ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 982 โง่เขลา
ตอนที่ 982 โง่เขลา
เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการให้อ๋องหลู่กับเจ้ากรมทหารและคนอื่นๆ นำสิ่งของส่งไปเสริมขวัญกำลังใจทหารที่ซีเป่ยทันที พร้อมกับนำราชโองการสามฉบับของเซียวเหวินอวี๋ไป
หนึ่ง คุมตัวขุนพลหวังมาสอบสวนเมืองหลวง
สอง แต่งตั้งขุนพลมู่เจินซีเป่ยเป็นแม่ทัพผิงเป่ย
รับหน้าที่ประจำด่านเยว่กู่ สาม ผู้ที่มีความชอบในการสังหารข้าศึกครั้งนี้จะได้รับพระราชทานรางวัล จากนั้นก็ร่ายยาวถึงรางวัลพระราชทานแต่ละรายการ
เพราะเรื่องเร่งด่วน พวกอ๋องหลู่จึงทำงานกันทั้งวันคืน ส่งม้าเร็วเร่งเดินทางไปซีเป่ย สั่งการให้คุมตัวขุนพลหวังก่อน จากนั้นก็ประกาศราชโองการฝ่าบาท
เจ้ากรมทหารรับราชโองการนำขุนพลหวังมาสอบสวนที่เมืองหลวง อ๋องหลู่นำเงินทองก้อนใหญ่ไปรอที่ซีเป่ย
หลังขุนพลหวังถูกคุมตัวเข้าเมืองหลวง ทหารซีเป่ยก็ฟังคำสั่งของขุนพลมู่เจินต่อสู้กับชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีต่อ
ในเมืองหลวง ฮูหยินขุนพลหวังได้ข่าวก็ตกใจสุดขีด หวาดกลัวไปหมด สุดท้ายส่งเทียบขอเข้าวังไปพบหวังเมิ่งเหยา
ระยะนี้หวังเมิ่งเหยามีชีวิตที่ไม่เลว ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับนางผ่อนคลายลงไม่น้อย ทำให้นางอารมณ์ไม่เลวอย่างมาก
แม้ว่าฝ่าบาทไม่ได้เสด็จมาวังหลังหลายวันแล้ว แต่หวังเมิ่งเหยาก็ไม่ได้ลงมือกับองค์หญิงรองอีก
เพราะนางรู้ว่าฝ่าบาทเป็นคนฉลาด หากนางลงมือบ่อยเกินไป ความจริงก็จะเปิดเผยได้ง่าย
ดังนั้นแม้ระยะนี้ฝ่าบาทไม่เสด็จมาวังหลัง แต่หวังเมิ่งเหยาก็ยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่ง ทุกวันกินนอนไป ว่างก็ดูแลบุตรชายคนเล็ก
แม้ว่าบุตรชายคนเล็กไม่ฉลาดเหมือนบุตรชายคนโต แต่นางเลี้ยงดูมาด้วยตนเอง นางจึงรักเขามาก ไม่ให้เขาต้องพบกับความลำบากแม้แต่น้อยนิด
เดิมหวังเมิ่งเหยาได้รับเทียบขอเข้าวังจากฮูหยินขุนพลหวัง ก็ยังคิดว่าท่านแม่นางคิดถึงนาง จึงสั่งให้คนเรียกตัวนางเข้าวัง
ปรากฏพอนางเห็นฮูหยินขุนพลหวัง ก็ทำเอาตกใจสะดุ้งทันที เพราะท่านแม่นางพลันเหมือนแก่ลงไปสิบปี เดิมผมดำขลับถึงกับขาวโพลน สีหน้ายังอิดโรยและซีดเซียว
“ท่านแม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ฮูหยินขุนพลหวังเห็นบุตรสาวพลันร้องไห้ขึ้นมา “เหยาเอ๋อร์ ท่านพ่อเจ้าเกิดเรื่องแล้ว”
ในใจหวังเมิ่งเหยาสะอึกกึก เย็นวาบไปทั้งตัว นางรีบเข้าไปคว้ามือฮูหยินขุนพลหวังถามอย่างร้อนใจ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านพ่อเกิดเรื่องได้อย่างไร”
“ได้ยินว่าสงครามต่อสู้กับเป่ยฉี เขาตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ทหารแคว้นต้าโจวบาดเจ็บล้มตายมากมายนับไม่ถ้วน”
ฮูหยินขุนพลหวังกล่าวถึงตรงนี้ก็ร่ำไห้อย่างปวดใจ “เจ้าว่า ท่านพ่อเจ้าระมัดระวังรอบคอบมาทั้งชีวิต แต่ไรมาไม่เคยวู่วามเสี่ยงภัย เหตุใดครั้งนี้จึงทำผิดพลาดเช่นนี้ได้ แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
หวังเมิ่งเหยาตัวแข็งทื่อไปทันที นางคิดถึงว่าก่อนหน้านี้นางส่งคนนำจดหมายไปด่านเยว่กู่ นางบอกท่านพ่อเรื่องฝ่าบาทไม่พอพระทัยนาง นางเป็นห่วงว่าจะกระทบถึงรัชทายาท ดังนั้นท่านพ่อต้องคุมกำลังกองทัพซีเป่ยให้มั่น หากท่านพ่อกุมกำลังกองทัพซีเป่ยไว้มั่น แม้ฝ่าบาทคิดปลดนางก็คงไม่กล้าลงมือโดยไร้การไตร่ตรอง
หรือว่าเพราะจดหมายนาง ทำให้ท่านพ่อละโมบคิดสร้างความดีความชอบ จึงได้วู่วามกระทำการเสี่ยงภัย?
