ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง
ฟ้าค่อยๆ เริ่มสาง
ฉินเหยาแบกจอบไว้บนบ่า ก้าวย่ำผ่านทางโคลนเล็กๆ ไปยังสุดหมู่บ้านฝั่งตะวันตก
“ท่านแม่…”
เสียงเรียกขลาดกลัวของเด็กหญิงดังมาจากทางด้านหลัง
ฉินเหยาหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมอง บนเส้นทางโคลนเลน สองพี่น้องฝาแฝดวัยสี่ขวบเปลือยเท้าอุ้มโถดิน เดินโซเซตรงมาหานาง เมื่อเห็นนางหยุด พวกเขาก็เร่งฝีเท้า เท้าเล็กๆ ย่ำน้ำโคลนเสียงดังเปาะแปะจนเปื้อนไปทั้งตัว
เด็กสองคนนี้คือฝาแฝดชายหญิงที่อายุน้อยสุดของตระกูลหลิว หลิวซานหลางและหลิวซื่อเหนียง
ยามต้นฤดูใบไม้ร่วง สองพี่น้องสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบบางๆ ไม่พอดีตัว เนื้อผ้ายืดย้วย เมื่อสายลมพัดผ่าน ร่างผอมเล็กของพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความหนาว
“พวกเจ้ามาตามข้าทำไมกัน” ฉินเหยาเอ่ยถาม
ซื่อเหนียงตอบอย่างว่าง่าย “ข้ากับพี่สามเอาน้ำมาให้ท่านแม่”
“ไม่ดื่มน้ำก็ทำงานไม่ไหว ท้องก็จะปวดด้วย”
ซานหลางถลึงตาใส่น้องสาว “นางไม่ใช่ท่านแม่ของเรา พี่รองบอกว่าไม่ให้เรียกนางว่าท่านแม่!”
ซื่อเหนียงย่นปากอย่างน้อยใจ พึมพำเบาๆ “แต่…แต่ว่า ข้าอยากมีท่านแม่…”
ฉินเหยารู้สึกจนใจอยู่บ้าง เจ้าตัวเล็กสองคนนี้พูดแบบนี้ต่อหน้านางจะดีจริงๆ หรือ
แต่ว่าสิ่งที่ซานหลางพูดก็ถูกต้อง นางเป็นเพียงแม่เลี้ยงของทั้งสอง ไม่ใช่มารดาแท้ๆ ทั้งยังเพิ่งมายังตระกูลหลิวได้เพียงสองวัน เด็กๆ จะมีท่าทีเป็นศัตรูกับนางก็ไม่แปลก
นางขยับจอบบนบ่า ใช้ร่างค้ำจอบไว้ไม่ให้หล่นแล้วยื่นมือออกไปขอโถดินจากเด็กทั้งสอง “ส่งน้ำมาให้ข้า พวกเจ้ากลับบ้านไปเถิด ทางมันไกลนัก”
ซื่อเหนียงพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะขาดสารอาหารมานาน คอเล็กบางของนางจึงต้องรองรับศีรษะที่ดูใหญ่จนเกินตัว ทำให้ฉินเหยาอดสะท้านใจไม่ได้
ซานหลางเหลือบมองฉินเหยาแวบหนึ่งก่อนจะยื่นโถน้ำส่งให้นาง
“รีบกลับไปเถิด” ฉินเหยากล่าวเร่ง
ซานหลางจูงมือน้องสาวเตรียมจะเดินกลับ แต่ซื่อเหนียงกลับสะบัดมือพี่ชายจนหลุดแล้ววิ่งมาหาฉินเหยา
“ท่านแม่ ท่านจะไม่หนีไปใช่หรือไม่” เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองนาง ดวงตาใสซื่อเต็มไปด้วยความโหยหาความรักจากมารดา
พี่ใหญ่กับพี่รองบอกว่าหลังแม่เลี้ยงเห็นว่าบ้านของพวกเขายากจนขนาดนี้ นางจะต้องหนีไปแน่
แต่นางไม่อยากให้ท่านแม่จากไปนี่
มารดาแท้ๆ ของนางคลอดนางกับพี่ชายแล้วจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก พวกนางไม่เคยมีแม่ ดังนั้นนางจึงอิจฉาเด็กคนอื่นที่มีแม่มาก
ในใจของซื่อเหนียง เมื่อท่านพ่อพาแม่ใหม่เข้ามาในบ้าน นางก็ถือว่าตนมีแม่แล้ว!
