ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 988 น่าอาเจียน
ตอนที่ 988 น่าอาเจียน
ซั่งกวนเฮ่อไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ว่าเป็นฝีมือซั่งกวนหรง แต่ไรมาซั่งกวนหรงก็เหมือนสุนัขเดินตามเขา ไม่เพียงแต่คอยประจบเขา ยังช่วยเขาทำงานหลายอย่าง มองเขาเป็นดังม้าจ่าฝูง หรือว่าทุกอย่างคือการเสแสร้ง
เสด็จแม่ซั่งกวนหรงเป็นพระสนมฟางเจาอี๋ในวัง สองปีมานี้แม้ว่าตระกูลฟางจะรุ่งเรือง แต่ไม่เพียงพอจะต่อต้านเขา ซั่งกวนหรงกล้าวางหลุมพรางเขาได้อย่างไร
แต่หากไม่ใช่ซั่งกวนหรงแล้วจะเป็นผู้ใด
น้องหก ซั่งกวนม่อหรือ
ปีนี้ซั่งกวนม่ออายุสิบแปด แต่ไรมาก็อ่อนแอไร้สามารถ ยังขี้ขลาด แม้แต่วาจาก็ไม่กล้ากล่าวล่วงเกินเขา เสด็จแม่เขาแค่บุตรสาวขุนนางเล็กๆ ระดับห้า ตอนนี้เป็นพระสนมในวัง ปกติไม่ก้าวออกจากตำหนัก แต่องค์ชายถัดจากนี้ก็คือน้องเก้าที่อายุเพียงเก้าขวบ ยิ่งไม่มีทางวางหลุมพรางเขา
ซั่งกวนเฮ่อคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าคนที่มีความเป็นไปได้ที่จะลงมือกับเขามากที่สุดก็คือซั่งกวนหรง
ดังนั้นเรื่องก่อนหน้านี้เป็นฝีมือซั่งกวนหรงหรือ
ซั่งกวนเฮ่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ ซั่งกวนหรงเสแสร้งเป็นน้องชายที่ดีกับเขา แต่แอบวางหลุมพรางเขาลับหลังหรือ คนผู้นี้อุบายในใจลึกจริง
ซั่งกวนเฮ่อแน่ใจว่าเป็นฝีมือซั่งกวนหรงแล้ว สีหน้าเขาก็เผยรอยยิ้มเยาะ กำมือทุบโต๊ะอย่างแรง เจ้าตัวสมควรตายถึงกับกล้าหมายปองในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน เราให้เกียรติเจ้าเกินไปแล้ว
ซั่งกวนเฮ่อโมโหมาก พลันไม่คิดเรื่องซั่งกวนหรง แต่หวนคิดถึงน้องแปดในวัง
คิดถึงน้องแปดซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนแล้ว แววตาซั่งกวนเฮ่อก็เปลี่ยนไป มุมปากบางเม้มแน่น เปล่งรัศมีดื้อดึงรอบกาย
ในสมองมีแต่ภาพหนึ่งลอยขึ้นมา สตรีงามราวเทพธิดาในชุดแดงยืนอยู่ริมหน้าผา มองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ ตวาดว่า “อวี๋เซวียน ข้าแม้ตายก็ไม่คิดแต่งกับเจ้า เจ้าคือศัตรูข้า เหตุใดข้าจะแต่งกับเจ้า แม้ตอนนี้เจ้าเป็นฮ่องเต้ แต่ในใจข้า เจ้าก็คือคนเลว เจ้าต้องการครอบครองข้า จึงได้วางอุบายทำร้ายพี่น้องตนเอง เจ้ามันไม่ใช่คน”
นางกล่าวจบก็กระโดดลงไปราวกับผีเสื้อโบยบิน จากนั้นหลายปีต่อมา เขาก็ไม่อนุญาตให้สตรีใดสวมชุดแดงอีก ขอเพียงเห็นสตรีชุดแดง เขาก็จะปวดหัวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง เสียงด่าตู้เยี่ยนก่อนตายเสียดแทงโสตประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา
วาจาตำหนิเขาว่า เพื่อครอบครองผู้หญิงของพี่น้อง จึงได้วางอุบายพี่น้องตนเอง หญิงผู้นั้นยอมตายก็ไม่ยอมเป็นฮองเฮาเขา
หลังอวี๋เซวียนตายลง เดิมคิดว่าตนเองจะลงนรก คิดไม่ถึงว่าพอลืมตาขึ้นมา เขาถึงกับกลายเป็นรัชทายาทซีเหลียง
เขาไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองถึงกับกลับชาติมาเกิดใหม่ และยังกลับมาเกิดใหม่เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นซี เหลียง
ภพนี้เขาไม่ใช่คนคิดวางอุบายทำร้ายพี่น้องตนเอง และค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องภพก่อน
คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตอนเขาเดินผ่านตำหนักฉู่ซิ่วกง ก็ได้เห็นสตรีเก็บดอกไม้อยู่ริมกำแพงตำหนัก นางอยู่ในชุดกระโปรงแดงปักลายเมฆา ยามสายลมพัดผ่านร่างนาง กระโปรงพลิ้วไหวคล้ายดังเทพธิดาที่พลิ้วลอยตามแรงลม
อวี๋เซวียนเงยหน้ามองไปพลันถูกภาพนี้กระทบใจ นางถึงกับเป็นสตรีที่ภพก่อนเขาหมายปองแล้วไม่อาจได้มาครอบ ไม่เพียงแต่หน้าตา แม้แต่รอยยิ้มนางก็เหมือน อวี๋เซวียนนิ่งงัน ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่านางผู้นี้เป็นน้องแปดของเขา น้องแปดเติบโตมาในวังเงียบๆ เช่นนี้
แม้รู้ว่านางเป็นน้องแปดของเขา แต่อวี๋เซวียนก็ตัดสินใจแล้วว่าภพนี้เขาจะไม่ปล่อยนางไป เขาจะต้องกักขังนางไว้ในวังข้างกายเขา ให้นางไปไหนไม่ได้
แต่อวี๋เซวียนเกรงว่าน้องสาวจะเกิดความรู้สึกไม่ดี ดังนั้นจึงมิได้บีบบังคับนางในทันที แต่ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ดีต่อนางก่อน เขาเชื่อว่าน้องแปดจะค่อยๆ รับน้ำใจของเขา แม้พวกเขาเป็นพี่น้องกันแล้วอย่างไร
อวี๋เซวียนไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาอันใด
อวี๋เซวียนครุ่นคิดแล้วก็เริ่มคิดถึงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ทำเอาเขานั่งต่อไปไม่ติด ลุกขึ้นเดินมุ่งไปตำหนักในวัง
แม้ว่าฮ่องเต้รับสั่งว่าหากไม่มีกิจอันใด ไม่ให้เขาเข้าวัง แต่อวี๋เซวียนวิทยายุทธ์ร้ายกาจ กอปรคุ้นเคยเส้นทางในวัง ดังนั้นจึงหลบสายตาคนในวังไปตำหนักกวานซุยกงได้อย่างไม่มีผู้ใดรู้เห็น
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเตรียมพักผ่อนแล้ว พลันได้ยินเสียงทางหน้าต่าง นางหันไปมองลู่เจียวที่อยู่กับนางในห้องด้านในทันที
ลู่เจียวค่อยๆ ขมวดคิ้วแน่น บอกให้นางอย่ารีบร้อน
อย่าได้คิดว่าผู้ที่มาคือซั่งกวนม่อหรือเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ในวังมีแต่สายของซั่งกวนเฮ่อ ก่อนหน้านี้เขาตกหลุมอุบายพวกนาง ย่อมต้องระมัดระวังตนเองอย่างมาก
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็ตะโกนถามว่า “ผู้ใด”
อวี๋เซวียนไม่คิดปิดบัง เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเอง เสด็จพี่รัชทายาทเจ้า”
ลู่เจียวกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ยินเสียงอวี๋เซวียน เรื่องแรกที่คิดก็คือ หรือว่าซั่งกวนเฮ่อสืบได้หลักฐานแล้วว่าคนที่วางอุบายเขาในวังก็คือพวกนาง
ทั้งสองคนสบตากันทีหนึ่ง ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเดินออกไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นว่า “เสด็จพี่มาดึกดื่นเพียงนี้ด้วยเรื่องอันใดกัน”
ครั้งนี้อวี๋เซวียนไม่ได้เอ่ยอันใด แต่เปิดหน้าต่างกระโดดเข้ามา
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนตกใจ เอ่ยน้ำเสียงสั่นว่า “เสด็จพี่ ดึกดื่นเที่ยงคืนมาตำหนักข้าทำอันใดกัน ไม่ค่อยดีกระมังเพคะ”
อวี๋เซวียนไม่อยากให้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้ความคิดเขาในตอนนี้ ดังนั้นเขามองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้วยแววตาเจ็บปวด กล่าวว่า “เสด็จพี่อารมณ์ไม่ดี มาหาน้องแปดเพื่อพุดคุยสักหน่อย น้องแปดไม่ต้องเป็นห่วง เสด็จพี่ไม่ได้คิดร้าย”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังก็โล่งอก มองท่าทางซั่งกวนเฮ่อแล้วก็น่าจะยังไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับพวกนาง
