ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 981 สงคราม
ตอนที่ 981 สงคราม
เซียวเหวินอวี๋ระเบิดโทสะเสร็จ ก็สั่งการฉีเหล่ยว่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เขาจะจัดการเอง
ฉีเหล่ยไม่พูดอีก ค่อยๆ ถอยออกไป
ในห้องเซียวเหวินอวี๋เรียกโจวโย่วจิ่นเข้ามาสั่งการว่า “ส่งคนสองคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนรอบกายฮองเฮากับองค์หญิงรอง”
โจวโย่วจิ่นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับคำถอยออกไป เขาไม่ได้ลังเลและไม่ถามมากความ แม้ว่าเขาโตมากับฝ่าบาท แต่เขาจดจำสถานะตนเองขึ้นใจ ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วอบรมเลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนโตยังจดจำสถานะตนเองขึ้นใจ นับประสาอันใดกับเขา
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้โจวโย่วจิ่นมีท่าทางลำพองใจ แต่ตั้งแต่ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วจากไป เขาก็รับรู้ได้เรื่องหนึ่ง ห้ามคิดว่าตนเองใกล้ชิดกับฮ่องเต้ แน่นอนว่าไม่ควรแตะต้องสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ฮ่องเต้ หากล้ำเส้นไป จะอ้างความใกล้ชิดอันใดไม่ได้เด็ดขาด
ในฐานะมหาขันทีคนสนิทฮ่องเต้ เขาต้องทำหน้าที่ตนเองให้ดี ทุ่มเททำตามหน้าที่ให้ดีก็พอ
แม้ว่าเซียวเหวินอวี๋สงสัยฮองเฮา แต่กลับไม่ได้รีบไปเอาเรื่องนาง เขารู้ว่าด้วยนิสัยฮองเฮา แม้เขาไปถามนาง นางก็ไม่ยอมรับ ดังนั้นเขาจะต้องจับนางให้ได้คาหนังคาเขา
แต่ก็ขอให้นางอย่าได้ลงมือกับองค์หญิงรองอีก หากนางลงมือกับองค์หญิงรองอีก เขาไม่มีทางละเว้นนางเป็นแน่
จากนั้นมา เซียวเหวินอวี๋ก็ไปเยี่ยมองค์หญิงรองวันเว้นวัน
สีหน้าฮองเฮาอ่อนโยนคล้ายมารดาเมตตาอารีที่รักบุตรสาวมาก หากไม่ใช่ว่าเซียวเหวินอวี๋ได้ฟังฉีเหล่ยมา ย่อมไม่มีทางเชื่อว่าหญิงผู้นี้ถึงกับเสแสร้งเก่งเช่นนี้
ความจริงเมื่อก่อนนิสัยนางนับว่าตรงไปตรงมา คิดอันใดก็กล่าวออกมาตรงๆ นางเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงเผยอวี่ คิดถึงหวังเมิ่งเหยา อารมณ์ก็พลันราวกับเมฆดำปกคลุม หรือว่าในวังเป็นบ่อย้อมสีขนาดใหญ่ ไม่ว่าสตรีใดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาก็จะเปลี่ยนไปในที่สุด กลายเป็นคนมีอุบายร้ายในใจ
เพราะฮองเฮาไม่ได้ลงมือกับองค์หญิงรองอีก พวกแม่นมและนางกำนัลที่ปรนนิบัติก็ดูแลอย่างระมัดระวัง น้ำแกงที่ฉีเหล่ยสั่งมาจึงบำรุงสุขภาพองค์หญิงรองให้ค่อยๆ ดีขึ้น
พอองค์หญิงรองหาย เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่มาวังหลังอีก เพราะเขาได้สารด่วนจากด่านหลงไห่ว่าซีเหลียง บุกแคว้นต้าโจว กอปรกับยามนี้เป่ยฉีก็บุกแคว้นต้าโจวที่เยว่กู่ ดังนั้นแคว้นต้าโจวกำลังตกอยู่ในอันตราย
โชคดีเซียวเหวินอวี๋ส่งทหารห้าหมื่นนายไปด่านหลงไห่ช่วยเซี่ยเหวินเจียแล้ว ด่านหลงไห่จึงยังไม่เกิดเรื่อง
แต่ด่านเยว่กู่กลับเกิดเรื่องแล้ว
ขุนพลมู่เจินประจำด่านเยว่กู่แอบส่งคนนำสารลับมารายงานเมืองหลวง ขุนพลหวังตัดสินใจวู่วามเสี่ยงอันตรายบุกเข้าไป จึงโดนเข็มพิษเป่ยฉี ทหารแคว้นต้าโจวบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก กำลังสองหมื่นพ่ายในศึกนี้
