ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 997 ต่างความคิด
ตอนที่ 997 ต่างความคิด
สองวันต่อมา ลู่เจียวกับหมอหลวงฉีก็ไปผ่าตัดให้องค์ชายห้าซีเหลียงซั่งกวนหรง การผ่าตัดประสบความสำเร็จดีมาก ขาองค์ชายห้าซั่งกวนหรงจะไม่เป็นอันใดแล้ว
ซั่งกวนหรงดีใจจนพูดไม่ออก เขาตื่นเต้นอย่างที่สุด พูดไปพูดมาก็มีแต่คำว่าเขาจะได้เป็นรัชทายาทซี เหลียง รอให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งก็จะต้องธำรงสันติภาพระหว่างซีเหลียงกับแคว้นต้าโจว
เพียงแต่คนที่ได้ยินก็แค่ฟังไปอย่างนั้น มีเพียงเขาที่ตื่นเต้นไปเองเพียงคนเดียว
ลู่เจียวกับฉีเหล่ยผ่าตัดให้ซั่งกวนหรงเสร็จ ตอนบ่ายคนอีกกลุ่มก็เข้าเมืองหลวง
เทียบกับชาวซีเหลียงแล้ว ชาวแคว้นต้าโจวโกรธแค้นชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าเป่ยฉีมากที่สุด คนไม่น้อยพากันวิ่งไปชมความครึกครื้น พร้อมกับเตรียมไข่เน่าไปปาใส่พวกเขา แต่ถูกเซียวเหวินอวี๋ส่งทหารจากอู่เฉิงปิงหม่าซือมารักษาระเบียบเรียบร้อยเอาไว้ พวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่ามาเจรจาสันติกับพวกเขา แผ่นดินใหญ่ย่อมต้องมีสง่าราศีในแบบแผ่นดินใหญ่ แต่ค่าชดใช้สงครามที่ควรชดใช้ก็ต้องชดใช้
ก่อนหน้านี้ทูตซีเหลียงมาเมืองหลวง เดิมเซียวเหวินอวี๋ควรจัดงานเลี้ยงในวังต้อนรับทูตซีเหลียง แต่เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้จัด ความจริงเป็นเพราะเขาได้ข่าวว่าพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่าจะส่งคนมา พวกเขาเร่งเดินทางมายังเมืองหลวงทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นเซียวเหวินอวี๋จึงรอพวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่ามาถึงจึงค่อยจัดงานเลี้ยงในวังพร้อมกัน
พวกชนเผ่าเร่ร่อนสิบสองชนเผ่ามาถึงก็รีบสั่งการให้เตรียมงานเลี้ยงในวังทันที
ในวัง ฮองเฮาถูกกักบริเวณในตำหนักเฉาหยางกง พระสนมเนี่ยผินก็เป็นเพียงแค่พระสนมระดับไม่สูงนัก ในวังไม่มีคนดูแลงานเลี้ยงต้อนรับบรรดาฮูหยิน เซียวเหวินอวี๋จึงให้โจวโย่วจิ่นไปเชิญลู่เจียวเข้าวังมาดำเนินการ
ลู่เจียวคิดแล้วก็ไม่ได้เอ่ยค้าน พาหร่วนจู๋กับบ่าวเข้าวัง อีกทั้งยังพาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมาด้วย
ความจริงเรื่องงานเลี้ยงในวังไม่จำเป็นต้องให้ลู่เจียวมาดูแล นางเพียงแค่นั่งเป็นประธานในวังก็พอ
ทุกคนในแคว้นต้าโจวรู้ว่านางเป็นมารดาบุณธรรมฝ่าบาท ให้นางมานั่งเป็นประธานในวังหลังรอรับบรรดาฮูหยินที่เข้าวังมา ย่อมไม่มีใครกล่าวอันใด
เรื่องต่างๆ ของงานเลี้ยงในวังล้วนมอบให้พระสนมเนี่ยผินสั่งการ นางดูแลงานในวังหลังมาได้ระยะหนึ่งแล้ว รู้เรื่องราวการงานในวังหลังเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องให้ลู่เจียวมาเหน็ดเหนื่อย
