ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 119 สร้างเพิงม้า
ตอนที่ 119 สร้างเพิงม้า
ฉินเหยาออกทางประตูหลังเอ่ยทักทายหลิวไป่กับหลิวจ้ง บอกพวกเขาว่าหากมีอะไรต้องการก็ให้เรียกนาง
สองพี่น้องโบกมือ ยุ่งจนไม่มีเวลาจะตอบกลับนาง
ฉินเหยายักไหล่ยิ้มให้ต้าหลางกับเอ้อร์หลาง บอกพวกเขาว่าหากมีเรื่องอะไรให้เรียกนาง จากนั้นจึงหันกลับเข้าห้องครัว ถามซานหลางกับซื่อเหนียงว่ากินข้าวแล้วหรือยัง
“ท่านแม่ พวกข้ากินกันหมดแล้ว พี่ใหญ่บอกว่าอาหารที่อยู่ในหม้อเป็นของท่านหมดเลย”
ซื่อเหนียงหลับตา ท่องจนเข้าสู่ภวังค์ ศีรษะผงกขึ้นลงเล็กน้อย
ฉินเหยาส่งสัญญาณให้ซานหลางคอยดูแลนาง ระวังอย่าให้ตกจากเก้าอี้
ซานหลางมองน้องสาวอย่างขัดใจ ก่อนจะจิ้มพุงน้อยๆ ของนางเบาๆ ซื่อเหนียงลืมตาขึ้นแล้วนั่งตัวตรงตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็ท่องกลอนเสียงดังว่า
“ท่านให้มะละกอข้า ข้าตอบแทนด้วยหยกงาม มิใช่การตอบแทน แต่เพื่อผูกสัมพันธ์อันดีชั่วนิรันดร์…”
ฉินเหยาถือหม้อทั้งใบพร้อมไก่ย่างที่เหลือจากเมื่อคืนนั่งฟังเสียงเด็กๆ ท่องกลอนพลางกินข้าวไปด้วย
เมื่อกินเสร็จ เสียงอ่านกลอนในบ้านก็เงียบลง การอ่านหนังสือยามเช้าสิ้นสุดลงแล้ว ฝาแฝดที่อัดอั้นมานานหยิบกรงไม้ไผ่ใบเล็กที่ใช้ใส่ตั๊กแตนกับจิ้งหรีดแล้ววิ่งไปยังลานรกร้างหลังบ้านเพื่อจับแมลงไปเลี้ยงไก่พร้อมทั้งแวะไปให้หญ้าอ่อนเหล่าหวงของพวกเขา
ฉินเหยากำชับไว้ว่าห้ามเข้าใกล้ม้ามากเกินไปเพราะเกรงว่าจะโดนมันเตะจนกระเด็น คู่แฝดจึงยืนอยู่ห่างๆ แล้วใช้ไม้ไผ่เขี่ยหญ้าอ่อนที่ถอนมาไปให้มัน
พอมองดูม้าเคี้ยวหญ้าตุ่ยๆ สองพี่น้องก็หัวเราะคิกคักด้วยความพอใจ
ฉินเหยาหยิบจอบขึ้นมาถางวัชพืชในแปลงผักเล็กๆ หลังบ้านพลางมองดูผักกาด พริก มะเขือและบวบที่ปลูกไว้ เนื่องจากดูแลไม่ดีนัก ผลที่ออกมาจึงดูแปลกประหลาดไปหมด
แต่อย่างไรก็กินได้ ไม่ได้ส่งผลต่อรสชาติ
พริกนั่นเดิมควรจะออกเป็นแท่งยาวเรียวตรง ก็ไม่รู้ว่านางจางให้เมล็ดพันธุ์มาผิดพลาดหรืออย่างไร ปลูกออกมาแล้วกลับโค้งงอไปหมด
แน่นอนว่าไม่ได้ส่งผลต่อรสชาติ ทั้งยังเผ็ดมากเสียด้วย
ฉินเหยาถางหญ้าเสร็จแล้วก็เด็ดมะเขือกับบวบที่ดูเข้าท่ากลับบ้าน เริ่มเตรียมมื้อเที่ยง
หลิวไป่กับหลิวจ้งสร้างโครงเพิงเสร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ตอนบ่ายจะไปเก็บใบกกริมแม่น้ำมาสานเป็นหลังคามุงไว้ก็น่าจะพอได้
พอถึงฤดูหนาว ฉินเหยาค่อยใช้เสื่อฟางมาล้อมรอบเพิงไว้เพื่อกันหนาวก็ไม่น่ามีปัญหา
แน่นอนว่าหากตอกไม้กระดานเพิ่มก็จะทำให้มั่นคงขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่ว่าทั้งยุ่งยากและเปลืองเงิน ก็ต้องดูว่าฉินเหยาจะเลือกอย่างไร
อย่างไรเสีย โครงสร้างก็ทำไว้แล้ว หากคิดจะปรับเปลี่ยนก็ทำได้ง่าย