เซียวเหวินอวี๋ได้รับสารรายงานก็มีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง รีบเรียกขุนนางใหญ่เข้าวังมาหารือเรื่องนี้
แต่พอขุนนางแต่ละคนเข้าวังมาก็ไม่กล้าเสนอความเห็นอันใด
พวกเขาจำได้ว่าแม่ทัพประจำด่านเยว่กู่ก็คือขุนพลหวังบิดาฮองเฮา ฮองเฮามีรัชทายาท หากพวกเขาพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด ทำให้ฮองเฮาจดจำฝังแค้นนี้ไว้ วันหน้ารัชทายาทขึ้นครองราชย์ พวกเขาและตระกูลก็คงต้องเตรียมตัวตกต่ำ
“ฝ่าบาท แม้ว่าขุนพลหวังตัดสินใจวู่วามเสี่ยงบุกตี ทำให้พ่ายศึกนี้ แต่เมื่อก่อนเขาเคยสร้างผลงานมากมาย พ่ายศึกครั้งนี้ก็ถือว่าได้ชดเชยความผิดแล้ว”
“ใช่ ฝ่าบาท หรือว่าให้ขุนพลหวังสร้างความชอบชดเชยความผิด บุกเป่ยฉี แก้แค้นให้ทหารที่ตายไป”
“กระหม่อมเห็นด้วยกับใต้เท้าหวัง”
เซียวเหวินอวี๋มองขุนนางใหญ่ในห้องทรงอักษรด้วยสีหน้าเย็นเยียบ นับว่าเขาได้รู้แล้วว่าคนเหล่านี้หวั่นเกรงฮองเฮา ดังนั้นไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหวัง แม้ขุนพลหวังปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดทำให้ทหารตายไปมากมายก็ตาม
“พวกท่านกำลังคิดถึงวันหน้าของตนเองหรือ กลัวว่ารัชทายาทขึ้นครองราชย์จะจัดการพวกท่านและตระกูลของพวกท่านหรือ ดังนั้นจึงไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหวัง หรือว่าคิดจะแสดงน้ำใจต่อตระกูลหวัง”
“เฮอะ”
ใบหน้าขุนนางในราชสำนักในห้องทรงอักษรต่างหลั่งเหงื่อเย็น กาวโส่วฝู่ยืนขึ้นกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท แม้ขุนพลหวังเป็นขุนนางมีความชอบต่อแคว้นต้าโจวเรา แต่ความชอบไม่อาจชดเชยความผิด นับประสาอันใดกับครั้งนี้เขาทำให้ทหารตายไปมากมายเช่นนั้น คนพวกนั้นอาจมีเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ความผิดพลาดนี้ ทำร้ายหลายครอบครัวให้ต้องสูญเสีย”
“ตามความเห็นกระหม่อม ส่งคนไปซีเป่ยคุมตัวขุนพลหวังเข้าเมืองหลวงมาสอบสวน หากสอบพบว่าครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของเขา เช่นนั้นก็ยึดตราแม่ทัพขุนพลหวังคืน ให้เขาอยู่รักษาตัวในเมืองหลวง หากพบว่าเหตุที่ขุนพลหวังผิดพลาดมีสาเหตุอื่นอีก ฝ่าบาทต้องทรงลงอาญาเขาให้หนักเพื่อให้คำตอบกับทหารที่ได้ตายไปเหล่านั้น”
กาวโส่วฝู่เอ่ยเช่นนี้ก็มีคนรับคำต่อทันที “ขอฝ่าบาทพิจารณาสาเหตุความผิดพลาดของขุนพลหวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋มองทุกคนพลางกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เราจะส่งคนไปซีเป่ยคุมตัวขุนพลหวังเข้าเมืองหลวง หลังสอบสวน เราจะเรียกประชุมขุนนางทุกท่าน ขุนพลหวังพ่ายศึกสงครามซีเป่ยทำลายขวัญกำลังใจทหารอย่างมาก พวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีย่อมฮึกเหิมลำพองใจ หากปล่อยเช่นนี้ต่อไป ด่านเยว่กู่อาจถูกตีแตก เราเรียกทุกท่านมาหารือก็เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้”