เช่นนั้นก็ดี
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า “เสด็จพี่ ชายหญิงเจ็ดขวบก็ไม่ควรใกล้ชิด ตอนนี้พวกเราโตแล้ว เสด็จพี่เข้ามาในตำหนักบรรทมข้าดึกดื่นเช่นนี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ข้าไปกระโดดแม่น้ำฮวงโหก็คงล้างมลทินไม่หมดเพคะ”
อวี๋เซวียนแววตาลุกโชน ล้างไม่หมดก็ไม่หมดสิ แน่นอนว่าวาจานี้เขาไม่พูดออกมา
เขามองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้วยแววตาเจ็บปวด ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพี่ไม่มีคนพูดคุยด้วย จึงได้มาหาน้องแปด พูดคุยสักครู่แล้วก็จะไป”
เขากล่าวจบมองไปยังลู่เจียวและคนอื่นในห้อง “พวกเจ้าออกไปได้”
ลู่เจียวไหนเลยจะยอมไป ยังคงดึงดันยืนไม่ยอมออกไป
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่กังวลว่าตนเองจะถูกซั่งกวนเฮ่อทำอันใด
นางมีวิทยายุทธ์ และยังมียาที่ท่านแม่ให้ไว้หลายอย่างป้องกันตัว จะไม่เป็นอันใด
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกลัวว่าซั่งกวนเฮ่อจะลงโทษพวกลู่เจียว รีบเอ่ยขึ้นว่า “หลีเซียง พวกเจ้าออกไปเฝ้าหน้าประตู มีเรื่องใดข้าจะเรียกพวกเจ้าเอง”
นางกล่าวเช่นนี้ ลู่เจียวได้แต่ตกลง อย่างไรนางยืนอยู่หน้าประตู หากในห้องมีเสียงเคลื่อนไหวอันใด นางย่อมได้ยินในทันที
ลู่เจียวพานางกำนัลสองคนเดินออกไป
ในห้องบรรทม อวี๋เซวียนไม่ได้ทำอันใด เพียงแค่ส่งสายตาเจ็บปวดใจมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
“น้องแปด คืนก่อนหน้านี้เสด็จพี่ถูกคนวางกับดัก เสด็จพี่จะเสียสติเพียงใดก็ไม่มีทางนอนกับสตรีของเสด็จพ่อ เจ้าเชื่อเสด็จพี่ไหม”
หากไม่ใช่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอดกลั้นเอาไว้ ก็อยากจะแค่นหัวเราะใส่ซั่งกวนเฮ่อ คนผู้นี้แม้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังคงหน้าไม่อายเหมือนเดิม ปากบอกว่าไม่รักไม่ชอบ แต่ก็นอนกับสตรีไม่หยุดหย่อน และยังเอ่ยราวกับตนเองบริสุทธิ์
เห็นเขาเช่นนี้ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็นึกถึงภพก่อน สุดท้ายอวี๋เซวียนพาทหารมาล้อมนางไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับรักปักใจลึกซึ้งว่า
“เยี่ยนเอ๋อร์ เรารักเจ้า ในใจเรามีเพียงเจ้า ไม่มีผู้อื่นใด จากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นฮองเฮาของเรา”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดถึงเรื่องนี้ก็แทบจะอาเจียน นางไม่อยากได้ความรักของเขา ความรักหรือ ไร้ค่าจริง ไม่เพียงแต่ความรักไร้ค่า แม้แต่ร่างกายก็สกปรกอย่างที่สุด ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีหน้าเอ่ยคำว่ารักได้อย่างไร
ตำหนักบรรทม อวี๋เซวียนเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนนิ่งเงียบและมีสีหน้าไม่พอใจ “น้องแปดไม่เชื่อข้าหรือ”
ในที่สุดซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเชื่อหรือไม่ ไม่สำคัญ เสด็จพี่ควรให้เสด็จพ่อเชื่อมากกว่า”
วาจานี้ราวกับแทงลงกลางใจอวี๋เซวียน
ใช่ ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่เชื่อใจเขาแล้ว