ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 111 กองทัพไร้ผู้นำ
ตอนที่ 111 กองทัพไร้ผู้นำ
รองนายอำเภอถามว่า “ฉินเหยา เจ้าจะออกเดินทางไปจับหัวหน้าโจรเมื่อใด”
หากเป็นเพียงการตัดศีรษะของหัวหน้าโจร ฉินเหยาจะออกเดินทางเมื่อใดก็ได้
แต่ในฐานะชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง นางทนทุกข์กับโจรภูเขามานานแล้ว!
“ขอถามใต้เท้า ท่านต้องการเพียงศีรษะของหัวหน้าโจรหรือว่าต้องการถอนรากถอนโคนกองโจรภูเขานี้สิ้นซากไปตลอดกาล?”
เมื่อได้ฟังคำถามของฉินเหยา รองนายอำเภอกลับนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะถามว่า “หากต้องการถอนรากถอนโคนแล้วเจ้ามีแผนการยอดเยี่ยมอันใด”
แผนการยอดเยี่ยมรึ
ฉินเหยาก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “ข้าไม่มีแผนการยอดเยี่ยมใด มีเพียงวรยุทธ์ติดกาย ใช้กำลังเข้าจัดการเท่านั้น!”
ครั้งนี้ หากมีโอกาส นางจะกำจัดภัยร้ายจากโจรภูเขาให้หมดสิ้นไปเสีย จะได้ไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เคยเผชิญเมื่อวันสิ้นปีที่ผ่านมาอีก
รองนายอำเภอได้ฟังวาจาใหญ่โตของฉินเหยาก็ขมวดคิ้ว “ใช้กำลังเข้าจัดการ? เจ้าตัวคนเดียว จะปราบพวกมันได้อย่างไร”
แม้แต่ทหารจำนวนมากเพียงนี้ก็ยังไม่สามารถจัดการกับพวกโจรภูเขาที่ลึกลับเหล่านั้นได้เลย
โจรภูเขาอาศัยภูมิประเทศของขุนเขาในการปกปิดร่องรอย แม้บางครั้งจะปรากฏตัว แต่ก็เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ของพวกมันเท่านั้น
หากหัวหน้าโจรยังลอยนวล ลูกสมุนของมันก็จะเพิ่มขึ้นไม่หยุดแล้วจะกำจัดได้อย่างไร
เมื่อต้นปี ทางการยังต้องแจ้งไปถึงกองทหารประจำมณฑล
แต่สุดท้าย เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาในพื้นที่ของพวกเขา อีกทั้งระหว่างขุนนางฝ่ายปกครองระหว่างมณฑลกับอำเภอ ยังมีผลประโยชน์ที่แบ่งปันกันไม่ลงตัวอีกด้วย
ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายถึงขีดสุดและความไม่พอใจของประชาชนยังไม่ถึงจุดแตกหัก แม้แต่เขา รองนายอำเภอไคหยางก็ได้แต่มองตาปริบๆ
แล้วพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกปล้นเล่า
เมื่อกดดันทางการไม่ได้ พวกเขาก็หันไปร่วมมือกับสำนักคุ้มกันภัย
สำนักคุ้มกันภัยเหล่านี้ ยิ่งมีโจรก็ยิ่งได้กำไร หากไร้โจร พวกเขาก็ล่มสลาย
ภายในขอบเขตธุรกิจของพวกเขา ยิ่งมีโจรชุกชุมก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้น จนในที่สุดก็เกิดการเอื้อประโยชน์กันในทางลับ
สุดท้ายก็จนปัญญาได้แต่มองดูโจรภูเขาเหล่านี้กำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น
พวกเขาจึงคิดหาทางออกด้วยการประกาศค่าหัว หวังให้ยอดฝีมือจากเหล่าประชาชนลุกขึ้นมาจัดการปัญหา
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ หลังจากประกาศออกไปแล้วกลับไม่มีใครกล้าถอนประกาศค่าหัวเลยแม้แต่คนเดียว
ที่ว่าการอำเภอทำได้เพียงรอให้อักษรบนป้ายประกาศจางลงแล้วเขียนติดประกาศใหม่อีกครั้ง รอคอยความหวังอันเลือนราง
จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันนี้ ฉินเหยาดึงประกาศค่าหัวลงมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
บัดนี้ เมื่อนางกล่าวว่าจะถอนรากถอนโคน รองนายอำเภอรู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับเคร่งขรึมยิ่ง
เขาเพียงต้องการฟังว่าวิธีของนางนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่
แต่ผลกลับกลายเป็นว่า นางบอกว่าจะใช้กำลังเข้าจัดการ?
นางคนเดียวเนี่ยนะ?