ไม่ เป็นไปไม่ได้ๆ ไม่ใช่สาเหตุจากจดหมายนาง
หวังเมิ่งเหยาปฏิเสธไม่หยุดด้วยสีหน้าซีดเผือด
ฮูหยินขุนพลหวังเงยหน้าเห็นนางเช่นนี้ ในความเจ็บปวดมีความร้อนตัวจนมิกล้าสบตานาง
ฮูหยินขุนพลหวังคว้าหวังเมิ่งเหยามาถามว่า “ท่านพ่อเจ้าทำศึกรอบคอบระมัดระวังมาตลอด หลายปีมานี้ไม่เคยผิดพลาด เหตุใดครั้งนี้ถึงกับทำความผิดใหญ่หลวงเช่นนี้ได้ เพราะเจ้าใช่หรือไม่ๆ เจ้าเขียนจดหมายไปบอกอันใดท่านพ่อเจ้า”
หวังเมิ่งเหยาถูกฮูหยินขุนพลหวังทำเอาตกใจ รีบปฏิเสธพัลวัน “ข้าเปล่า ท่านแม่ ท่านอย่าคิดเหลวไหลข้าเปล่าเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ”
นางไม่พูดยังดี พอพูดขึ้น ฮูหยินขุนพลหวังก็ฟังออกว่านางเขียนจดหมายถึงขุนพลหวัง
ฮูหยินขุนพลหวังอดกระชากมือหวังเมิ่งเหยามากุมแน่นไม่ได้ ตวาดถามว่า “เจ้าเขียนจดหมายบอกอันใดท่านพ่อเจ้า เขียนอันใด เพราะจดหมายเจ้าทำให้ท่านพ่อเจ้าทำความผิดใหญ่หลวงครั้งนี้ใช่หรือไม่”
หวังเมิ่งเหยาผงะถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ ฮูหยินขุนพลหวังโมโหตวาดเสียงดัง “รีบพูดมา”
หวังเมิ่งเหยาเห็นมารดาเช่นนี้ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ได้เขียนอันใด ข้าบอกกับท่านพ่อว่า ฝ่าบาทไม่พอพระทัยข้า ข้ากลัวจะส่งผลกระทบถึงตำแหน่งรัชทายาท ให้ท่านพ่อกุมอำนาจกองทัพซีเป่ยให้ดี”
ฮูหยินขุนพลหวังได้ฟังหวังเมิ่งเหยาก็ทนไม่ไหว ยกมือสะบัดตบหน้านางไปทีหนึ่งทันที
หวังเมิ่งเหยานิ่งอึ้ง อย่าว่าแต่นางตอนนี้เป็นฮองเฮา แม้แต่เมื่อก่อน ท่านแม่ก็ไม่เคยตีนาง ตอนนี้ท่านแม่ถึงกับตบหน้านาง
ฮูหยินขุนพลหวังสะบัดมือตบหน้านางไปทีหนึ่งแล้วก็ทนไม่ไหว ร้องไห้เสียงดังขึ้นทันที “ตระกูลเราช่างโชคร้าย สวรรค์ เหตุใดต้องให้ข้าให้กำเนิดคนไม่ได้ความเช่นนี้”
นางร้องไห้จ้องมองหวังเมิ่งเหยา ตวาดด้วยความโมโหว่า “ในที่สุดตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดฝ่าบาทไม่พอพระทัยเจ้า เพราะเจ้าไม่คู่ควรเป็นที่รักของผู้ใดทั้งสิ้น”
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังฮูหยินขุนพลหวังก็สีหน้าซีดเผือด โมโหขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ท่านถึงกับตบหน้าข้า ข้าเป็นฮองเฮา แม้ท่านเป็นมารดาข้า แต่ก็เป็นเพียงแค่ฮูหยิน ถือสิทธิ์อันใดมาตบหน้าข้า ข้าไม่ได้เรียกให้ท่านพ่อทำเช่นนั้นเสียหน่อย ท่านพ่อทำพลาดเอง ทำให้คนตายมากมายเพียงนั้น แต่แม้รบพ่ายศึก ก็ทำความชอบลบล้างความผิดก็ได้นี่ ท่านแม่แล่นมาหาข้าที่นี่ ร้องไห้โวยวายอันใดกัน”