นางจะเชื่อฟังท่านแม่ จะช่วยท่านแม่ทำงาน ขอเพียงแค่ท่านแม่ยอมเป็นแม่ของนาง ซื่อเหนียงจะเป็นเด็กดี
สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังแสนบริสุทธิ์เช่นนี้ ฉินเหยาจะใจแข็งไหวได้อย่างไร นางวางของในมือแล้วย่อตัวลงลูบศีรษะเล็กเบาๆ “ซื่อเหนียงเด็กดี กลับบ้านไปคอยข้านะ”
ได้ยินนางบอกว่าจะกลับมา ซื่อเหนียงก็ตาเป็นประกาย มือน้อยยื่นออกไปลองจับนิ้วของฉินเหยาเบาๆ พร้อมยิ้มเขิน “ซื่อเหนียงจะเชื่อฟัง จะกลับบ้านไปรอท่านแม่”
“ดี ไปเถิด”
“อืม อืม!”
ซื่อเหนียงถูกพี่ชายจูงมือเดินไปแล้ว แต่ระหว่างทางยังคงหันกลับมามองฉินเหยาเป็นระยะ เห็นฉินเหยายังคงมองมาที่นางก็ส่งยิ้มให้ ยิ้มนั้นหวานชื่น ว่าง่ายเสียจนทำให้ฉินเหยาใจละลาย
ฉินเหยามองส่งเด็กทั้งสองจนลับเข้าหมู่บ้านไป จากนั้นก็ยกจอบขึ้นพาดบ่า อุ้มโถดินแล้วเดินต่อไป
บนภูเขาต้นไม้เขียวขจีรายล้อม หมอกบางปกคลุม กลิ่นหญ้าสดชื่นในอากาศโชยมา สิ่งเหล่านี้หาไม่ได้เลยในโลกที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติและซอมบี้
ฉินเหยาสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์และสดชื่นนี้เข้าเต็มปอดอย่างละโมบ นางทะนุถนอมชีวิตใหม่ที่ได้มาไม่ง่ายนี้อย่างยิ่ง
ถึงแม้นางจะต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กถึงสี่คน ถึงแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวนี้จะยากจนข้นแค้นก็ตามที
แต่มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าวันสิ้นโลกที่ชวนให้คนสิ้นหวังนั่นอีกหรือ
เพียงแต่เมื่อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในหัว นึกถึงสามีสารเลวผู้นั้น แววตาฉินเหยาก็เปลี่ยนเป็นคมกริบ
เหยาเหนียงเจ้าของร่างเดิมลี้ภัยมา คนในครอบครัวตายหมด นางตัวคนเดียวหลบหนีมาจนถึงอำเภอไคหยาง
เพื่อให้ได้ลงทะเบียนสำมะโนครัว นางจึงยอมรับการจัดการของทางการ เด็กสาวงดงามร่าเริงในวัยสิบแปดต้องมาแต่งงานกับหลิวจี้พ่อหม้ายอายุยี่สิบสามปีที่มีลูกถึงสี่คนแห่งหมู่บ้านตระกูลหลิว
เดิมนางคิดว่าชีวิตจะสงบสุขเสียที แต่กลับพบว่าหลิวจี้ผู้นี้นอกจากรูปร่างหน้าตาดีแล้วก็ไม่มีอะไรดีเลย!
เขาไม่ทำไร่ ไม่ทำงานทำการ บ้านไหนมีเรื่องครึกครื้นเขาจะเป็นคนแรกที่พุ่งไปชมดู ทั้งวันเอาแต่เที่ยวเตร่ ลักเล็กขโมยน้อย ประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง
หากเขาเกิดในบ้านคนมั่งมีก็สามารถเป็นคุณชายเจ้าสำราญคนหนึ่งได้
แต่เขากลับเกิดในบ้านชาวบ้านธรรมดา นิสัยเช่นนี้ที่เขาคิดว่าคือความสง่างามกลับสร้างความทุกข์ยากให้คนรอบข้าง
ตอนที่นางม่อมารดาแท้ๆ ของลูกเลี้ยงทั้งสี่ยังมีชีวิตอยู่ยังสามารถควบคุมหลิวจี้ได้บ้าง แม้ครอบครัวจะยากจนไปหน่อย แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังมีที่ดินห้าสิบหมู่ไว้ให้เพาะปลูก หากทำนากันอย่างขันแข็งตลอดปี ทั้งครอบครัวก็ไม่ถึงกับอดตายอย่างแน่นอน
แต่ตั้งแต่นางม่อคลอดฝาแฝดชายหญิงจนตกเลือดเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครคอยควบคุมหลิวจี้คนล้างผลาญผู้นี้อีก จะเพาะปลูกก็รังเกียจว่างานหนัก ไม่ยอมทำงานใดๆ พอไม่มีอะไรจะกินเมื่อใดก็ขายที่ดินออกไป ไม่นานก็ขายที่ดินดีๆ ที่มีอยู่ไปจนหมดสิ้น!
