ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 995 เจรจาสันติ
ตอนที่ 995 เจรจาสันติ
ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข มีเพียงรัชทายาทที่ไม่รู้สึกร่วมไปด้วย ประเด็นก็คือหากในใจเขาไม่พอใจ แสดงออกมาก็ยังดี แต่เขากลับเสแสร้ง ทำเป็นสนิทสนมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว ครู่หนึ่งก็คีบอาหารให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ครู่หนึ่งก็ตักน้ำแกงให้ลู่เจียว
“ท่านปู่ อันนี้อร่อยมาก ท่านลองชิมดู”
“ท่านย่า ดื่มน้ำแกงให้กระเพาะอุ่นสักหน่อย ตอนนี้อากาศเย็น ระวังสุขภาพด้วย”
เขาอายุสิบขวบ กำลังอยู่ในวัยติดเล่นซุกซน ไหนเลยต้องมาคอยใส่ใจผู้อื่นเช่นนี้ และยังเป็นการใส่ใจเพียงแค่ภายนอก
สุดท้ายเซียวเหวินอวี๋ทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ ในใจเขารู้ดีว่าด้วยความสามารถท่านพ่อกับท่านแม่ ไหนเลยจะมองความแค้นที่รัชทายาทมีต่อพวกเขาไม่ออก พวกเขาไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะไม่อยากให้เขากับรัชทายาทดูไม่ดีเท่านั้น
หากว่าเมื่อก่อน เซียวเหวินอวี๋ยังคิดทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัชทายาทกับตระกูลเซี่ยกลับคืนดังเดิม แต่ตอนนี้เขาไม่คิดเช่นนั้นแล้ว
เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัชทายาทกับตระกูลเซี่ยคงไม่อาจกลับคืนดังเดิมอีกแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็มีสีหน้าเย็นเยียบ ลุกขึ้นกล่าวว่า “ยามนี้ก็ดึกแล้ว เราจะพารัชทายาทกับพวกองค์หญิงใหญ่กลับวังแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบจัดคนอารักขาพวกเซียวเหวินอวี๋กลับวัง
แม้ว่าเซียวเหวินอวี๋ออกจากวังหลวง จัดยอดฝีมือมาแอบคอยอารักขาไม่น้อย แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยังคงเป็นห่วง ดังนั้นจึงจัดคนตระกูลเซี่ยไปส่งฝ่าบาทกับรัชทายาทกลับเข้าวัง
ตลอดทางมา เซียวเหวินอวี๋มองรัชทายาทด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้ากำลังโกรธแค้นท่านปู่กับท่านย่าหรือ”
รัชทายาทตกใจเงยหน้ามองเซียวเหวินอวี๋ สีหน้าเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ มองเซียวเหวินอวี๋ด้วยอาการขอบตาแดงเล็กน้อย กล่าวว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันเปล่า หม่อมฉันเพียงแต่รู้สึกผิดต่อท่านปู่กับท่านย่า จะตำหนิพวกท่านได้อย่างไร เสด็จพ่อมีเรื่องกับเสด็จแม่ ล้วนเพราะเสด็จแม่ทำผิด ไม่ใช่ความผิดของท่านปู่กับท่านย่า”
แม้ว่าขอบตาเขาแดงก่ำ ใบหน้าน้อยๆ แลดูน่าสงสารจับใจ แต่เซียวเหวินอวี๋กลับมองออกทันทีว่าเขาเสแสร้ง ตอนนี้รัชทายาทกำลังเสแสร้งต่อหน้าเขา
เซียวเหวินอวี๋ไม่มีอันใดเอ่ยกับรัชทายาทอีก เพียงแค่หลับตาลงกล่าวว่า “เอาละ แค่นี้ก็แล้วกัน”
เซียวเหวินอวี๋หลับตาลง ในสมองพลันครุ่นคิดเรื่องหนึ่งไม่หยุด เห็นชัดว่ารัชทายาทจะไม่มีทางดีต่อตระกูลเซี่ยอีกแล้ว ตอนนี้เขาควรทำเช่นไร
หากปล่อยให้รัชทายาทขึ้นสู่บัลลังก์ เกรงว่าสุดท้ายแม้เขาจัดการหวังเมิ่งเหยา รัชทายาทก็คงนำเรื่องนี้ไปโทษตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยก็มีแต่ต้องประสบเคราะห์ร้าย แต่หากเขาไม่จัดการหวังเมิ่งเหยา รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่ง หวังเมิ่งเหยาก็จะให้รัชทายาทจัดการตระกูลเซี่ย และรัชทายาทก็เชื่อฟังเสด็จแม่เขามาก