ฮูหยินขุนพลหวังได้ยินหวังเมิ่งเหยาก็ทั้งร่ำไห้ไปหัวเราะไปคล้ายคนเสียสติ “ฮา ฮา นังโง่ ศึกนี้คนตายไปเกือบสองหมื่น คนสองหมื่นคนไม่ใช่ชีวิตคนหรือ ฝ่าบาทส่งคนไปซีเป่ยคุมตัวท่านพ่อเจ้าเข้าเมืองหลวงมารับการสอบสวนแล้ว”
หวังเมิ่งเหยาตกใจนิ่งอึ้ง “อะไรนะ”
จากนั้นนางก็คิดถึงรัชทายาท หากท่านพ่อถูกคุมตัวมาเมืองหลวง นางยังมีที่พึ่งอีกหรือ แล้วรัชทายาทยังจะมีที่พึ่งอีกหรือ
ไม่ ไม่ควรเป็นเช่นนี้
หวังเมิ่งเหยาอดหันหลังวิ่งออกไปไม่ได้ วิ่งไปพลางตะโกนอย่างร้อนใจว่า “ข้าไปเฝ้าฝ่าบาท ฝ่าบาททำกับท่านพ่อเช่นนี้ ไม่ได้ แม้ท่านพ่อพ่ายศึก แต่ก็มิได้ตั้งใจ คุมตัวท่านพ่อกลับเมืองหลวงมาสอบสวนได้อย่างไร ท่านพ่อมิใช่สมคบคิดกับข้าศึก ฝ่าบาทถือสิทธิ์อันใดคุมตัวท่านพ่อเข้าเมืองหลวงมาสอบสวนกัน”
ฮูหยินขุนพลหวังล้มฟุบอยู่กับพื้นร้องไห้ไปคร่ำครวญไปว่า “สวรรค์ นี่ข้าให้กำเนิดหญิงโง่เขลาไม่ได้ความเช่นนี้ได้อย่างไร”
เมื่อก่อนเห็นอยู่ว่าบุตรสาวฉลาดมาก ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่ามีบางคน หน้าตาภายนอกฉลาด แต่ภายในเหลวแหลกไม่ได้ความ
พอฮูหยินขุนพลหวังเข้าวัง เซียวเหวินอวี๋ก็ได้ข่าว เขาส่งคนมาเฝ้ามองฮองเฮากับองค์หญิงรอง ตอนนี้รอบกายฮองเฮากับองค์หญิงรองมีเรื่องอันใด ก็จะมีคนไปรายงานเซียวเหวินอวี๋
ฮูหยินขุนพลหวังเข้าวังมาก็มีคนทูลรายงานเรื่องนี้แล้ว จากนั้นพอฮูหยินขุนพลหวังมีปากเสียงกับฮองเฮา องครักษ์ที่คอยลอบจับตาในมุมลับก็ไปรายงานเซียวเหวินอวี๋
ดังนั้นฮองเฮาไม่ทันไปถึง เซียวเหวินอวี๋ก็รู้ความโง่เขลาที่ฮองเฮากระทำแล้ว
เดิมเขายังไม่คิดปลดขุนพลหวังจากแม่ทัพประจำซีเป่ย ตามหลักไม่ควรผิดพลาดถึงจะถูก แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะจดหมายฮองเฮา
แม่ทัพหวังในฐานะบิดาฮองเฮาย่อมต้องคิดให้รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่ง ตระกูลหวังก็จะได้มีหน้ามีตา ดังนั้นศึกกับพวกเป่ยฉีครั้งนี้ แม่ทัพหวังคิดสร้างผลงาน เช่นนี้ก็จะยิ่งทำให้กองทัพที่ซีเป่ยยิ่งเชื่อเขา ทำให้เขาคิดว่าซีเป่ยขาดเขาไม่ได้ เช่นนี้ฝ่าบาทจึงจะไม่กล้าแตะต้องฮองเฮากับรัชทายาท
คิดไม่ถึงว่าเพราะความวู่วามครั้งนี้ทำให้คนตายไปมากมายนับไม่ถ้วน
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋เย็นเยียบอย่างที่สุด ฮองเฮาเป็นหญิงโง่เขลา ถึงกับกล้าเขียนจดหมายถึงขุนพลหวังเช่นนี้ นางไม่คู่ควรเป็นฮองเฮา!