แต่พระสนมเนี่ยผินเป็นคนสงบเสงี่ยมมาก พอลู่เจียวเข้าวัง นางก็นำบ่าวเข้ามาคำนับลู่เจียว พร้อมกับส่งรายการจัดการงานเลี้ยงในวังให้ลู่เจียวดู ดำรงท่าทีสงบเสงี่ยมแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่เพราะได้คุมอำนาจในวังหลังแล้วก็จะเหิมเกริมลำพองใจ
ลู่เจียวมองประเมินพระสนมเนี่ยผิน ความจริงพระสนมเนี่ยผินหน้าตาดีมาก และยังเป็นบุตรีจวนอู่กั๋วกง ชาติกำเนิดไม่เลว เมื่อก่อนไท่ซั่งหวงให้ลู่เจียวช่วยเลือก พระสนมเนี่ยผินไม่ได้อยู่ในงานคัดเลือกพระสนม ดังนั้นลู่เจียวจึงไม่ได้เลือกนาง
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้ซื่อเป่าคิดอย่างไร หากว่าเขาต้องใจพระสนมเนี่ยผิน แต่ก็มิได้เลื่อนพระสนมเนี่ยผินเป็นชั้นเฟย หากว่าไม่ต้องใจพระสนมเนี่ยผิน แต่กลับมอบงานในวังหลังให้นางดูแล
ลู่เจียวพลิกอ่านเอกสารการจัดการงานเลี้ยงในวัง ทุกอย่างเรียบร้อยดี
“เจ้าจัดการได้ดีมาก ลำบากเจ้าแล้ว”
พระสนมเนี่ยผินยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ลำบากเพคะ ฝ่าบาทไว้วางพระทัยในตัวหม่อมฉัน เป็นวาสนาของหม่อมฉันเพคะ”
ลู่เจียวเห็นนางเอ่ยด้วยความจริงใจ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความยินดี
นางก็อดมองประเมินอีกสักสองทีไม่ได้ พบว่ายามพระสนมเนี่ยผินเอ่ยถึงซื่อเป่า แววตานางอ่อนโยน คล้ายว่านางชอบซื่อเป่ามาก
เห็นพระสนมเนี่ยผินเช่นนี้ ลู่เจียวก็อดนึกถึงฮองเฮาไม่ได้ ฮองเฮาเหมือนจะไม่ค่อยมีแววตาอ่อนโยนด้วยความรักเช่นนี้ นางมักมีท่าทีไม่ยอมลงให้ผู้ชาย มักคิดว่าผู้ชายล้วนชอบของใหม่รังเกียจของเก่า ลู่เจียวเองก็รู้ความคิดนาง นางกลัวถูกทำร้ายจิตใจ ดังนั้นจึงระวังป้องกันผู้ชาย และรักตนเองมากกว่า
ความจริงลู่เจียวเป็นคนประเภทเดียวกับหวังเมิ่งเหยา แต่นางได้พบกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้มีบทสรุปที่ดีได้
แต่หวังเมิ่งเหยาได้พบกับฮ่องเต้ เจ้าเว้นระยะห่างกับฮ่องเต้ สุดท้ายย่อมต้องเดินไปสู่ความแตกหัก
ลู่เจียวไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด มองพระสนมเนี่ยผินครุ่นคิดว่าจะช่วยนางพูดกับซื่อเป่าดีหรือไม่ หา ไม่เช่นนั้น ชีวิตที่เหลือของซื่อเป่าจากนี้จะทำเช่นไร อย่างไรก็คงไม่อาจไร้คนเคียงข้างไปตลอดชีวิตกระมัง
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ นอกพระที่นั่ง ขันทีก็เข้ามารายงาน “ฮูหยินโจวกั๋ว รัชทายาทพาองค์ชายใหญ่องค์หญิงรองมาคารวะฮูหยิน”
พอได้ยินว่ารัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่มา ลู่เจียวรีบโบกมือ “ให้พวกเขาเข้ามาได้”
นางเองก็ลุกขึ้นพาพระสนมเนี่ยผินออกไปต้อนรับ รัชทายาทเดินเข้ามาพอดี ลู่เจียวกับพระสนมเนี่ยผินถวายบังคมทันที “หม่อมฉันถวายบังคมรัชทายาท”
แม้พระสนมเนี่ยผินเป็นพระสนมเซียวเหวินอวี๋ แต่ก็ให้ความเคารพรัชทายาทอย่างมาก
รัชทายาทรีบเข้าไปประคองลู่เจียว ในใจเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย รู้สึกว่าตอนนี้ท่านย่าไม่ทำกับเขาเหมือนก่อน แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
