ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 998 ความจริงใจ
ตอนที่ 998 ความจริงใจ
แม้ว่าฮองเฮาถูกเซียวเหวินอวี๋สั่งกักบริเวณ แต่ลู่เจียวมิไม่ละเลยธรรมเนียมเพราะนางถูกกักบริเวณ ยังคงถวายบังคมนอบน้อม “หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮา”
หวังเมิ่งเหยาเห็นลู่เจียวเช่นนี้ก็รีบยื่นมือไปคว้ามือนางไว้ “ท่านแม่ รีบลุกขึ้น อย่าได้ทำเช่นนี้”
นางกล่าวจบก็เงยหน้ามองลู่เจียว พลันเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้านหลัง สีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
หญิงผู้นี้ถึงกับเข้าวังมาด้วย หากเซียวเหวินอวี๋เห็นนาง จะไม่คิดให้นางเข้าวังหรือ
หวังเมิ่งเหยาไม่มีวันลืมแววตาตื่นตะลึงครั้งแรกที่เซียวเหวินอวี๋ได้เห็นหญิงผู้นี้ เพราะฮ่องเต้หนุ่มรูปงามมิค่อยให้ความสนใจความงามอิสตรี แต่พอหญิงผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ตื่นตะลึงอย่างไม่อาจระงับ
หวังเมิ่งเหยาแค่คิดก็รู้สึกในใจว้าวุ่นไม่เป็นสุข
นางกัดริมฝีปากถามว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านพานางเข้าวังมาด้วย”
เพราะเห็นว่าฝ่าบาทไม่โปรดนางแล้ว จึงคิดผลักดันบุตรสาวบุญธรรมตนเองขึ้นสู่ตำแหน่ง ให้นางมาอยู่กับเซียวเหวินอวี๋หรือ
ลู่เจียวได้ฟังหวังเมิ่งเหยา ก็หันไปมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ฮองเฮา นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมหม่อมฉัน หม่อมฉันพานางเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงในวัง เป็นอันใดหรือ”
ลู่เจียวพูดไปก็มองฮองเฮาไป เห็นสีหน้าฮองเฮาหวาดระแวงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน นางพลันเข้าใจทันทีว่าฮองเฮาเป็นกังวล กลัวนางจะมอบเยี่ยนเอ๋อร์ให้เป็นสนมซื่อเป่าหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร
นางไม่เคยคิดจะให้เยี่ยนเอ๋อร์เข้าวัง ซื่อเป่ามีลูกตั้งหลายคนแล้ว ตอนนี้ยังคิดยกพระสนมเนี่ยผินขึ้นมา นางจะปล่อยให้เยี่ยนเอ๋อร์เข้าวังมาเป็นพระสนมได้อย่างไร และนางรู้ว่าเยี่ยนเอ๋อร์อุปนิสัยทะนงตน ไม่มีทางต้องตาต้องใจซื่อเป่าที่เป็นผู้ชายมีบุตรหลายคนแล้วเช่นนี้เป็นแน่
ลู่เจียวมองฮองเฮากล่าวว่า “ฮองเฮาคิดมากไปแล้ว นางเพียงแต่ติดตามหม่อมฉันเข้าวังมาร่วมงานเท่านั้นจริงๆ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งหน้าอย่าพาเยี่ยนเอ๋อร์เข้าวังมาดีกว่า จะไม่ได้ทำให้ทุกคนคิดมาก คิดว่านางจะสานสัมพันธ์
ลู่เจียวไม่คิดเรื่องนี้อีก มองไปยังฮองเฮากล่าวว่า “วันนี้ที่หม่อมฉันมาเยี่ยมฮองเฮาก็เพราะรัชทายาท หม่อมฉันมาเพื่อบอกกับฮองเฮาว่า หากฮองเฮาหวังดีต่อรัชทายาทจริง วันหน้าอย่าได้หลอกใช้ให้รัชทายาทไปทำเรื่องอันใดอีก ไม่เป็นผลดีต่อรัชทายาท”
หวังเมิ่งเหยาได้ฟังคำพูดลู่เจียว สีหน้าพลันย่ำแย่ นางจ้องมองลู่เจียวเขม็ง “ท่านแม่ วาจาท่านแม่หมายความเช่นไร”
“ฮองเฮาย่อมเข้าใจวาจาหม่อมฉัน รัชทายาทเชื่อใจฮองเฮา แต่ฮองเฮาไม่อาจหลอกใช้รัชทายาทเพราะเขาเชื่อใจฮองเฮา นี่ถือเป็นการทำลายเขา”