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดจริงจัง หรือว่าเขาจะมองดูรัชทายาทลงมือต่อตระกูลเซี่ยเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงเรื่องนี้ ก็ปฏิเสธทันที ไม่ เขาไม่มีทางทำเรื่องที่แล้งน้ำใจไร้คุณธรรมเช่นนี้เป็นแน่ เขาได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลเซี่ย ได้รับการทุ่มเทอบรมจากพวกเขา ถึงกับการที่เขาก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้ก็เพราะพวกเขาทุ่มเทให้ความช่วยเหลือ อาจกล่าวได้ว่าเขามีวันนี้ได้ เพราะตระกูลเซี่ยช่วยประคอง
หากไม่มีพวกเขา ก็ไม่มีเขาในวันนี้ น่าเสียดายเขาไม่เคยช่วยอันใดพวกเขาแม้สักอย่าง เดิมเขาคิดให้รัชทายาทใกล้ชิดสนิทสนมกับตระกูลเซี่ย จากนั้นก็จะทำให้ตระกูลเซี่ยรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ก็นับว่าเป็นการตอบแทนคุณท่านพ่อกับท่านแม่ที่อบรมเลี้ยงดูเขามา
แต่คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายรัชทายาทถึงกับทำตรงกันข้ามกับที่เขาวางแผนไว้
ดังนั้นรัชทายาทผู้นี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะปลดทิ้ง อย่าหาว่าเขาโหดเหี้ยม เขาเดินมาถึงวันนี้ได้ ล้วนเพราะการอบรมเลี้ยงดูจากตระกูลเซี่ย ในฐานะบุตรชายเขาก็ควรทุ่มเทตอบแทนคุณ ปรากฏรัชทายาทถึงกับโกรธแค้นตระกูลเซี่ย
เซียวเหวินอวี๋ไม่คิดเรื่องรัชทายาทต่อ แต่ไปคิดถึงเรื่องอื่น รัชทายาทผู้นี้ไม่ได้ ต่อจากเขาก็มีองค์ชายรอง เขาก็ยิ่งไม่ถูกใจ
แต่ตอนนี้เขามีองค์ชายเพียงแค่สองคน องค์ชายทั้งสองไม่ได้ เขาจำต้องมีบุตรชายเพิ่ม มารดาบุตรชายคนนี้เป็นคนที่เขาต้องให้ความสำคัญอย่างที่สุด
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงพระสนมเนี่ยผินในวัง จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่มีทางเชื่อใจสตรีในเมืองหลวงพวกนี้ ปกติดูแล้วก็ดีๆ แต่พอได้ข้องเกี่ยวกับราชนิกุล เกี่ยวข้องกับตำแหน่งฮองเฮา ก็คล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดไปมา ในสมองพลันมีภาพงดงามราวกับเทพธิดาขององค์หญิงแปดซีเหลียงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนลอยขึ้นมา ไม่เพียงแต่คนงาม ยังความคิดเฉลียวฉลาดฉับไว ที่สำคัญที่สุดก็คือนางใกล้ชิดสนิทสนมกับคนตระกูลเซี่ยมาก หากเขา…
เซียวเหวินอวี๋คิดไม่ทันจบ รัชทายาทก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแอขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ทรงกริ้วหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ยามนี้เสด็จพ่อพบหน้าเขาก็จะเย็นชามาก ไม่มีความใส่ใจให้ดังเช่นเมื่อก่อน
ในใจรัชทายาทลนลาน เสด็จแม่ให้คนมากำชับเขาว่าตอนนี้อย่าได้มีเรื่องแตกหักกับตระกูลเซี่ย ต่อหน้าเสด็จพ่อจะต้องแสดงท่าทางชื่นชมคนตระกูลเซี่ย และอย่าได้ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัย เสด็จพ่อไม่พอพระทัยก็จะปลดเขาจากตำแหน่งรัชทายาท
เขาไม่อยากถูกปลด หากเขาถูกปลด เสด็จแม่ก็จะออกมาไม่ได้ เสด็จแม่ก็ไม่อาจเป็นไทเฮา
เซียวเหวินอวี๋ลืมตามาเห็นรัชทายาทขอบตาแดงก่ำ สีหน้าท่าทางเป็นกังวลหวาดกลัวยิ่ง
เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้กล่าวอันใดมาก เพียงแค่กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “คิดเหลวไหลอันใดกัน”
พอเซียวเหวินอวี๋กลับเข้าวังก็ให้โจวโย่วจิ่นไปสืบการอบรมรัชทายาทของฮองเฮา เริ่มตั้งแต่เล็กทุกเรื่อง ดูว่าฮองเฮาอบรมสั่งสอนรัชทายาทอย่างไร จึงได้ทำให้รัชทายาทสนิทสนมกับนางเช่นนี้ ทำตามนางทุกเรื่อง
