าวอวี้หลัวเดินเข้ามา เซี่ยเหวินเจียเห็นนางก็รีบยื่นมือไปโอบนางไว้ ท่าทีสนิทสนมอย่างที่สุด “ภรรยาข้า เจ้ากลับมาได้เสียที ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
จ้าวอวี้หลัวถูกเขาโอบกอดไว้ก็ทำเอาหน้าแดง ยกมือขึ้นทุบเขาทีหนึ่งทันที ไม่เห็นทุกคนในห้องหรือ
หนิวไหน่ข้างๆ ยังดี แต่น้องชายน้องชายอีกสองคนอายุยังน้อยต่างพากันปิดหน้า กล่าวว่า
“ท่านพ่อ หน้าไม่อาย”
“หน้าไม่อายจริงๆ”
สองเด็กน้อยทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวในห้องหัวเราะดังลั่น
ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ พร้อมกับได้รู้จักพี่ชายผู้นี้ในมุมมองใหม่
ความจริงพวกเขารู้ว่าแม่ทัพประจำด่านหลงไห่ยังหนุ่มและมีความสามารถไม่ธรรมดา ไม่เพียงแต่ฝีมือยุทธ์ร้ายกาจ แต่ยังชำนาญการรบ ตอนนี้รู้ว่าเขาเป็นบุตรท่านแม่ พวกเขาก็ไม่รู้สึกแปลก
จ้าวอวี้หลัวผลักเซี่ยเหวินเจียออก แนะนำซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนให้เซี่ยเหวินเจียรู้จัก “ท่านพี่ สองท่านนี้คือบุตรบุญธรรมที่ท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งรับไว้”
เซี่ยเหวินเจียจึงได้สังเกตเห็นซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ตนเองกอดภรรยาต่อหน้าพวกเขา เขาก็รู้สึกเขิน ลูบศีรษะพลางยิ้มกล่าวว่า “พวกเจ้าสบายดีหรือ ข้าก็คือพี่รองพวกเจ้า เซี่ยเหวินเจีย”
ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรีบกล่าวว่า “พี่รองสบายดีหรือ”
“สบายดี”
เซี่ยเหวินเจียคิดมอบของขวัญให้น้องบุญธรรมทั้งสอง สุดท้ายคว้าไปมาจึงได้คว้ากระบี่จะส่งให้ซั่งกวนม่อ แต่คิดแล้วก็ตัดใจไม่ลง
จ้าวอวี้หลัวรีบกล่าวว่า “ข้าได้มอบของขวัญให้น้องบุญธรรมทั้งสอง เจ้าไม่ต้องให้แล้ว”
กระบี่นี้เป็นกระบี่เล่มยอดเยี่ยมของเขา หากมอบให้ไปก็คงเสียใจตาย
เซี่ยเหวินเจียโล่งอกทันที “ภรรยาข้ารู้ธรรมเนียมจริง”
จ้าวอวี้หลัวรู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่ย่อมต้องบอกท่านพี่ตนเรื่องซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน จึงได้พาเด็กๆ ออกไป
“ข้าไปดูห้องครัวให้เตรียมอาหารค่ำก่อน”
พอจ้าวอวี้หลัวพาเด็กๆ ออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้บอกเรื่องซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเป็นองค์ชายหกกับองค์หญิงแปดซีเหลียง
สีหน้าเซี่ยเหวินเจียสงสัยขึ้นมาทันที มองซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพลางเอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า
“ระยะนี้ซีเหลียงส่งสายสืบมาชายแดนแคว้นต้าโจวเราตลอด ซีเหลียงพวกเจ้าวางแผนรุกรานแคว้นต้าโจวเราหรือ สถานการณ์ตอนนี้ องค์ชายหกกับองค์หญิงแปดกลับปรากฏตัวขึ้น หมายความเยี่ยงไร”
ซั่งกวนม่อค่อยๆ ลุกขึ้น “พี่รอง ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ เป็นความคิดรัชทายาท เสด็จพี่ข้า เขาไม่เพียงแต่คิดยกทัพรุกรานแคว้นต้าโจว ความจริงเขายังคิดยึดครองใต้หล้า คิดครองความเป็นใหญ่ในใต้หล้าเพียงผู้เดียว”
รัชทายาทซั่งกวนเฮ่อคิดครองความเป็นใหญ่ คิดว่าความสามารถตนเองโดดเด่น คิดยึดครองใต้หล้า
เซี่ยเหวินเจียได้ฟังซั่งกวนม่อก็แค่นหัวเราะ “ช่างเพ้อฝัน คิดยึดครองใต้หล้า ฝันไปเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหรี่ตามองเซี่ยเหวินเจียทีหนึ่ง เซี่ยเหวินเจียร้อนตัวเอ่ยว่า “ท่านพ่อ เจ้าหมอนั่นต้องโดนด่าสักที”
กล่าวจบมองไปยังซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “ในเมื่อเสด็จพี่เจ้าคิดรุกรานแคว้นต้าโจวเรา พวกเจ้ายังมาเป็นบุตรบุญธรรมท่านพ่อท่านแม่ข้าทำไมกัน”