ฉินเหยาหัวเราะเย้ยหยันกวาดสายตามองไปรอบๆ
ทหารทางการที่อยู่ตรงนี้มีเพียงห้าหกคน นอกนั้นก็คอยเฝ้าประตูเมืองหรือไม่ก็หลับใหลอยู่ในคุกที่ว่างเปล่า ฆ่าเวลากันไปวันๆ
นางเอ่ยเสียงดังขึ้น “หรือว่าในที่ว่าการอำเภอแห่งนี้ไม่มีชายชาตรีสักคนกล้าติดตามข้าไปสังหารโจรภูเขาที่น่ารังเกียจพวกนั้น”
ทหารหลายคนมีสีหน้าไม่พอใจ โมโหที่ถูกฉินเหยาดูถูกจึงพากันเอ่ยประชด
“พวกโจรภูเขามีตั้งร้อยคน ขณะที่ทหารทั้งอำเภอรวมกันมีเพียงสามสิบหกนาย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเมืองใหญ่ก็ไม่ต่างจากการเอาไข่ไปกระทบกับหินหรอก!”
“ก็แค่กองทัพไร้ผู้นำเท่านั้น” ฉินเหยาโต้กลับ “โจรภูเขาร้อยคนนี้ มีอะไรน่ากลัวกัน”
“แค่จับหัวหน้าโจรได้ เมื่อไร้ผู้นำ พวกมันก็จะไม่สามารถรวมตัวกันได้อีก ย่อมแตกซ่านหนีไปเอง”
“ทหารทางการมีสามสิบหกคน หากติดอาวุธและเครื่องป้องกันให้ครบครันแล้วค่อยๆ รุกไล่โจมตี จะยากตรงไหน”
“นี่…” พวกเขากลับรู้สึกว่าวิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แต่พอสงบใจคิดให้ดีก็ยังมีความยากอยู่มาก ทหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง
“หัวหน้าโจรผู้นั้นไม่ปรากฏตัวง่ายๆ รอบกายยังมีสามยอดฝีมือคอยอารักขา เข้าใกล้ได้ยากยิ่ง”
“จะตัดหัวมันลงมา นับว่ายากเย็นยิ่งนัก”
ฉินเหยายกประกาศค่าหัวในมือขึ้น “ข้าถอนประกาศค่าหัวลงมาแล้วไม่ใช่หรือ พวกท่านก็แค่ช่วยข้าปิดล้อมเส้นทางหลบหนีเท่านั้น”
ฉินเหยาคำนวณแผนการในใจอย่างรวดเร็วแล้วเสริมว่า “เมื่อข้าลงมือ ข้าจะส่งสัญญาณ เมื่อถึงตอนนั้น พอพวกท่านเห็นสัญญาณก็ให้เคลื่อนกำลังพลทั้งหมด เราจะใช้โอกาสนี้กวาดล้างพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น!”
มีอาวุธและเครื่องป้องกันแล้ว แม้จะสู้หนึ่งต่อสามไม่ได้ แต่หนึ่งต่อสองก็ยังพอไหว
แล้วพวกโจรภูเขาเล่ามีอะไร
นอกจากหัวหน้าและพวกมีหน้ามีตาที่มีม้าและดาบดีๆ คนอื่นก็มีแต่เศษเหล็กเก่าๆ กองหนึ่ง
บางคนไม่มีแม้แต่อาวุธ ต้องใช้เคียว จอบ หรือไม้ทุบผ้า เมื่อกำลังใจพวกมันพังทลายก็ไม่มีทางสู้ทหารของทางการได้แน่นอน
“พวกท่านมีคนมาก หากเคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกโจรจะรู้ตัวแล้วย้ายที่ตั้งก่อน ข้าจะลุยเป็นแนวหน้า จับหัวหน้ามันไว้ก่อน จากนั้นเราจะประสานกำลังทั้งภายในและภายนอก ทำให้การกวาดล้างครั้งนี้เป็นการจบสิ้นภัยร้ายของพวกโจรไปตลอดกาล ท่านรองนายอำเภอเห็นว่าอย่างไร”
ฉินเหยาถามอย่างสุภาพ
รองนายอำเภอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนลุกขึ้นแล้วชี้ไปที่เก้าอี้ไท่ซือข้างๆ “เจ้านั่งรอก่อน ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา”
เขาต้องไปปรึกษาท่านนายอำเภอ เพื่อดูว่าฝ่ายนั้นคิดเห็นเช่นไร
อย่างไรนายอำเภอก็เป็นคนนอกพื้นที่ เพิ่งมารับตำแหน่งได้ปีเดียวและยังมีอีกสองปีก่อนจะย้าย เขาจะเลือกสร้างผลงานหรือรักษาความสงบไว้ ก็ต้องให้เจ้าตัวตัดสินใจเอง
หากกำจัดโจรภูเขาได้ก็จะได้ทั้งผลงานและได้ใจชาวบ้าน
แต่ขณะเดียวกันก็จะตัดเส้นทางร่ำรวยของใครหลายคน ขัดขวางผลประโยชน์ของคนมากมาย
ว่ากันว่า มังกรต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังไม่อาจเหยียบหัวงูเจ้าถิ่น สองปีที่เหลือของเขาอาจเต็มไปด้วยความยากลำบาก