“ท่านย่า อย่าได้เกรงใจกับข้าเช่นนี้ รีบลุกขึ้น”
ลู่เจียวขอบพระทัยก่อนลุกขึ้น นางยิ้มถามไถ่เรื่องการเรียนของรัชทายาทและความเป็นอยู่ช่วงนี้
รัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่คุยสนทนาถามตอบกับนาง องค์หญิงรองเองก็ดีใจมาก ยื่นมือไปรั้งมือลู่เจียวแกว่งไปมา
“ท่านย่า ไปดูแมวที่ซิงซิงเลี้ยงไหม มันน่ารักมาก น่ารักจริงๆ นะ”
ลู่เจียวก้มหน้ามองไปยังองค์หญิงรอง ยื่นมือไปอุ้มนางขึ้นมา กล่าวตามตรง นางชอบองค์หญิงรอง มาก แววตานางกระจ่างใส ไม่มีความคิดอื่นเจือปนแอบแฝงแม้สักนิด ทำให้คนเห็นก็รู้สึกชอบ
“ได้สิ แมวเจ้าอยู่ที่ไหน ย่าจะไปดูกับเจ้า”
รัชทายาทรีบส่งสายตาจ้องใส่องค์หญิงรองทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านย่า ข้าอยากขอเชิญท่านย่าไปคุยกับเสด็จแม่สักหน่อยได้หรือไม่ เสด็จแม่อยู่ตำหนักเฉาหยางกงคนเดียว ต้องเหงามากเป็นแน่ ข้าเป็นห่วงนาง แต่เสด็จพ่อสั่งกักบริเวณ ข้าไม่อาจไปเป็นเพื่อนนางได้ หากท่านย่าไปเป็นเพื่อนคุยกับเสด็จแม่ได้ก็จะดีอย่างมาก”
ลู่เจียวหันไปมองรัชทายาท ในใจรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฮ่องเต้กับฮองเฮา แต่รัชทายาทเอาแต่มาขอร้องเช่นนี้ เขาคิดทำอันใด ลู่เจียวรู้ดี ไม่ใช่คิดยืมมือนางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปบีบให้เซียวเหวินอวี๋ยกเลิกคำสั่งกักบริเวณฮองเฮา ให้ฮองเฮาออกมาหรือ
รัชทายาทช่างเป็นบุตรชายแสนดีของฮองเฮาเสียจริง แน่นอนว่าลู่เจียวไม่ตำหนิเขาที่ทำตัวเป็นบุตรชายแสนดี เด็กอายุสิบขวบล้วนรักมารดา แต่รัชทายาทย่อมรู้อยู่ว่าพวกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ยังพยายามมาขอร้อง นี่คือปัญหา
รัชทายาทเห็นลู่เจียวมองมา ก็คิดถึงเรื่องที่เสด็จแม่กำชับมา พลันทำตาแดงเอ่ยว่า “ข้าเป็นห่วงเสด็จแม่ หากท่านย่าไม่ยินดีก็แล้วไปก็ได้”
ลู่เจียวยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มกลับมีความเยียบเย็น นางเอ่ยว่า “ข้าไปเยี่ยมฮองเฮาได้ แต่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากมีครั้งหน้าอีก…”
นางไม่ได้เอ่ยต่อ แต่น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างไม่อาจบรรยาย
รัชทายาทเงยหน้าอย่างตกใจ ลู่เจียวไม่อยากมองเขาต่อ หันหลังไปมองพระสนมเนี่ยผิน กล่าวว่า “เจ้าดูแลงานเลี้ยงในวังทางนั้นต่อ ข้าไปตำหนักเฉาหยางกง อีกสักครู่ค่อยมาคุยกันต่อ”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ลู่เจียวหันหลังพาพวกซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเดินไปตำหนักเฉาหยางกง รัชทายาทด้านหลังตามไปด้วยสีหน้าซีดขาวสลับเขียวคล้ำ รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