ความจริงเรื่องนี้สืบไม่ยาก สืบจากแม่นมข้างกายรัชทายาทก็ได้ความ โจวโย่วจิ่นสั่งให้คนไปพาตัวแม่นมมาสอบเรื่องวัยเด็กของรัชทายาท ไม่นานก็สืบได้ความกระจ่าง การที่รัชทายาทเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะปัญหาการอบรมของฮองเฮาจริงๆ
ตอนเด็ก ฮองเฮามักบอกรัชทายาทว่า เสด็จแม่ให้กำเนิดจิ่งเอ๋อร์แทบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นจิ่งเอ๋อร์โตขึ้นต้องกตัญญูต่อเสด็จแม่ หากไม่กตัญญูต่อเสด็จแม่ก็จะเป็นคนเนรคุณ
ใต้หล้านี้คนที่รักจิ่งเอ๋อร์ที่สุดก็คือเสด็จแม่ เพราะเสด็จแม่เป็นคนให้กำเนิดเจ้า ผู้อื่นจะดีต่อเจ้า ก็เพราะว่าเจ้าเป็นรัชทายาท เจ้ามีประโยชน์ต่อพวกเขา แต่เสด็จแม่ไม่ใช่ เสด็จแม่รักจิ่งเอ๋อร์ด้วยใจจริง จิ่งเอ๋อร์ต้องกตัญญูต่อเสด็จแม่ รู้ไหม
เสด็จพ่อมีบุตรชายได้มากมาย แต่เสด็จแม่มีเพียงเจ้า เจ้าดูเสด็จพี่หญิงเจ้าไม่ใช่บุตรีที่เสด็จแม่ให้กำเนิด แต่เป็นอดีตฮองเฮา ดังนั้นขอเพียงเสด็จพ่อต้องการ เจ้าก็จะมีน้องชายอีกมากมาย คนพวกนั้นล้วนอาจได้เป็นรัชทายาท รัชทายาทไม่ใช่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่เสด็จแม่มีเพียงหนึ่งเดียว
โจวโย่วจิ่นรายงานเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋โมโหกวาดสิ่งข้าวของลงพื้นทันที เขาคิดมาตลอดว่าหวังเมิ่งเหยามาถึงวันนี้ได้ จึงค่อยๆ เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าตอนรัชทายาทยังเด็ก หญิงผู้นั้นก็กรอกความคิดเช่นนี้ให้รัชทายาทแล้ว
มิน่าในใจรัชทายาทจึงมีเพียงนาง เป็นเพราะนางย้ำความคิดนี้ให้เขา
ไม่ได้หมายความว่าตั้งแต่ตอนนั้น หวังเมิ่งเหยาก็คิดรับมือตระกูลเซี่ยแล้ว แต่หมายความว่าหญิงผู้นี้เห็นแก่ตัว กลัวว่าวันหน้ารัชทายาทจะไม่เชื่อฟังนาง จึงได้กรอกความคิดพวกนี้ให้รัชทายาทไว้ก่อน
น่าขันจริง ตอนนั้นเขาถึงกับไม่รู้ตัวแม้สักนิด ความจริงบางครั้งตอนเซียวเหวินอวี๋อยู่ หวังเมิ่งเหยาเองก็อาจกล่าวเช่นนี้ เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ทันได้ใส่ใจ บางครั้งไม่พอใจพูดไปสองสามคำ หวังเมิ่งเหยาก็จะยิ้มกล่าวว่า ข้าหยอกจิ่งเอ๋อร์เล่นเท่านั้น
น่าเสียดายเขาไม่เชี่ยวชาญเรื่องการอบรมบุตร ดังนั้นจึงไม่ได้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากเรื่องนี้ จึงได้ปล่อยให้รัชทายาทกลายเป็นบุตรชายกตัญญูของฮองเฮามาแต่เล็ก
เซียวเหวินอวี๋โมโหจนไม่ได้นอนทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นขอบตาก็ดำคล้ำไปประชุมท้องพระโรงยามเช้า ขุนนางในราชสำนักเห็นสภาพฮ่องเต้ก็คิดว่าเขาคิดเรื่องของสองแคว้น แต่ละคนพากันสงสารเห็นใจอย่างมาก
ประชุมท้องพระโรงยามเช้า ทูตซีเหลียงเข้ามาเข้าเฝ้าเจรจาสันติของสองแคว้นกับเซียวเหวินอวี๋
สองแคว้นเจรจากันสำเร็จ ครั้งนี้คณะทูตซีเหลียงมาเมืองหลวงเพื่อขออภัยโทษจากฮ่องเต้แคว้นต้าโจว และหารือเรื่องชดเชยความเสียหายจากสงคราม
ซั่งกวนม่อเป็นตัวแทนชาวซีเหลียงเอ่ยขออภัยโทษต่อเซียวเหวินอวี๋
“กระหม่อมขอเป็นตัวแทนเสด็จพ่อขออภัยฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เพราะซีเหลียงเรารุกรานแคว้นต้าโจว ทำให้สองแคว้นต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ซีเหลียงเรายินดีชดใช้เงินจำนวนแสนตำลึงแก่แคว้นต้าโจวเพื่อขอเจรจาสันติ”