ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - https://novel-lucky.com/wp-admin/post.php?post=170206&action=edit#chapter-content
- Home
- ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย
- https://novel-lucky.com/wp-admin/post.php?post=170206&action=edit#chapter-content
ตอนที่ 847 เดือดดาล
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้ก็อดวิเคราะห์ลงลึกไปอีกไม่ได้
หากฝ่าบาทติดฝิ่น ก็จะถูกควบคุม คนบงการจะควบคุมเขาให้แต่งตั้งอ๋องจิ่นขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจวได้
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็พลันระแวงขึ้นมา
นางมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้ารู้จักของอย่างหนึ่ง ทำให้คนกระปรี้กระเปร่าในทันที สีหน้าเปล่งประกาย แต่บางครั้งก็จะง่วงนอน ไร้เรี่ยวแรงกำลัง ถึงกับแม้แต่พูดจาก็ยังรำคาญร้อนใจ ของสิ่งนี้จะกลืนกินปณิธานผู้คน เมื่อเขากินระยะยาว ก็จะขาดไม่ได้ ประเด็นสำคัญก็คือของนี้พอกลืนกินเข้าไปในร่างกาย ก็จะทำให้สุขภาพเสีย หากฝ่าบาทเสวยของนี้ไป เกรงว่าก็คงอยู่ได้ไม่ถึงสองปีแล้ว”
“ของสิ่งนี้ไม่ใช่ยาพิษ และคนน้อยมาที่จะเคยพบเห็น ดังนั้นคนไม่น้อยแม้รู้สึกว่าฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่าผิดปกติ แต่ก็ไม่คิดถึงของสิ่งนี้”
ลู่เจียวพูดจนจบแล้วก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “ข้าต้องรีบเข้าเฝ้าฝ่าบาท ตรวจพระวรกายสักหน่อย”
บางครั้งลู่เจียวก็จะตรวจสุขภาพให้เซียวอวี้บ้าง แต่เพราะในวังมีหมอหลวง หากสุขภาพเซียวอวี้ไม่ได้มีอันใดผิดไปจากปกติ นางก็จะไม่เข้าวังมาตรวจให้เขา
นางเป็นฮูหยินขุนนาง หากเข้าวังมาตรวจพระวรกายให้ฝ่าบาทเป็นประจำไม่ดี นอกจากเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางจึงจะเข้าวัง
แต่ครั้งนี้นางต้องเข้าวังสักครั้ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รู้ถึงความหนักหนาสาหัสของปัญหานี้ได้
แต่ตอนนี้ส่งเทียบแจ้งขออนุญาตเข้าวังไม่เหมาะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองม่านรัตติกาลด้านนอก สุดท้ายสั่งการให้หร่วนไคไปตำหนักบูรพาขอพบจ้าวเหิง ให้จ้าวเหิงบอกกับรัชทายาทว่าฝ่าบาทอาจทรงตกอยู่ในอันตราย ให้รัชทายาทรีบเข้าเฝ้าฝ่าบาท ให้ทรงอนุญาตให้ลู่เจียวเข้าวังไปตรวจพระวรกายให้ฝ่าบาท
หร่วนไครับคำสั่งไปดำเนินการ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าส่งเจ้ากลับไปก่อน อีกสักครู่ ไปที่ประตูวังชั้นนอกรอรัชทายาท ดูว่าในวังฝ่าบาททรงอยู่ในสถานการณ์เช่นใด”
ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัชทายาทและตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่กล้าประมาท
ลู่เจียวรีบพยักหน้า “ได้”
หร่วนไคไปพบจ้าวเหิง จ้าวเหิงรีบไปขอพบเซียวเหวินอวี๋
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นฝากมาบอก ไหนเลยจะกล้ารอช้า รีบพาพวกม่อเป่ยเข้าวังทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก
ฝ่าบาทเคยรับสั่งว่ารัชทายาทเข้าตำหนักเมื่อใดก็ได้