ลู่เจียวไม่อยากให้รัชทายาทถูกหวังเมิ่งเหยาทำเสียคน ดังนั้นจึงได้มาเพื่อบอกนาง นับว่าเป็นการเตือนสตินาง
แต่ฮองเฮากลับไม่คิดว่านางทำเพื่อรัชทายาทหรือเพื่อนาง กลับคิดว่าลู่เจียวกำลังข่มขู่นาง
“ฮูหยินโจวกั๋วกำลังข่มขู่ข้าหรือ”
ลู่เจียวรู้สึกปวดหัวจนต้องบีบมือแน่น ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นสีหน้านางไม่ดีอย่างมาก จึงลุกขึ้นยืนมองหวังเมิ่งเหยาเอ่ยเตือนเบาๆ ว่า “ท่านแม่หวังดีต่อรัชทายาท ฮองเฮาอย่าได้คิดถึงผู้อื่นในแง่ร้ายเช่นนั้น”
หวังเมิ่งเหยามองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน สมองพลันอดคิดถึงแววตาตื่นตะลึงของเซียวเหวินอวี๋ยามเห็นนางครั้งแรกไม่ได้ ในใจพลันเกิดคับแค้น แทบจะกระโจนเข้าไปข่วนใบหน้าหญิงผู้นี้
นางจิ้งจอก คิดล่อลวงฝ่าบาทใช่หรือไม่
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นสีหน้าหวังเมิ่งเหยา ก็เอ่ยอย่างผิดหวัง “เจ้าไร้ทางเยียวยาแล้ว ท่านแม่ พวกเราไปกันเถอะ พูดกับคนเช่นนี้อย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวจบก็ประคองลู่เจียวคิดจะจากไป หวังเมิ่งเหยาโมโหตวาดดังว่า “เจ้ามันตัวอันใด ถึงกับมาสั่งสอนข้า ข้าเป็นฮองเฮาแคว้นต้าโจว แม้ตอนนี้ถูกฝ่าบาทกักบริเวณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสั่งสอนข้า เจ้าเข้าวังมาคิดล่อลวงฝ่าบาทหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหันไปมองหวังเมิ่งเหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะยามนี้นางริษยาจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวอย่างยิ่ง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองนางด้วยแววตาสงสารทีหนึ่ง หญิงผู้นี้ช่างน่าสงสารจริง มีใจรักฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แต่กลับไม่รู้ว่าควรรักษาสัมพันธ์สามีภรรยาไว้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะไม่ทำให้สามีภรรยากลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่ได้สนใจหวังเมิ่งเหยา ประคองลู่เจียวเดินออกไป ฮองเฮาจ้องมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ค่อยๆ คิดถึงพระสนมเนี่ยผิน ฝ่าบาทมอบองค์หญิงรองให้พระสนมเนี่ยผินดูแล ยังให้พระสนมเนี่ยผินคุมอำนาจสั่งการวังหลังชั่วคราว พระสนมเนี่ยผินกำลังรอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอยู่ หากนางปล่อยข่าวให้นางว่า บุตรสาวบุญธรรมฮูหยินโจวกั๋ววางแผนเข้าวังเป็นพระสนม นางไม่เชื่อว่าพระสนมเนี่ยผินจะทนนิ่งอยู่ได้
ฮองเฮาแอบคิดแล้วก็สะใจ พร้อมกับคิดถึงตนเองที่ถูกกักบริเวณก็โมโหอย่างมาก ยกมือคว่ำโต๊ะตรงหน้าทิ้ง
เมื่อก่อนนางไม่รู้ว่าการถูกกักบริเวณจะทรมานเพียงนี้ ไม่อาจออกจากตำหนัก ต้องอยู่แต่ในตำหนักตนเอง นอกจากบุตรชายคนเล็กแล้วก็ไม่มีคนคุยกับนาง ตำหนักเฉาหยางกงกว้างใหญ่แสนว่างเปล่านี้ เงียบเหงาอย่างไม่อาจบรรยาย นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงได้ให้รัชทายาทไปเชิญฮูหยินโจวกั๋วมา เดิมนางเตรียมแสดงท่าทีอ่อนน้อมยอมอ่อนข้อ ขอให้ฮูหยินโจวกั๋วช่วยนางทูลขอฝ่าบาท
ปรากฏพอทั้งสองคนเจอกัน นางก็โมโหลืมเรื่องที่คิดไว้ไปหมดสิ้น
