ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 113 สุดยอดนักล้างสมอง
ตอนที่ 113 สุดยอดนักล้างสมอง
ฉินเหยาหยิบประกาศค่าหัวที่อยู่ในอกเสื้อออกมา สายตามองเทียบไปมาระหว่างบุคคลที่ยืนอยู่บนลานกับภาพวาด สิ่งเดียวที่ตรงกันก็คือ แววตาที่เหี้ยมเกรียมเหมือนกันไม่มีผิด
แววตาเช่นนั้น ฉินเหยาคุ้นเคยดี ส่วนมากจะปรากฏในตัวพวกที่เกิดมาพร้อมจิตใจโหดเหี้ยมหรือไม่ก็เป็นอาชญากรร้ายแรง
คนประเภทนี้โหดเหี้ยมถึงที่สุด ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ ฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
กลับกัน พวกมันยิ่งฆ่ายิ่งตื่นเต้น มีความสุข รู้สึกประสบความสำเร็จหลังจากการฆ่า
โดยปกติเป็นพวกที่อยู่ตามชายขอบสังคมหรือเป็นพวกที่เก่งเรื่องการเสแสร้ง เห็นคนเป็นแค่หนูทดลอง ไม่หวาดกลัวต่อความตาย
หากถูกจับได้ พวกมันจะยอมรับผิดอย่างหน้าตาเฉยทั้งยังจะเล่าแผนการของตัวเองออกมาอย่างละเอียด เพื่ออวดความสามารถของตนและเย้ยหยันความไร้สามารถของทางการ
คนพวกนี้มักมีผู้ติดตามไร้สมองอยู่มากมาย พวกนั้นจะเห็นด้วยกับความคิดของมัน คิดว่าตัวเองมีเอกลักษณ์ พิเศษกว่าคนทั่วไป
สามยอดฝีมือที่ติดตามหัวหน้าโจรนั้นก็เป็นพวกคลั่งไคล้ไร้สมองแบบนั้น
กลุ่มโจรที่กลับมาช้ากว่าปกติ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ของติดมือกลับมา ยังเสียคนไปสองคนและม้าสามตัว
พวกมันทั้งหมดมียี่สิบคน เดิมทีตั้งใจจะปล้นกองคาราวานขนาดใหญ่ แต่โชคร้าย คาราวานฝั่งตรงข้ามเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วจึงจ้างสำนักคุ้มกันภัยที่เก่งที่สุดในอำเภอมาอารักขา
ทั้งสองฝ่ายส่งสัญญาณลับถามกันหลายครั้ง แต่ไม่ตรงกันสักข้อ พอพูดกันไม่รู้เรื่องก็จำต้องเปิดฉากสู้
เมื่อฝ่ายคาราวานมีจำนวนมากกว่า โจรภูเขาย่อมไม่อาจได้เปรียบ พอเริ่มต่อสู้ หัวหน้าเห็นท่าไม่ดีจึงตั้งใจจะถอนตัว แต่ความโลภกลับเข้าครอบงำจึงคิดจะแย่งสินค้าไปบางส่วนก่อน ทำให้กองคาราวานตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ต้องทิ้งพี่น้องสองคนและม้าสามตัวไป
กองคาราวานเน้นปกป้องทรัพย์สินจึงไม่ไล่ตามโจร พวกมันจึงหนีกลับมาได้
ระหว่างทางกลับ เมื่อคิดถึงโทษที่รออยู่ พี่น้องหลายคนก็ถึงกับอยากหนีไปให้พ้นๆ
แต่หัวหน้ากลุ่มหัวเราะเสียงเย็น “หนีหรือ หนีวันนี้แล้วจะหนีไปได้ตลอดหรือ”
หากหนีก็ต้องตายแน่ แต่หากไม่หนี อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสรอด
ดังนั้น พวกมันจึงกลับมาด้วยสภาพมอมแมม แต่ละคนถอดเสื้อออก คุกเข่าหน้าถ้ำ รอฟังคำสั่งจากเสี่ยงหวัง
บุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นเสี่ยงหวังเดินออกจากถ้ำ เขาสวมชุดราวกับนักปราชญ์ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา
ในอ้อมแขนโอบหญิงสาวรูปโฉมเย้ายวนนางหนึ่ง ส่วนด้านข้าง มีชายฉกรรจ์ร่างกำยำสามคนติดตาม
แค่เห็นชายสามคนนี้ก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งใจแล้ว
“เสียคนไปสอง ม้าสามตัว รวมเป็นโทษห้าหวายห้านิ้ว พวกเจ้าไปตกลงกันเองแล้วออกมารับโทษ”
เสี่ยงหวังในชุดนักปราชญ์มีสีหน้าจนใจคล้ายไม่อยากลงโทษพวกมัน แต่เพราะกฎจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้
สามยอดฝีมือข้างกายเขาก้าวขึ้นมาทันที ชิ้ง! เขาชักดาบและแส้ออกมา หนึ่งในนั้นพูดด้วยความโกรธว่า
“ท่านราชาปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างดี มีเงินก็แบ่งให้ มีสตรีก็ร่วมหลับนอน สุราดีๆ ก็แบ่งให้พวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับไม่รู้สำนึก ทำม้าของท่านหาย แถมยังทำให้พี่น้องของเราตายไปอีก พวกเจ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ!?”