โชคดีที่พี่น้องทั้งสามคนของเขารู้เรื่องเข้า เพราะโดนคนที่บ้านบีบบังคับจึงเหลือที่ดินเอาไว้สองหมู่
เพียงแต่ที่ดินเหล่านั้น แต่ละหมู่อยู่ห่างกันแสนไกล แถมยังอยู่ในหุบเขา ระยะทางใกล้ที่สุดยังต้องเดินถึงห้าลี้!
ที่บ้านยากจนถึงขนาดนี้ เด็กทั้งสี่อดมื้อกินมื้อ การที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาได้ถือเป็นปาฏิหาริย์
สามวันก่อน ทางการเป็นพ่อสื่อ หลิวจี้รับเจ้าของร่างเดิมเข้ามาในบ้านแล้วโยนเด็กผอมแห้งทั้งสี่คนไว้ตรงหน้านาง จากนั้นก็สะบัดก้นออกจากบ้านไปเที่ยวเล่น!
ตอนนั้นเหยาเหนียงถึงกับงงงัน นางรู้ว่าบ้านหลิวจี้ยากจนและยังมีลูกถึงสี่คน ชีวิตคงไม่ง่าย แต่ยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหากสามีภรรยาร่วมแรงร่วมใจ ชีวิตคงจะดีขึ้นได้
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเปิดโอ่งข้าวดู แม้แต่รำข้าวยังไม่มีสักเม็ด!
เดิมนางลี้ภัยมาร่างกายก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ในบ้านไม่มีของกิน เมื่อเห็นฤดูใบไม้ร่วงกำลังใกล้เข้ามา ฤดูหนาวก็ใกล้มาถึง นางจึงแบกจอบออกไปปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเพื่อเตรียมไว้กินในปีหน้า
แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ส่วนหลิวจี้คนสารเลวผู้นั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน หากไม่ใช่เพราะฉินเหยาข้ามเวลามา เกรงว่าจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเด็กสาวที่พยายามจะใช้ชีวิตผู้นี้ได้ตายไปแล้ว
“เฮ้อ…” ฉินเหยาถอนหายใจ เอ่ยในใจว่า เหยาเหนียง พวกเรามาตั้งใจใช้ชีวิตด้วยกันเถอะ!
แต่เมื่อนึกถึงสภาพครอบครัวหลิวในตอนนี้ ฉินเหยาก็อดปวดหัวไม่ได้
ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว บ้านหลังคามุงจากหญ้าคาแสนทรุดโทรมของครอบครัวหลิวคงไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้
ฤดูหนาวที่นี่มีหิมะตกหนัก หลังคามุงหญ้าคาต้องเสริมให้แข็งแรง ไม่เช่นนั้นหากหิมะตกหนัก บ้านจะถล่มลงมาได้
บ้านถล่มไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากทับคนตาย นั่นก็ถือเป็นโศกนาฏกรรม
อีกทั้งเสื้อผ้า นางและเด็กสี่คนของตระกูลหลิวล้วนใส่เสื้อผ้าเก่าที่ผู้อื่นให้มา ทั้งไม่พอดีตัวและยังขาดรุ่งริ่ง ยามปกติหากเปื้อนจนต้องซักยังไม่กล้าขยี้แรงเพราะกลัวจะขาด!
เสื้อกันหนาวอาจซื้อผ้าฝ้ายและสำลีมาทำเองได้ ฉินเหยาไม่ขอพูดว่านางทำเป็นหรือไม่ แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ ใช่ไหมเล่า
แค่คิดถึงเสื้อกันหนาวสำหรับนางและเด็กทั้งสี่ การซื้อวัสดุก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยแล้ว
เงินหนอเงิน ตอนนี้นางไม่มีแม้แต่ครึ่งเหวินด้วยซ้ำ
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือตอนนี้นางกำลังหิว
ในกระเพาะของนางเหมือนมีเพลิงกำลังลุกไหม้ราวกับจะแผดเผากระเพาะของนางให้ทะลุเป็นรูใหญ่ ทรมานเสียจนฉินเหยาอยากจะสังหารหลิวจี้เจ้าคนสารเลวนั่นแล้วกินเนื้อของเขาเสีย!
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง หากต้องมาหิวตายอีก นางคงตายตาไม่หลับแน่!