ฮองเฮายิ่งคิดก็ยิ่งคั่งแค้น ยกเท้าเตะโต๊ะไปสองที
นอกตำหนักเฉาหยางกง ลู่เจียวพาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเตรียมขึ้นเกี้ยว ภายใต้แสงโคมสีเหลืองนวลในวัง ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนงดงามราวกับห่านป่า เป็นสาวงามพริ้งเพริศ งามสง่าหาใดเทียม อย่าว่าแต่ผู้ชาย แม้แต่นางเอง ก็ถูกหญิงผู้นี้ดึงดูดดังต้องมนตร์
ลู่เจียวคิดถึงฮองเฮาขึ้นมา ก็อดสงสัยไม่ได้ ถามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนว่า “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกว่าพี่สี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ”
นางไม่เคยคิดเชื่อมโยงเยี่ยนเอ๋อร์กับซื่อเป่า เพราะภพก่อนเยี่ยนเอ๋อร์ถูกนางสอนว่า สตรีไม่ควรเสียเปรียบ ไม่อาจลดศักดิ์ศรีตนเองเพื่อผู้ชาย ยิ่งไม่อาจแบ่งปันสามีกับหญิงอื่น
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รู้ว่าลู่เจียวถามนางเช่นนี้เพราะคิดถึงคำพูดของฮองเฮา
สีหน้านางมีรอยยิ้มบาง ใบหน้างามละมุนตรึงใจคล้ายดังมีหมอกบางปกคลุม งดงามราวกับภาพฝัน แววตาทั้งสองกระจ่างราวไข่มุกส่องประกายงาม
นางมองลู่เจียวพลางเอ่ยน้ำเสียงเสนาะหูว่า “ท่านแม่ ข้าเคยบอกแล้วว่าชีวิตนี้ไม่ออกเรือน หากมีวันใดข้าออกเรือน ย่อมเพราะชายผู้นั้นทุ่มเทรักข้าเพียงผู้เดียว ในใจเขามีเพียงข้า ข้าจึงจะแต่ง ท่านแม่วางใจ ข้าไม่มีทางร่วมแบ่งปันสามีกับหญิงใด หากไม่มีคนเช่นนี้ ข้าขออยู่กับท่านแม่ไปตลอดชีวิต”
ลู่เจียวตบหลังมือนาง จับจูงนางขึ้นเกี้ยว ทั้งสองคนมุ่งไปยังพื้นที่จัดงานเลี้ยงในวัง
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าด้านหลังมีเงาร่างแอบซ่อนอยู่ พวกเขาก้าวออกมา คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็คือฮ่องเต้ในชุดมังกรสีเหลืองทอง พระพักตร์รูปงามของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ริมฝีปากบางน่าหลงใหลเม้มแน่น เขาเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ไม่ดีนัก
โจวโย่วจิ่นข้างกายเขาไม่กล้าเอ่ยอันใด ในฐานะคนสนิทฝ่าบาท เขารู้ว่าฝ่าบาทรู้สึกกับองค์หญิงแปดซีเหลียงไม่เหมือนผู้อื่น เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจสตรีใดจริงจัง แต่กับองค์หญิงแปดซีเหลียง เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกัน
น่าเสียดายองค์หญิงแปดซีเหลียงกลับไม่คิดแต่งกับฝ่าบาท
ลู่เจียวกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งสองคนตรงไปยังพื้นที่จัดงานเลี้ยงในวัง
งานเลี้ยงในวังมีขุนนางในราชสำนักพาภรรยาและบุตรีมาด้วยไม่น้อย พวกผู้ชายมาถึงก็คุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ส่วนพวกผู้หญิงก็ไปทักทายพระสนมเนี่ยผิน แต่พอเห็นลู่เจียวมา พระสนมเนี่ยผินก็ลุกขึ้นนำคนไปต้อนรับนาง บรรดาแขกหญิงก็พากันลุกขึ้นคำนับลู่เจียว
ตอนเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ก็อดแปลกใจไม่ได้ ทุกคนมองประเมินซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพลางคาดเดาสถานะนาง
——————————-