ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 983 ไม่คู่ควร
ตอนที่ 983 ไม่คู่ควร
เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดเรื่องนี้ นอกประตูก็ได้ยินเสียงโจวโย่วจิ่นดังเข้ามา
“บ่าวถวายพระพรฮองเฮา”
ก่อนหน้านี้เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังรายงานจากองครักษ์ลับก็รู้ว่าฮองเฮาจะมา ไม่รอให้โจวโย่วจิ่นเอ่ย ก็รับสั่งดังออกไปว่า “ให้ฮองเฮาเข้ามา”
โจวโย่วจิ่นรีบน้อมกายทูลเชิญหวังเมิ่งเหยา “ฮองเฮา เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเมิ่งเหยาไม่สนใจโจวโย่วจิ่น รีบก้าวเข้าไปอย่างร้อนใจ พอเข้าไปถึงก็ส่งเสียงร่ำไห้ดัง
“ฝ่าบาท ทรงรับสั่งให้ปลดบิดาหม่อมฉัน คุมตัวบิดากลับมาสอบสวนเมืองหลวงจริงหรือเพคะ บิดาหม่อมฉันสร้างความดีความชอบต่อแคว้นต้าโจวมากมาย เพราะความผิดพลาดเพียงครั้ง ฝ่าบาทก็คุมตัวเขากลับเมืองหลวงได้อย่างไรเพคะ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เป็นเพราะหม่อมฉันหรือเพคะ”
หวังเมิ่งเหยาเพิ่งกล่าวจบ เซียวเหวินอวี๋ก็โมโหตวาดดังว่า “หวังเมิ่งเหยา”
หวังเมิ่งเหยาตกใจ เงยหน้ามองสีหน้าดุดันของฮ่องเต้หนุ่ม ในแววตาไม่เพียงแต่มีความรังเกียจ แต่ยังมีความผิดหวังเจ็บปวดผสมผสานหลากหลายอารมณ์
หวังเมิ่งเหยาพลันไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด ลืมแม้แต่จะร่ำไห้
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยเตือนเยียบเย็นว่า “ในฐานะแม่ทัพแคว้นต้าโจว ท่านพ่อเจ้านอกจากต้องปกป้องแผ่นดิน ยังต้องปกป้องลูกน้องให้ดี เพราะเขาเป็นแม่ทัพ ลูกน้องเขาก็มีบิดา เป็นบิดาและเป็นบุตร พวกเขาตายไป แคว้นต้าโจวต้องมีกี่ครอบครัวที่ต้องสูญเสีย ในฐานะฮองเฮา เจ้าไม่คิดว่าควรจะปลอบประโลมความเจ็บปวดของคนเหล่านี้อย่างไร ถึงกับมาหาเรื่องกับเรา ยังสงสัยว่าเราคิดล้างแค้นเจ้าหรือ”
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าหมดใจ “เราใช้ไม่ได้เพียงนี้เชียวหรือ เพราะเรื่องของเรากับเจ้าไม่ราบรื่น ก็จะล้างแค้นกับบิดาเจ้าหรือ บิดาเจ้าเป็นแม่ทัพแคว้นต้าโจว เขาเกิดเรื่อง เราปวดใจยิ่งกว่าเจ้า แต่แม้ว่าเราจะปวดใจเพียงใด ก็ยังคงต้องมีคำตอบให้เหล่าทหารที่พลีชีพเหล่านั้น หรือว่าเพราะเป็นบิดาเจ้า พ่อภรรยาเรา เราก็ไม่ต้องให้คำตอบแก่คนเหล่านั้น อย่าลืมว่าเราเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว”
สุดท้ายเซียวเหวินอวี๋แทบจะคำรามออกมา สีหน้าเขาดำทะมึนน่ากลัวอย่างที่สุด
หวังเมิ่งเหยาเห็นเขาเช่นนี้ก็ตกใจกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ยามนี้ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก นางกลัวว่าตนเองเอ่ยอันใดออกไป ฮ่องเต้จะทรงรับสั่งปลดนางทันที
ในใจนางไม่เคยกระจ่างเท่าในเวลานี้มาก่อน
หากนางถูกปลด บุตรชายของนางจะยังดำรงตำแหน่งรัชทายาทต่อไปได้อีกหรือ
แม้ว่าบุตรชายนางสิบปีแล้ว แต่ฮ่องเต้ยังหนุ่ม หากเขาคิดให้กำเนิดรัชทายาทอีกสักคนก็ย่อมได้
