ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 989 ก่อเหตุ
ตอนที่ 989 ก่อเหตุ
อวี๋เซวียนสีหน้าดำคล้ำ รู้สึกเพียงแค่ฮ่องเต้ขวางทางเขาอย่างมาก
เมื่อก่อนเขาคิดว่ามีฮ่องเต้อยู่เป็นเรื่องดีมาก แม้เขาเป็นรัชทายาท แต่ก็กุมอำนาจราชสำนักซีเหลียงไว้ในมือได้ และไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในวัง ไปไหนมาไหนได้อิสระ นี่คือชีวิตที่เขาต้องการ ภพก่อนหลังเขาขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ ความจริงไม่ได้เบิกบานใจเหมือนก่อนหน้าที่ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
เพราะในฐานะฮ่องเต้ จำต้องอยู่แต่ในวังตลอดเวลา วังหลวงเช่นนั้นคล้ายดังกรงขังขนาดใหญ่กักขังเขาเอาไว้จนไร้ซึ่งอิสระ
ชาติภพนี้เขาไม่อยากเป็นฮ่องเต้ที่ถูกบีบคั้นเช่นนั้น เขารู้สึกว่าเป็นรัชทายาทนั้นดีมาก กุมอำนาจสั่งการซีเหลียงไว้ในมือตนเองได้ อำนาจมี อิสระมี และไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องราชกิจ
แต่ตอนนี้เขาจึงรับรู้ได้เรื่องหนึ่ง อย่างไรรัชทายาทก็มิใช่ฮ่องเต้ หากฮ่องเต้คิดปลดเขา ก็ปลดได้ แม้เขากุมอำนาจการทหารซีเหลียงไว้ก็ตาม
ดูท่าไม่อาจเก็บฮ่องเต้เอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
ในตำหนักบรรทม ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองอวี๋เซวียน แม้เขาไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่นางไม่ใช่ใครอื่น นางยังคงมองความคิดในใจอวี๋เซวียนออก
คนผู้นี้โหดเหี้ยมขึ้นมาก็ไม่สนใจญาติ
ส่วนนาง ขอเพียงคอยยุยงส่งเสริมก็พอแล้ว
“เสด็จพี่ รีบไปเถอะ ก่อนหน้านี้ท่านทำเรื่องเช่นนั้นในวัง ทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้วมากแล้ว หากให้เสด็จพ่อรู้อีกว่าเสด็จพี่บุกมาตำหนักข้าในยามวิกาล เกรงว่าเสด็จพ่อคงกริ้วหนักเป็นแน่”
ซั่งกวนเฮ่อได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน คิดถึงว่าหากฮ่องเต้รู้ว่าเขาหมายปองน้องสาวตนเอง เกรงว่าก็คงยิ่งไม่พอพระทัยเขา
ซั่งกวนเฮ่อกัดฟันกรอด จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ หันหลังกระโดดออกทางหน้าต่างไป
ซั่งกวนเฮ่อไปแล้ว ลู่เจียวก็เดินเข้ามา
“เขาไปแล้วหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพยักหน้า “ไปแล้ว ตอนนี้ในใจเขาต้องโมโหอย่างมาก หากถูกฮ่องเต้สั่งสอนอบรมอีกครั้ง เกรงว่าก็คงทนไม่ไหวแล้ว หากเขาทนไม่ไหวย่อมต้องลงมือต่อฮ่องเต้ ถึงตอนนั้นพวกเราช่วยฮ่องเต้ ให้พระองค์มาจัดการซั่งกวนเฮ่อเองดีหรือไม่”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะทำได้ ลู่เจียวได้ฟังก็พยักหน้ากำชับนางให้ระวังหน่อย
“เจ้าระวังหน่อย หากเขารู้ว่าเจ้าข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกรงว่าคงไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มเข้าไปประคองมือลู่เจียว “พวกเราไปนอนกันเถอะ”
หลายวันมานี้นางบอกกับคนนอกว่าลู่เจียวมาคอยเฝ้านางตอนกลางคืน แต่ความจริงสองแม่ลูกนอนเตียงเดียวกัน คนนอกไม่รู้เรื่องนี้
วันรุ่งขึ้น ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็ไปรับประทานอาหารกลางวันกับฮ่องเต้ซีเหลียงซั่งกวนเฉิน
ซั่งกวนเฉินเห็นบุตรสาวมา ก็ดีใจมาก แม้ว่านี่คือบุตรสาว ไม่ใช่ผู้หญิงของเขา แต่คนเราล้วนชอบมองของสวยงาม บุตรสาวคนนี้งามมากจริงๆ มองแล้วก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีมาก
“เราจำได้ว่าปีนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว?”