ฉินเหยาชวนทั้งสองคนกินข้าวที่บ้าน หลิวไป่กับหลิวจ้งอยากทำให้เสร็จเร็วหน่อย การกินข้าวที่นี่ก็ช่วยประหยัดเวลาจึงตอบตกลง
ตอนเที่ยงแดดแรง ยังห่างจากเวลากินข้าวอยู่ช่วงหนึ่ง หลิวจ้งจึงลากท่อนไม้กลมยาวกว่าหนึ่งเมตรมา นั่งที่ธรณีประตูหลังบ้าน แกะออกเป็นรางอาหาร
ฉินเหยาออกมาเรียกพวกเขาเข้าบ้านกินข้าว พอเห็นท่อนไม้ขนาดใหญ่นั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ไม้ดีเพียงนี้จะทำเป็นรางอาหารม้าหรือ”
หลิวจ้งตอบอย่างเก้อเขิน “ท่านพ่อสั่งไว้น่ะ อย่างไรเสียวางทิ้งไว้ที่บ้านก็ไม่ได้ใช้ สู้เอามาแกะเป็นรางอาหารให้ม้าดีกว่า ขนาดก็พอดีด้วย”
ก็พอดีจริง แต่ไม้คุณภาพดีขนาดนี้คงมีราคาพอสมควร
ฉินเหยาคิดจะจ่ายเงินคืนให้พวกเขา หลิวไป่มองเจตนาของนางออกยิ่งรู้สึกเก้อเขินกว่าเดิม รีบพูดว่า
“น้องสะใภ้ เจ้าอย่าคิดจะจ่ายเงินคืนพวกข้าเลย เนื้อชิ้นใหญ่เมื่อคืนนี้ก็ไม่รู้ซื้อไม้ได้กี่ท่อนแล้ว”
ฉินเหยาเองก็ไม่มากความ รับน้ำใจของพวกเขาไว้แล้วยิ้มบางๆ “ตกลง เช่นนั้นก็เอาตามนี้ล่ะ”
หลิวไป่กับหลิวจ้งพยักหน้าด้วยความยินดี “อื้อ!”
“เอาล่ะ ไปล้างมือแล้วมากินข้าวเที่ยงกันเถอะ ฝีมือทำอาหารของข้าธรรมดามาก พวกท่านก็อย่าคาดหวังมากนักนะ” ฉินเหยาเอ่ยเตือนไว้ก่อนล่วงหน้า พวกเขาจะได้ไม่คาดหวังกับอาหารมื้อนี้มากเกินไป
หลิวไป่กับหลิวจ้งเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเห็นหม้อตุ๋นเละๆ สีออกเขียวปนม่วง ม่วงปนเขียวบนโต๊ะอาหารก็ยังตกใจอยู่ดี
สองพี่น้องมองหน้ากัน คงไม่มีพิษหรอกนะ
ฉินเหยาเร่งต้าหลางกับพี่น้องทั้งสี่ให้เข้าไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นนางจึงนั่งลงเป็นคนสุดท้าย หยิบตะเกียบขึ้นมา ตักกับข้าวขึ้นกินหนึ่งคำพลางพูดว่า “ก็พอใช้ได้ มีเกลือ”
“พวกเจ้ากินสิ อย่าเกรงใจ ข้าหุงข้าวไว้เยอะมาก กินกันได้เต็มที่เลย” ฉินเหยาเรียกให้ทุกคนกิน
นางคิดว่าทุกคนล้วนสนิทสนมกันดีแล้ว หลังพูดจบก็เริ่มตักข้าวกินเอง ไม่ได้สนใจหลิวไป่กับหลิวจ้ง
ต้าหลางกับพี่น้องดูเหมือนจะชินกับเรื่องนี้แล้ว ซื่อเหนียงที่ปากหวานราวกับทาน้ำผึ้งกินผักตุ๋นสีเขียวปนม่วงเข้าไปคำหนึ่งก็ร้อง “โอ้โห!” พลางมองฉินเหยาแล้วพูดว่า “ท่านแม่ นี่มะเขือ”
ฉินเหยาเคี้ยวข้าวพลางพยักหน้า ส่งสายตานัยชื่นชมว่า ‘ฉลาดมาก’ ไปให้นาง เด็กหญิงตัวน้อยดีใจจนแกว่งเท้าเล็กๆ ใต้โต๊ะไปมา
เอ้อร์หลางหลับตากลืนอาหารที่ท่านแม่ทำลงไป ในใจตำหนิตัวเองที่เริ่มเรื่องมากเกินไป เมื่อก่อนเขายังกลืนข้าวปนรำได้แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเริ่มคิดถึงชีวิตในบ้านที่มีท่านพ่ออยู่ด้วย
ต้าหลางเห็นว่าลุงใหญ่กับลุงรองยังไม่ขยับตะเกียบจึงอธิบายเป็นพิเศษว่า “ทั้งหมดนี้เป็นมะเขือกับบวบที่ปลูกเองที่บ้านขอรับ”
ดังนั้นพวกท่านกินได้อย่างสบายใจ ไม่มีพิษแน่นอน เขาสาบาน!