แต่คืนนี้องครักษ์เฝ้าประตู ถึงกับขวางรัชทายาทไม่ให้รัชทายาทเข้าตำหนัก
เซียวเหวินอวี๋รู้สึกได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติ โบกมือสั่งให้คนจับตัวองครักษ์เฝ้าประตูมัดไว้ จากนั้นเขาก็นำคนบุกเข้าไปตำหนักบรรทมของเซียวอวี้ทันที
ในตำหนักชิงอวิ๋นกง ฮองเฮากับอ๋องจิ่นและพระสนมจ้าวกำลังมองฮ่องเต้ที่สลบไปบนเตียงอย่างตื่นตกใจ
เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะป้อนยาฝูโซ่วเกาให้ฮ่องเต้ น่าเสียดายเพราะเสวยเกินขนาด ฮ่องเต้ชักเกร็งแล้วก็สลบไป ทุกคนพากันตกใจส่งเสียงร้องดัง น่าเสียดายฮ่องเต้ไม่ขยับพระวรกายแล้ว คล้ายว่าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นหวาดกลัวมองหน้ากัน แต่พอคิดถึงว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลายพระหัตถ์พินัยกรรมของฮ่องเต้มาแล้ว ทั้งสองคนก็ยิ้มให้กันอย่างดีใจ
“เสด็จแม่ พวกเราได้ลายพระหัตถ์พินัยกรรมเสด็จพ่อมาแล้ว แม้เสด็จพ่อทรงเป็นอันใดไป พวกเราก็ไม่กลัวแล้ว หม่อมฉันก็คือฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจวอย่างถูกต้อง”
อ๋องจิ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็ไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป เขาหัวเราะออกมาโดยไม่สนใจฮ่องเต้ที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ตำหนักบรรทม ก่อนหน้านี้พระสนมจ้าวยังแตกตื่นตกใจ ยามนี้มุมปากกระดกยิ้มแค่นหัวเราะเยาะอยู่ครู่หนึ่ง นางถลาไปข้างพระวรกายฮ่องเต้ ส่งเสียงร้องดังว่า “ฝ่าบาททรงตื่นสิเพคะ ทรงรีบตื่นเพคะ”
พระสนมจ้าวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูตำหนักบรรทมก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ไทเฮาจ้าวพาทุกคนเดินเข้ามาในตำหนักบรรทมรวดเร็ว
พระสนมจ้าวเห็นไทเฮาจ้าวก็รีบถลาเข้าไปส่งเสียงร้องดังว่า “ไทเฮา ฮองเฮาร่วมมือกับอ๋องจิ่นวางยาพิษฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาทหมดพระสติไป ก่อนหน้านี้พวกนางยังบีบบังคับให้ฝ่าบาททรงเขียนพินัยกรรมแต่งตั้งอ๋องจิ่นเป็นฮ่องเต้”
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นคิดไม่ถึงว่าพระสนมจ้าวพลันหักหลังเช่นนี้ สีหน้าตกใจตาค้างหันไปมองพระสนมจ้าว จากนั้นก็ฮองเฮากับอ๋องจิ่นก็เอ่ยพร้อมกันว่า “พระสนมจ้าว พวกเราไม่ได้วางยาฮ่องเต้ แต่เจ้าวางยาฮ่องเต้ทำร้ายฮ่องเต้”
ฮองเฮากล่าวจบหันไปมองไทเฮาจ้าว “เสด็จแม่ เพราะฝ่าบาทให้พระสนมจ้าวกินยาไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ทำให้นางโกรธแค้นฝ่าบาท ดังนั้นจึงวางยาฝ่าบาท ขอเสด็จแม่โปรดตรวจสอบด้วยเพคะ”
ไทเฮาจ้าวมองฮองเฮากับอ๋องจิ่นด้วยสีหน้าเย็นเยียบ จากนั้นก็มองไปยังพระสนมจ้าว พระสนมจ้าวรีบคุกเข่าลงทูลว่า “ทูลไทเฮา หม่อมฉันมีความผิดจริง แต่หม่อมฉันถูกคนหลอก ฮองเฮาฮองเฮากับอ๋องจิ่นบงการให้นางกำนัลในตำหนักหม่อมฉันคุยกันว่าหม่อมฉันถูกฮ่องเต้วางยาเพคะ”
“หม่อมฉันได้ฟังก็โมโหมากจริงๆ ต่อมาฮองเฮากับอ๋องจิ่นก็ยังบงการให้นางกำนัลในตำหนักหม่อมฉันจงใจเผยเรื่องยานี้ต่อหน้าหม่อมฉัน บอกว่ายานี้จะไม่ทำให้เสียสุขภาพ แต่จะทำให้ร่างกายไม่สบาย เจ็บปวดทรมานเท่านั้น”