หวังเมิ่งเหยาขอบตาแดงพูดไม่ออก
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋ย่ำแย่อย่างยิ่ง เอ่ยอย่างปวดร้าวว่า “เรายังคงจดจำความดีที่ขุนพลหวังทำเพื่อแคว้นต้าโจวได้ ดังนั้นจึงเพียงแค่นำตัวเขากลับมาสอบสวนที่เมืองหลวง หากเราไม่นำตัวเขากลับมาสอบสวน เกรงว่าแม้แต่ชีวิตเขาก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ครอบครัวทหารมากมายที่ตายไปเหล่านั้น ไม่มีทางปล่อยเขาไปเป็นแน่ เรามีราชโองการให้นำตัวเขาเข้าเมืองหลวง ครอบครัวคนพวกนั้นเห็นท่าทีเราจึงจะปล่อยเขา เขาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้”
เดิมเซียวเหวินอวี๋ตัดสินใจแล้วว่า หากขุนพลหวังเข้ามารับการสอบสวนที่เมืองหลวงแล้วพบว่าเขาเพียงแค่ตัดสินใจผิดพลาด ไม่ได้มีความคิดเป็นอื่นอันใด ก็จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้ แม้เขาต้องส่งมอบอำนาจการทหารคืน แต่ก่อนหน้านี้เขาได้แต่งตั้งหวังเมิ่งเหยาเป็นฮองเฮา ตระกูลหวังก็จะได้รับพระเมตตาพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นโหว ตระกูลหวังไม่มีอำนาจทางการทหาร แต่ยังมีบรรดาศักดิ์โหว ความจริงก็ไม่เลว หากพี่ชายหวังเมิ่งเหยายืนขึ้นได้อีกครั้ง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
เซียวเหวินอวี๋ตัดสินใจไว้เช่นนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาถึงกับกลายเป็นคนจิตใจคับแคบเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋ไม่รู้ว่าเหตุใดตอนนี้หญิงผู้นี้จึงกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้ เหตุใดคนคนหนึ่งจึงเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายเช่นนี้
ในห้องทรงอักษร หวังเมิ่งเหยาคล้ายไม่รู้ตัว พอนางได้ฟังฮ่องเต้ก็กล่าวอย่างยากทนรับได้ว่า “แต่ท่านพ่อข้าต้องสูญเสียอำนาจการทหาร?”
เซียวเหวินอวี๋แค่นหัวเราะ ดังนั้นพูดไปพูดมา เรื่องที่นางใส่ใจไม่ใช่ชีวิตบิดานาง แต่เป็นอำนาจทางการทหาร กลัวว่าในมือบิดาตนไร้อำนาจทางการทหาร สถานะรัชทายาทก็จะไม่มั่นคงอย่างนั้นหรือ
เซียวเหวินอวี๋ยิ้ม หลายปีมานี้ตนเองถึงกับให้ความโปรดปรานสตรีเช่นนี้
“ดังนั้นฮองเฮาเพียงแค่เป็นห่วงบิดาไร้อำนาจทางการทหาร รัชทายาทไร้ที่พึ่งหรือ เจ้าไม่เป็นห่วงชีวิตบิดาเจ้าหรือ”
หวังเมิ่งเหยาตะลึงงัน เซียวเหวินอวี๋กล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้ากลับไปเถอะ วันหน้าเราไม่อยากเห็นเจ้าอีก หากเจ้าอยากให้รัชทายาทดำรงตำแหน่งมั่นคง วันหน้าไม่มีเรื่องอันใดก็อย่าได้ก้าวออกจากตำหนักเฉาหยางกง”
เขาหมดความอดทนกับหญิงผู้นี้แล้ว วันหน้าไม่อยากพบหน้านางอีก
หวังเมิ่งเหยาตกใจจนนิ่งอึ้ง เมื่อก่อนแม้ว่าฮ่องเต้เคยตัดสัมพันธ์นางมาแล้ว ทว่าแต่ไรมาไม่เคยเย็นชาเหมือนเช่นตอนนี้ คล้ายว่านางคือขยะกองหนึ่ง
หวังเมิ่งเหยาทนไม่ไหวส่งเสียงเรียกดังขึ้น “ฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋ตวาดเย็นเยียบ “ไสหัวไป”