การทำอาหารของแม่เลี้ยงนั้นจริงๆ แล้วไม่มีแนวคิดเรื่องสีสัน กลิ่น หรือรสชาติครบถ้วนแต่อย่างใด แน่นอนว่าบางครั้งอาจมี แต่จนใจเพราะฝีมือจำกัด
แต่นางมั่นใจว่าอย่างน้อยอาหารก็สุกแน่นอน เพราะอุณหภูมิสูงสามารถฆ่าเชื้อโรคได้
ดังนั้น เรื่องที่กินเข้าไปแล้วไม่ท้องเสีย ต้าหลางสามารถตบอกรับรองให้ลุงใหญ่กับลุงรองได้
เห็นหลานชายยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ หลิวไป่กับหลิวจ้งจึงลองตักอาหารคำแรก
อืม… มีเกลือจริงๆ
แล้วก็… แค่นั้นแหละ
ฉินเหยากินข้าวเปล่าสามชามติดกันจนเต็มอิ่ม วันนี้ไม่ได้ออกแรงมากนัก ไขมันและน้ำมันก็มีเพียงพอแล้วจึงกินอาหารจานหลักได้น้อยลง
นางวางชามตะเกียบลง เงยหน้าขึ้นเห็นหลิวไป่กับหลิวจ้งกินแต่ข้าวเปล่าเลยถามอย่างประดักประเดิดว่า
“กับข้าวไม่อร่อยหรือ”
ทั้งสองส่ายหน้า พยายามรักษาน้ำใจด้วยการตักกับข้าวกันมาคนละคำใหญ่
แต่พอตกเย็น ฉินเหยาชวนทั้งสองคนให้อยู่กินข้าวด้วยกัน พวกเขากลับไม่ยอม จะอย่างไรก็ไม่อยู่ บอกว่าเกรงใจ ไม่อยากให้นางต้องเสียเงินเพิ่มแล้วรีบหนีออกจากบ้านไปราวกับหนีตาย
ฉินเหยาเลิกคิ้วพลางจุปากแล้วหันกลับไปมองลูกๆ ทั้งสี่ที่ยืนเรียงกันเหมือนถังหูลู่สี่ไม้อย่างจนใจ
พวกเขากล่าวกับนางอย่างจริงจังว่า “พวกข้าชอบอาหารที่ท่านแม่ทำที่สุดเลย”
ฉินเหยาหัวเราะออกมา โบกมือเอ่ย “ไปกันเถอะ! พวกเราย้ายบ้านให้เหล่าหวงกัน!”
เด็กทั้งสี่ได้ยินดังนั้นก็ร้องลั่นอย่างตื่นเต้นแล้ววิ่งไปทางหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
เอ้อร์หลางกับซานหลางเมื่อวานยังไม่ได้ขี่ม้า วันนี้จึงโวยวายอยากขี่บ้าง ฉินเหยาจึงตามใจ อุ้มพวกเขาสองคนขึ้นหลังม้าแล้วจูงม้าพาพวกเขาเดินจากเขาหลังบ้านไปยังคอกม้า ทั้งสองคนยังคงรู้สึกว่ายังไม่จุใจ
แต่เพราะไม่มีอานม้า การขี่ม้าจึงไม่ค่อยสบายนัก ทั้งสองจึงยอมให้ฉินเหยาช่วยอุ้มลงจากม้าอย่างว่าง่าย
เหล่าหวงกินหญ้าบนเขาหลังบ้านจนอิ่มแล้ว แม่ลูกทั้งห้าจึงเพียงแค่ให้มันดื่มน้ำ จากนั้นก็จูงไปที่ริมแม่น้ำ ล้างตัวทำความสะอาดให้มันจนเกลี้ยงเกลาแล้วพาเข้าบ้านใหม่
ฉินเหยาค้นเอาผงยาที่ซื้อมาจากสัตวแพทย์ในเมืองมาทาตรงจุดที่ขนร่วงของเหล่าหวง พอจัดการเสร็จ ก็ปัดมือแล้วเดินเข้าบ้านไปล้างมือแล้วเริ่มกินมื้อเย็น
กับข้าวที่ตุ๋นเมื่อตอนเที่ยงยังกินไม่หมด มื้อเย็นจึงกินพร้อมข้าวต้มขาวกับเนื้อรมควัน ถือว่าเป็นการกินมื้อเย็นอย่างง่ายๆ
พระอาทิตย์ตกช้า หลังกินข้าวเย็นเสร็จแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดสนิท ฉินเหยาคิดว่าควรไปบ้านช่างไม้หลิวสักหน่อย พรุ่งนี้พวกเขาต้องไปติดตั้งกังหันน้ำให้ลูกค้าจึงต้องตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดกันล่วงหน้า
นางถามต้าหลางกับพวกว่าสนใจจะไปเล่นที่บ่อน้ำในหมู่บ้านหรือไม่ เด็กทั้งสี่รีบหยิบลูกชู่จวีที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ววิ่งตามนางออกไปอย่างกระตือรือร้น