หัวหน้ากลุ่มรีบก้มศีรษะลง คุกเข่าแล้วคลานสองก้าวไปยังเท้าของเสี่ยงหวัง “ขอบคุณเสี่ยงหวังที่เมตตา!”
โทษห้าหวายห้านิ้วหมายถึงฟาดด้วยแส้ห้าครั้งและตัดนิ้วห้านิ้ว พวกมันกลับมาได้สิบแปดคน ใช้เพียงสิบคนก็พอสำหรับรับโทษ
เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เคยถูกลงโทษก่อนหน้านี้ โทษนี้ถือว่าเบามากแล้ว
หัวหน้ากลุ่มเข้าใจว่านี่เป็นเพราะเขาเคยสร้างผลงานมาก่อนจึงได้รับการผ่อนปรน
เมื่อนึกได้ว่าตัวเองยังมีความสำคัญต่อเสี่ยงหวัง เขาก็แอบโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มองเสี่ยงหวังด้วยความนับถือ “ข้าน้อยยินดีรับโทษ หนึ่งหวาย หนึ่งนิ้ว!”
เสี่ยงหวังพยักหน้าชื่นชม “ข้าดูเจ้าไม่ผิดจริงๆ สมเป็นชายชาตรี”
พูดจบ เขาก็หันหลังให้ เล่นปิ่นปักผมของหญิงสาวในอ้อมแขน ไม่เหลือบมองฉากนองเลือดตรงหน้า
ไม่นาน หน้าถ้ำก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน นิ้วมือห้านิ้วนั้นถูกสามยอดฝีมือเก็บขึ้นมาถือไว้แล้วนำไปวางตรงหน้าเสี่ยงหวัง
หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ขบฟันแน่นไม่กล้าพูดอะไร สีหน้าที่ฝืนยิ้มมาโดยตลอดก็ไม่อาจยิ้มออกอีกต่อไป
“เจ้ากลัวหรือ” เสี่ยงหวังแสร้งถามด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวส่ายหน้า หันหน้าหนีไปทางอื่น แต่กลับถูกมือของชายหนุ่มบังคับให้หันกลับมา ให้นางเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าชัดๆ
เมื่อตกอยู่ในความหวาดกลัวถึงขีดสุด สีหน้าของหญิงสาวก็ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว
“น่าเกลียดจริง!” เสี่ยงหวังหัวเราะเยาะเสียงเย็น คว้าคอหญิงสาวขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไป “ให้เจ้าแล้วกัน!”