“เพคะ เสด็จพ่อ ปีนี้หม่อมฉันอายุสิบหกแล้ว”
“พอสมควรแก่เวลาเลือกคู่ให้เจ้าแล้ว บอกเสด็จพ่อว่าเจ้าชอบคนเช่นใด”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มบางพลางกล่าวว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่คิดแต่งเพคะ จะอยู่เป็นเพื่อนเสด็จพ่อ”
ซั่งกวนเฉินพลันนึกขำวาจานาง ส่งสายตาจ้องซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนทีหนึ่ง “วาจาโง่งม บุตรสาวไหนเลยไม่ออกเรือน ไว้เราให้เสด็จแม่เจ้าเลือกคู่หมายที่ดีให้เจ้า เจ้างดงามเพียงนี้ ไม่อาจปล่อยให้เจ้าต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากนัก”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังซั่งกวนเฉินก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง แต่ยังรักษาท่าทีระแวดระวัง
ซั่งกวนเฉินเห็นท่าทางนางก็คิดว่านางมีคนที่ชอบแล้ว จึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่มีคนที่ชอบเพคะ เพียงแต่เสด็จพี่เขา เขามักจะบุกมาหาหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม”
ซั่งกวนเฉินตอนแรกไม่เข้าใจ ค่อย ๆ เลิกคิ้วมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “รัชทายาท? เสด็จพี่เจ้าทำอันใดหรือ”
“เมื่อคืนเสด็จพี่รัชทายาทบุกมาห้องนอนหม่อมฉันยามวิกาล หม่อมฉันตกใจสะดุ้งตื่น ทำเช่นนี้คล้ายว่าผิดธรรมเนียมอยู่บ้าง”
ฮ่องเต้ได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน สมองก็พลันกระตุกวาบ ไฟโทสะลุกโชนอย่างไม่อาจระงับ เป็นถึงรัชทายาทตำหนักบูรพา หรือว่าไร้ธรรมเนียมเช่นนี้กัน แค่นี้ก็ไม่รู้หรือ ชายหญิงเจ็ดขวบต้องแยกคนละฟาก ตอนนี้นางสิบหกแล้ว เขาบุกไปห้องนอนนางยามวิกาล คิดทำอันใด
ซั่งกวนเฉินคิดถึงเรื่องซั่งกวนเฮ่อนอนกับผู้หญิงของเขา แล้วก็คิดถึงบุตรสาวผู้นี้
เขาอดโมโหสบถด่าเสียงดังไม่ได้ “เจ้าเดรัจฉาน ไร้ความเป็นคนสิ้นดี”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนทำสีหน้าเหมือนตกใจกับท่าทางของซั่งกวนเฉิน มองซั่งกวนเฉินด้วยสีหน้าซีดเผือด “เสด็จพ่อ ท่าน ท่าน?”