หากฆ่าเพียงหัวหน้าโจรก็จะยังได้ใจชาวบ้านและยังสามารถรักษาสัมพันธ์กับพวกเจ้าถิ่น ช่วงเวลาสองปีที่เหลือก็จะมีทางเลือกในการดำเนินการมากขึ้น
ฉินเหยามองแผ่นหลังของรองนายอำเภอที่รีบร้อนจากไปแล้วแอบหัวเราะเยาะในใจว่าช่างน่าสนใจจริงๆ ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้
ผู้ช่วยเองก็ออกไปเช่นกัน ตอนนี้ในห้องโถงจึงเหลือเพียงฉินเหยากับทหารไม่กี่นายที่จ้องกันไปมา
ในใจพวกเขาเองก็กระวนกระวายมาก ทั้งอยากกำจัดภัยร้ายและเป็นวีรบุรุษสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าชีวิตจะต้องสูญสิ้นไป เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันมาก
ฉินเหยานั่งรออย่างสงบ ในใจไร้ซึ่งความกังวล
อย่างไรเสีย นางก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จะอย่างไรก็ไม่เสียเปรียบ
หากครั้งนี้ไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้หมดสิ้น อย่างมากนางก็แค่ต้องรับมือกับปัญหาเล็กน้อยในอนาคตเท่านั้น
แต่สำหรับชาวบ้านทั้งอำเภอไคหยาง วันข้างหน้าคงจะทุกข์ยากยิ่งกว่าเดิม
ฉินเหยารออยู่นานถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม รองนายอำเภอกับผู้ช่วยจึงกลับมา
ฉินเหยาลุกขึ้น ประสานหมัดคารวะแล้วเงยหน้ามองทั้งสองคนเพื่อรอคำตอบ
รองนายอำเภอเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน “เจ้าต้องการอะไร ท่านนายอำเภอมีคำสั่งมา หากเจ้าสามารถจับหัวหน้าโจรได้จริง ทหารทั้งอำเภอจะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่ในการปราบปรามโจรภูเขา!”
ผู้ช่วยเสริมขึ้นทันที “ถ้าจะลงมือ ต้องรีบทำก่อนที่พวกโจรจะรู้ข่าวแล้วหนีเข้าป่าลึก มิฉะนั้น ต่อให้เสาะหาอย่างไรก็จะไม่ได้แม้แต่เส้นขนของพวกมัน”
ฉินเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเข้าใจแล้ว พวกนี้เลือกเดินหมากอย่างระมัดระวัง คอยจับตาดูว่าใครมีโอกาสชนะมากกว่าแล้วค่อยเข้าข้างฝั่งนั้น พูดง่ายๆ คือไม่คิดแบกรับความเสี่ยงเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่าง ผู้ช่วยพูดเป็นนัยว่าหากจะลงมือต้องรีบทำโดยเร็ว เพราะภายในอำเภอมีคนคอยส่งข่าวให้พวกโจร
ฉินเหยาพยักหน้า นางเข้าใจหมดแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ นางจึงย้ำอีกครั้ง “หากข้านำศีรษะของหัวหน้าโจรกลับมา รางวัลคือหนึ่งร้อยตำลึง ใช่หรือไม่”
ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกัน ฉินเหยาจึงวางใจ เปิดภาพวาดขึ้นมาดูอีกครั้ง เห็นเพียงใบหน้าของชายที่ดูดุดันราวอสูรร้าย ก็ไม่รู้ว่าจะตรงกับตัวจริงหรือไม่
เพื่อความรอบคอบ นางยกภาพวาดขึ้นถามผู้ช่วยที่เป็นคนวาดว่า “คนในภาพนี้เหมือนตัวจริงหรือไม่”
ผู้ช่วยกระแอมสองครั้ง ก่อนตอบอย่างกระอักกระอ่วน “ก็คล้ายอยู่หกถึงเจ็ดส่วนกระมัง”
ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเคยเห็นหน้าหัวหน้าโจรจริงๆ ภาพนี้เป็นเพียงการวาดตามคำบรรยายของลูกสมุนที่ถูกจับมาเท่านั้น
ฉินเหยา “…”
ช่างเถอะ เพื่อให้มั่นใจว่าหนึ่งร้อยตำลึงจะไม่หลุดมือ ถึงตอนนั้นค่อยตัดมาหลายๆ หัวเผื่อเลือก อย่างไรก็ต้องมีที่ถูกต้องสักหัวแหละ!