“หม่อมฉันได้ฟังก็คิดถึงว่าฝ่าบาทวางยาหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงได้วู่วามคิดเอาคืนฝ่าบาท ดังนั้นหม่อมฉันจึงได้ยานี้มาจากนางกำนัลและวางยาฝ่าบาทเพคะ”
“หม่อมฉันเริ่มแรกไม่ได้คิดให้รอบคอบ ต่อมายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงได้จับตัวนางกำนัลผู้นั้นมาสอบสวน ปรากฏนางกำนัลผู้นั้นสารภาพว่านางถูกนางข้าหลวงใหญ่ในฮองเฮาบงการมาทำเรื่องเช่นนี้เพคะ”
“หม่อมฉันจึงได้รู้ว่าตนเองถูกหลอก ขอไทเฮาให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเพคะ”
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นได้ฟังพระสนมจ้าว ก็ตกใจมองไปยังพระสนมจ้าว จากนั้นก็หันไปมองไทเฮาจ้าว
ยามนี้เองพวกเขาเข้าใจแล้วว่าตนเองตกหลุมพรางไทเฮาจ้าวเข้าแล้ว
แต่ไรมาไทเฮาจ้าวไม่เคยคิดส่งเสริมอ๋องจิ่นขึ้นสู่ตำแหน่ง นางเพียงแต่คิดกำจัดอ๋องจิ่นกับอ๋องหมิง จากนั้นก็จะส่งเสริมฮ่องเต้น้อยสักพระองค์ขึ้นสู่ตำแหน่ง เช่นนี้ตระกูลจ้าวก็จะแอบอ้างพระนามโอรสสวรรค์สั่งการผู้ครองรัฐ
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นมองไทเฮาจ้าวอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ ฝ่าบาทเป็นโอรสแท้ๆ ของนาง นางถึงกับทำกับโอรสตนเองเช่นนี้ได้
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร ไทเฮาจ้าวก็โมโหตวาดดังขึ้นว่า “พวกเจ้าบังอาจมาก ถึงกับกล้าลงมือต่อฝ่าบาท ทหาร รีบไปเชิญขุนนางในราชสำนักเข้าวังมา”
ฮองเฮากับอ๋องจิ่นสีหน้าแปรเปลี่ยน หากให้ไทเฮาจ้าวกับพระสนมจ้าวเชิญขุนนางใหญ่เข้าวังมาได้ ฮองเฮากับอ๋องจิ่นก็คงต้องโชคร้ายแล้ว ทั้งสองคนสบตากัน อ๋องจิ่นสั่งการออกไปด้านนอกทันที “ทหาร”
ในพระตำหนักพลันมีเงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นทันที อ๋องจิ่นโบกมือสั่งการให้สังหารไทเฮาจ้าวกับพระสนมจ้าว
ไม่คิดว่านอกพระตำหนักมีเสียงร้อนใจดังขึ้น “รัชทายาท เข้าวังมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนในห้องบรรทมต่างมีสีหน้าแปรเปลี่ยน หันขวับไปมองด้านนอก
เซียวเหวินอวี๋พาพวกม่อเป่ยบุกเข้ามา พอเข้ามาเห็นฮ่องเต้หมดพระสติอยู่บนแท่นบรรทม
เซียวเหวินอวี๋ก็ถลาเข้าไปข้างเตียง ส่งเสียงเรียกอย่างร้อนใจ “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ ทรงฟื้นสิพ่ะย่ะค่ะ”
น่าเสียดายเซียวอวี้ไร้ปฏิกิริยา เซียวเหวินอวี๋เข้าไปมองใกล้ๆ ก็พบว่าระยะนี้เซียวอวี้ร่างกายผ่ายผอมไปไม่น้อย แก้มตอบไร้เนื้อหนัง ดูแล้วซีดขาวและผอมเซียว
ระยะนี้เซียวเหวินอวี๋ยุ่งแต่กับงานอภิเษกตนเอง แม้แต่การประชุมท้องพระโรงก็ไม่ได้ไปร่วม บางครั้งเข้าวังมาถวายพระพรเซียวอวี้ก็ไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้ ยามนี้มองดูอีกครั้ง ก็พบว่าเสด็จพ่อผ่ายผอมลงจนน่าตกใจ
ในใจเซียวเหวินอวี๋แอบนึกตำหนิตนเอง ใบหน้างามสง่ายามนี้เต็มไปด้วยโทสะรุนแรง เขาหันหน้าไป มองทุกคนตำหนักบรรทมเยียบเย็น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”