ซั่งกวนเฉินเห็นบุตรสาวตกใจ ก็อดผ่อนน้ำเสียงลงไม่ได้ “ไม่มีอันใด เสด็จพ่อไม่ได้ว่าเจ้า เรื่องนี้เจ้าอย่าได้พูดออกไป เสด็จพ่อจะตำหนิเสด็จพี่เจ้าเอง และจะเตือนเขาว่าวันหน้าห้ามไปตำหนักเจ้าอีก”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
“เอาละ เจ้ากลับไปก่อน”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนลุกขึ้นคิดถอยออกไป ปรากฏมหาขันทีรีบร้อนวิ่งเข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ไม่ได้การแล้ว องค์ชายห้ามีเรื่องวิวาทกับผู้อื่นตอนขี่ม้าตีลูกแพร สองฝ่ายปะทะกัน องค์ชายห้าตกม้าขาหักพ่ะย่ะค่ะ”
ซั่งกวนเฉินได้ฟังขันทีรายงาน สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างยิ่ง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเดินออกไปพร้อมกับมุมปากกระดกกดลึกเล็กน้อย นี่ซั่งกวนเฮ่อลงมือกับองค์ชายห้าซั่งกวนหรงแล้วกระมัง
คิดถึงซั่งกวนหรงแล้วก็สมน้ำหน้า ไปเป็นพวกเดียวกับซั่งกวนเฮ่อ ช่วยซั่งกวนเฮ่อทำชั่วมากมาย เขากลับไม่รู้ว่าคนเช่นซั่งกวนเฮ่อแล้งน้ำใจไร้คุณธรรม ในปีนั้นหรงกุยเป็นคนสนิทข้างกายเขา ตรากตรำอาบเหงื่อทำงานให้เขา ปรากฏเพราะเขาต้องตาต้องใจนาง ถึงกับวางแผนทำร้ายผู้เป็นพี่น้องตนเอง
เรื่องงานเลี้ยงในวังครั้งก่อน พวกเขาโยนร่องรอยไปที่ซั่งกวนหรง เช่นนั้นซั่งกวนเฮ่อก็ย่อมต้องสงสัยซั่งกวนหรงแล้ว
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังลู่เจียว กระซิบเบาๆ ว่า “อีกสักครู่ส่งข่าวไปบอกเสด็จพี่หก ให้เขาบอกเล่าเบื้องหลังการตกม้าขาหักให้องค์ชายห้ารู้”
พวกนางรอดูพวกเขาสองคนเป็นดังสุนัขกัดกันเอง
องค์ชายห้ากับบุตรหลานชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงแข่งขี่ม้าตีลูกแพรกัน แต่สองฝ่ายมีเรื่องวิวาทลงไม้ลงมือ สุดท้ายไม่เพียงแต่องค์ชายห้าขาหัก แม้แต่บุตรชายขุนนางสองคนก็บาดเจ็บสาหัส คนหนึ่งแขนหัก อีกคนสลบไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น
ยังบาดเจ็บหนักกันอีกหลายคน ฮ่องเต้ให้คนไปสืบ สืบได้ว่าองค์ชายห้าใช้อำนาจรังแกผู้อื่น พูดจาไม่เข้าหูก็ลงไม้ลงมือ เรื่องนี้เป็นเพราะองค์ชายห้าหาเรื่องเอง ดังนั้นแม้เขาขาหัก แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้มีราชโองการลงโทษคนพวกนั้น
สุดท้ายฮ่องเต้รับสั่งให้หมอหลวงจากสำนักหมอหลวงไปรักษาขาให้องค์ชายห้า
ปีนี้องค์ชายห้าซั่งกวนหรงอายุสิบเก้า ยังไม่ได้แต่งงาน ใช่ว่าไม่มีผู้ใดถูกใจเขา แต่เพราะพระสนมฟางเจาอี๋เสด็จแม่เขาหมายปองสูง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ สตรีชนชั้นสูงศักดิ์แท้จริงก็ไม่ยินดีแต่งกับเขา
ตอนนี้รัชทายาทสถานะมั่นคง หลายคนจับจ้องรัชทายาท แม้องค์ชายห้าติดตามรัชทายาทก็ไม่เลว แต่เขาต้องอาศัยบารมีรัชทายาท ปกติถูกคนดูแคลน แล้วภรรยาเขาจะไม่ถูกดูแคลนหรือ ไม่เพียงแต่ต้องการแต่งกับสตรีมีตระกูล แต่ยังต้องงดงามมีความสามารถ น่าเสียดายสตรีสูงศักดิ์ที่งดงามมีความสามารถก็ไม่มองเขา ดังนั้นเขาจึงค้างเติ่งมาถึงวันนี้
ก่อนหน้านี้รัชทายาทเอ่ยต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ว่าน้องห้าอายุไม่น้อยแล้ว ควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องและแต่งงานได้แล้ว
ฮ่องเต้เองก็ให้คนเตรียมงานเลี้ยงในวัง คิดเลือกพระชายาให้องค์ชายห้า ปรากฏรัชทายาทกลับเกิดเรื่องฉาวโฉ่เช่นนั้นในงาน งานคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายห้าจึงจบลงไปเช่นนั้น
จวนองค์ชายห้า
ซั่งกวนหรงนั่งฟังรายงานของลูกน้องค้าง “ข้าน้อยไปสืบมาได้ความว่า มีคนเห็นรัชทายาทสนทนากับพวกเขา”