หวังเมิ่งเหยาผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ถอยออกไปด้วยสีหน้าซีดเผือด
ในห้องทรงอักษร เซียวเหวินอวี๋ยกมือกวาดฎีกาบนโต๊ะลงพื้นหมดสิ้น
พร้อมกับตวาดสั่งโจวโย่วจิ่นด้านนอก “ตั้งแต่วันนี้ไป ปิดประตูตำหนักเฉาหยางกง ไม่มีคำสั่งเรา ไม่อนุญาตให้ฮองเฮาก้าวออกจากตำหนักเฉาหยางกงแม้แต่ก้าวเดียว”
เขากล่าวจบพลันคิดถึงองค์หญิงรองกับองค์ชายรอง คิดถึงสิ่งที่นางทำกับองค์หญิงรอง เขาจับนางไม่ได้คาหนังคาเขา จึงสั่งการต่อไปว่า “พาองค์หญิงรองกับองค์ชายรองออกมา มอบให้กับ…”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรมอบองค์หญิงรองกับองค์ชายรองให้ผู้ใดดูแล
สาเหตุหลักเพราะเขาไม่รู้จักสตรีในวังเท่าที่ควร ไม่รู้อุปนิสัยใจคอผู้ใด
อย่างไรองค์หญิงรองกับองค์ชายรองก็เป็นบุตรชายหญิงของเขา เขาต้องจัดการเรื่องของพวกเขาให้ดี
เซียวเหวินอวี๋คิดไปมา สุดท้ายก็คิดถึงพระสนมเนี่ยผิน ก่อนหน้านี้เขาไปหาพระสนมเนี่ยผินหลายครั้ง เพราะไม่อยากให้นางโดนคนรังแก แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจนิสัยนาง แต่เขาคิดถึงว่าคงมีแต่เพียงหญิงผู้นี้แล้ว
“พาองค์หญิงรองกับองค์ชายรองไปให้พระสนมเนี่ยผินดูแล”
โจวโย่วจิ่นรับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะนำคนนำราชโองการไปตำหนักเฉาหยางกง
หวังเมิ่งเหยาคิดไม่ถึงว่าเซียวเหวินอวี๋ไม่เพียงแต่กักบริเวณนางไว้ในตำหนักเฉาหยางกง ยังถึงขั้นจะพาบุตรชายหญิงของนางไป
ตอนนี้รัชทายาทก็ไม่ค่อยได้มาตำหนักเฉาหยางกง เหลือเพียงเด็กน้อยสองคนนี้ ยังต้องถูกแย่งชิงไปอีกหรือ
หวังเมิ่งเหยาอุ้มองค์ชายรองเอาไว้ไม่ยอมปล่อย นางกัดฟันมองโจวโย่วจิ่น เอ่ยขึ้นด้วยหัวใจแหลกสลายว่า “คิดจะอุ้มองค์ชายรองไป ก็มีราชโองการประหารข้าก่อน ไม่เช่นนั้นข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าพาองค์ชายรองไปอย่างเด็ดขาด”
โจวโย่วจิ่นเห็นเรื่องเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่กลับไปรายงาน
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังรายงานโจวโย่วจิ่น ก็รู้สึกว่าหวังเมิ่งเหยาทำร้ายจิตใจเขาอีกครั้ง เหตุใดไม่ยอมเพียงแค่องค์ชายรอง แล้วองค์หญิงรองเล่า เหตุใดไม่ดึงดันที่จะรั้งองค์หญิงรองไว้ นับประสาอันใดกับก่อนหน้านี้นางยังวางยาองค์หญิงรอง ตอนนี้ถึงกับสลัดองค์หญิงรองทิ้งง่ายดายเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋ลุกขึ้นพาโจวโย่วจิ่นไปตำหนักเฉาหยางกง
หวังเมิ่งเหยาเห็นโจวโย่วจิ่นนำเสด็จฝ่าบาทมา ก็ร้องไห้เสียงดัง “เหตุใดฝ่าบาททรงใจร้ายกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ ทรงเคยบอกว่าจะรักเพียงหม่อมฉันไปชั่วชีวิต ไม่แตะต้องหญิงอื่น จะอยู่กับหม่อมฉันคนเดียวตลอดไป”
เซียวเหวินอวี๋ก้มลงมองหวังเมิ่งเหยา “เรานึกเสียใจภายหลังอย่างมากที่ตอนนั้นกล่าววาจาเช่นนั้นออกไป เจ้าไม่คู่ควร”
วาจานี้ทำเอาหวังเมิ่งเหยาสะดุ้งวาบ นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเหวินอวี๋พูดออกมาตรงๆ เช่นนี้