หัวหน้ากลุ่มที่กำลังเหงื่อท่วมร่างเพราะความเจ็บปวดจากนิ้วที่ถูกตัดรีบยื่นมือไปรับพลางลากหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวถึงขีดสุดไปยังเพิงพัก
ก่อนจากไป เขายังเอ่ยขอบคุณเสี่ยงหวังด้วยความซาบซึ้งราวกับได้รับพระคุณมหาศาลพร้อมให้คำมั่นว่าจะนำเงินทองและหญิงสาวกลับมาให้มากกว่าเดิม
หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงเสียงหัวเราะ พวกโจรภูเขาพากันเย้ยหยันว่านางช่างไร้เดียงสาเสียจริง คิดจะร้องขอความช่วยเหลือในรังโจร
ทว่า เสียงร้องขอความช่วยเหลือเหล่านั้น ดันมีคนได้ยินเข้าพอดี
ฉินเหยาขมวดคิ้ว เจ้าหัวหน้าโจรนี่รู้วิธีล้างสมองคนได้ดีจริงๆ ทำให้พวกโง่เง่าพวกนี้เชื่อฟังจนหัวปักหัวปำ
นางพับประกาศค่าหัวเก็บใส่อก ใช้ความมืดของราตรีเป็นฉากกำบัง ลอบเข้าไปยังเพิงพักต้นไม้ราวกับภูตผี
หญิงสาวขดตัวอยู่ในเพิงพักอันมืดมิด พึมพำไม่หยุด “พี่ใหญ่ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ บิดาของข้ามีเงิน มีเงินมากมาย ท่านใช้ข้าไปแลกเงินดีหรือไม่”
หัวหน้ากลุ่มที่กำลังพันแผลที่นิ้วตนเองหัวเราะเยาะเย้ย “บิดาของเจ้าไม่มีทางยอมสละเงินทองมาไถ่ตัวบุตรสาวไร้ค่านางหนึ่งหรอก หากเจ้ายอมปรนนิบัติข้าดีๆ ข้าจะหาคนดีๆ มาซื้อเจ้าไป ไม่เช่นนั้น…ก็จะขายเจ้าเข้าซ่องไปเสีย!”
พูดจบ เขาก็หัวเราะเย้ยเสียงต่ำ “ท่านราชาช่างสมกับเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ เจ้างามขนาดนี้เขายังมองข้าม อย่างนี้ก็เข้าทางข้าแล้ว…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจหญิงสาวก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง นางสงบลงราวกับล้มเลิกความคิดที่จะได้มีชีวิตรอดออกไปจากรังโจรนี้แล้ว
สีของราตรีเข้มขึ้นเรื่อยๆ คนข้างนอกเพิงต้นไม้ไม่ได้ยินเสียงที่พวกมันคาดหวังจึงส่งเสียงแซวเร่งเร้าว่า
“คืนนี้จะเข้าหอหรือไม่ หากเจ้าไม่ลงมือ พวกพี่น้องจะช่วยเจ้าเอง!”
หญิงสาวที่ขดตัวอยู่ได้ยินคำนี้ก็ตกใจสุดขีด รีบเงยหน้าขึ้นมองเงาดำที่ปรากฏตรงปากเพิงพัก
ชายที่บาดเจ็บพันแผลเสร็จแล้ว เขาตะโกนสวนกลับไปว่า “ไปให้พ้น! ฝันไปเถอะพวกเจ้า!”
จากนั้น เขาก็หันกลับมามองนาง
แม้ภายในเพิงพักจะมืดสนิท แต่นางกลับมองเห็นประกายอำมหิตในดวงตาของชายผู้นั้นผ่านความมืด
กลิ่นเหม็นของสมุนไพรและเลือดลอยมาใกล้ หญิงสาวกรีดร้องแล้วพลิกร่างลงกับพื้น นางยังไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามดิ้นรนอีกครั้งเพื่อเอาตัวรอด
แต่น่าเสียดาย มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าข้อเท้าของนางเอาไว้แน่นแล้วลากนางกลับมา
ก้อนหินขูดแผ่นหลังนางจนปรากฏรอยเลือด แต่นางไม่มีเวลาสนใจ ใช้สองมือคลำหาสิ่งใดก็ได้ที่ใช้เป็นอาวุธได้
แต่เพราะกำลังต่างกันเกินไป นางเพิ่งคว้าก้อนหินได้หินในมือก็ถูกเตะกระเด็นไปเสียก่อน เพียะ! ฝ่ามือตบเข้าที่หน้านางเต็มแรงจนสมองมึนงงไปหมด
พวกที่อยู่นอกเพิงพักได้ยินเสียงอึกทึกด้านในก็หัวเราะลั่น
พอเสียงเงียบไป คนข้างนอกจึงคิดว่าเรื่องสำเร็จแล้วจึงสลายตัวไป บ้างก็ดื่มเหล้า บ้างก็เล่นพนัน
ขณะที่ภายในเพิงพัก ชายคนนั้นรู้สึกได้ถึงคมดาบเย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำคอ เขาพลันกลั้นหายใจในทันที