องค์หญิงใหญ่อดพึมพำไม่ได้ “รัชทายาท เจ้าไม่ควรเอาแต่บีบให้ท่านย่าทำเรื่องที่นางไม่ยินดี”
รัชทายาทหันไปมององค์หญิงใหญ่ เอ่ยไม่พอใจว่า “เสด็จพี่หญิงยังจดจำได้หรือไม่ว่าผู้ใดเลี้ยงดูท่านมาจนเติบใหญ่”
องค์หญิงใหญ่สะอึก ไม่กล้าเอ่ยต่อ ผู้นี้คือรัชทายาท นางไม่อาจล่วงเกินเขา
รัชทายาทหันหลังเดินออกไป องค์หญิงใหญ่ได้แต่ตามเขาออกไป องค์หญิงรองกลับวิ่งไปหาพระสนมเนี่ยผิน ยื่นมือไปรั้งมือพระสนมเนี่ยผินไว้
พระสนมเนี่ยผินถอนสายตากลับมา ก้มหน้ายิ้มมององค์หญิงรอง คิดถึงสิ่งที่รัชทายาททำ นางไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใดดี ท่านนี้เกรงว่ากำลังรนหาที่ตายเช่นเดียวกับเสด็จแม่เขากระมัง
แต่ตอนนี้พระสนมเนี่ยผินไม่สนใจเรื่องของฮองเฮา นางดูแลเรื่องของตนเองดีกว่า ฝ่าบาทไม่แต่งตั้งนางเป็นพระสนมชั้นเฟย ไม่ทรงโปรดปรานค้างคืนกับนาง ไม่รู้ว่าทรงหมายความเช่นไร
พระสนมเนี่ยผินพลันคิดถึงหญิงงามข้างกายฮูหยินโจวกั๋วก่อนหน้านี้ ยอดหญิงงามราวกับบุปผาแรกแย้มเช่นนั้น หากฝ่าบาทได้เห็นจะต้องพระทัยหรือไม่ อีกอย่างการที่ฮูหยินโจวกั๋วพาหญิงผู้นั้นเข้าวัง หมายความอบ่างไร คงไม่ได้คิดกำนัลนางแด่ฝ่าบาทกระมัง
พระสนมเนี่ยผินอดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ หากฝ่าบาทต้องพระทัยหญิงผู้นั้น ยังจะมีที่ให้นางยืนอีกหรือ นางจะทำเช่นไรดี
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดพระสนมเนี่ยผิน พาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไปตำหนักเฉาหยางกง
นอกประตูตำหนักเฉาหยางกงมีคนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ ห้ามคนนอกไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในตำหนักเฉา หยางกง แต่ฮูหยินโจวกั๋วเป็นข้อยกเว้น นางเป็นมารดาบุญธรรมของฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทมีราชโองการว่า นางไปทุกแห่งในวังได้ ขันทีเฝ้าประตูเห็นนางจะเข้าไปในตำหนักเฉาหยางกง จึงมิได้ขัดขวาง
ลู่เจียวพาทุกคนเดินเข้าไปในตำหนักเฉาหยางกง ฮองเฮาได้ข่าวก็รีบนำคนมารอรับ
ตอนนี้นางไม่ได้มีท่าทีลำพองเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ผ่ายผอมซีดเซียวไปมาก พอเห็นลู่เจียวก็ทำน้ำตาคลอน่าสงสาร น่าเสียดายลู่เจียวไม่ได้รู้สึกสงสารนางแม้สักนิด เพราะนางเป็นคนเห็นแก่ตัว คิดแต่เพื่อตนเอง เมื่อก่อนตอนเป็นฮองเฮาของซื่อเป่าก็กลัวตนเองจะถูกทำร้ายจิตใจ ไม่รู้จักทุ่มเทมอบความจริงใจให้บุรุษ ตอนนี้ถึงกับไม่เสียดายที่จะหลอกใช้บุตรชายตนเองเพื่อหลอกล่อให้นางมาที่นี่
รัชทายาทเอาแต่มาหาพวกนาง ให้พวกนางได้เห็นหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง หากไม่เหนือความคาดหมาย ก็คงเป็นฮองเฮาสั่งการมา
การที่ลู่เจียวมาก็เพื่อคิดเจรจากับฮองเฮาดีๆ นางคิดอยากให้บุตรชายย่อยยับไปจึงจะพอใจใช่หรือไม่
“ท่านแม่ ท่านมาเยี่ยมข้าแล้วหรือ”
ฮองเฮาสะอื้นน้ำตาคลอมองลู่เจียว