เดิมเซียวเหวินอวี๋คิดนำทัพด้วยตนเอง หากเขานำทัพด้วยตนเอง ต้องเป็นการเสริมขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารแคว้นโจว
แต่เขาไม่กล้าฝากฝังเรื่องในเมืองหลวงกับผู้อื่นโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน ในเวลานี้เขาหวังอย่างยิ่งว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจะอยู่ตรงนี้ หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่เมืองหลวง ยังช่วยเขาเฝ้ามองดูการเคลื่อนไหวในราชสำนักได้
ตอนนี้พวกเขาไปซีเหลียง เขาไม่มีคนที่ไว้ใจได้แม้สักคนเดียว
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะฮองเฮา
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋ดำทะมึนย่ำแย่อย่างที่สุด
ในห้องทรงอักษร กาวโส่วฝู่เอ่ยทูลว่า “ฝ่าบาทอาจมีราชโองการลงไปว่า ศึกซีเป่ยครั้งนี้จะพระราชทานรางวัลตามหัวศัตรู สังหารหนึ่งคนก็ได้สิบตำลึง หากสังหารขุนพลระดับสูงเป่ยฉีได้ ก็จะได้เลื่อนยศสองขั้น”
วิธีการของกาวโส่วฝู่ไม่เลว เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย เสนาบดีกรมคลังจ้าวหลิงเฟิงข้างกาวโส่วฝู่ เอ่ยว่า “สังหารศัตรูได้หนึ่งร้อย ก็ส่งผลความชอบต่อไปยังภรรยาและบุตร ภรรยาได้รับการแต่งตั้งเป็นฮูหยินตราตั้ง บุตรได้เรียนหนังสือไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน”
“หากไม่มีภรรยา ราชสำนักจะพระราชทานภรรยาให้”
ใต้เท้าสวี่กล่าวจบทุกคนในห้องก็พากันมองไปที่เขา จ้าวหลิงเฟิงอดถามไม่ได้ “ภรรยาผู้นี้หามาจากที่ใด”
ใต้เท้าสวี่เอ่ยอย่างเจ็บปวดใจว่า “ทหารตายในสงครามเหล่านั้นทิ้งภรรยาหม้ายและบุตรกำพร้าเอาไว้ พวกเขาจะดำรงชีวิตกันได้อย่างไร หากฝ่าบาทมีราชโองการพระราชทานพวกนางให้ทหารที่มีความชอบสังหารศัตรู ประการแรก ก็จะทำให้พวกนางมีหนทางดำรงชีวิตต่อไปได้ ประการที่สอง ถือเป็นการพระราชทานรางวัลให้แก่เหล่าทหารหาญ”
เซียวเหวินอวี๋เลิกคิ้วคิดแล้วก็รู้สึกว่าครอบครัวไร้ผู้นำ ภรรยาหม้ายและบุตรกำพร้าจะดำรงชีวิตเยี่ยงไร ก็เห็นด้วย “วิธีการนี้ทำได้”
เขากล่าวจบก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เดิมเราคิดนำทัพไปเสริมขวัญกำลังทหารด้วยตนเอง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ พวกกาวโส่วฝู่ตกใจรีบทูลว่า “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
หลายคนรีบลุกขึ้นมาคุกเข่า “ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วย”
ตอนนี้ซีเหลียงกับเป่ยฉีกำลังรุกรานแคว้นต้าโจว ฝ่าบาทจะเสด็จนำทัพไปซีเป่ยได้อย่างไร หากให้ซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียงรู้ เกรงว่าต้องทรงตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่
เซียวเหวินอวี๋เลิกคิ้วกล่าวอย่างจนใจว่า “เรารู้ว่ามีอันตราย ดังนั้นจึงตัดสินใจมีราชโองการให้อ๋องหลู่ไปทำหน้าที่ช่วยเสริมขวัญและกำลังใจให้กองทัพที่ซีเป่ยแทนเรา”
อ๋องหลู่คือพระอนุชาองค์เล็กสุดในอดีตฮ่องเต้ เป็นคนซื่อสัตย์ดำรงตนสงบเสงี่ยมอย่างมาก
พวกกาวโส่วฝู่เองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“เช่นนี้น่าจะได้”