ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 120 เครื่องโม่น้ำขนาดจิ๋ว
- Home
- ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว
- ตอนที่ 120 เครื่องโม่น้ำขนาดจิ๋ว
ตอนที่ 120 เครื่องโม่น้ำขนาดจิ๋ว
ฉินเหยาส่งพี่น้องทั้งสี่ไปยังบ่อน้ำในหมู่บ้าน ที่นี่คึกคักมากทีเดียว
ช่วงบ่ายแก่ๆ ขุนนางจากที่ว่าการอำเภอเดินทางมาแจ้งข่าวดีซึ่งก็เป็นไปตามที่นางบอกไว้เมื่อวานว่าโจรภูเขาทั้งหมดถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว
ขุนนางเดินทางมาอย่างรีบเร่งและจากไปอย่างรีบเร่งเช่นกัน ทว่าชาวบ้านกลับจับกลุ่มถกเถียงกันเรื่องนี้อยู่นาน
ตอนนี้แต่ละบ้านกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ยังมารวมตัวกันคุยถึงเรื่องนี้อยู่
เพราะตอนที่ขุนนางมายังแวะไปหาฉินเหยาถึงบ้านเพื่อทักทายนางเป็นพิเศษ ตอนนี้ชาวบ้านจึงรู้สึกว่าหมู่บ้านของตนมีเกียรติขึ้นมา
หมู่บ้านของพวกเขามีวีรบุรุษปราบโจร ขุนนางจากที่ว่าการยังต้องมาทักทายนางเป็นการเฉพาะ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่ตอนนี้ชาวบ้านกำลังปรึกษากันว่าควรมอบป้ายเกียรติยศให้ฉินเหยาหรือไม่
โชคดีที่ฉินเหยาส่งลูกๆ มาที่บ่อน้ำก่อนเลยได้ยินเข้าพอดี นางรีบห้ามเอาไว้ ไม่อย่างนั้นนางคงเขินตายแน่
การเป็นจุดสนใจก็ต้องมีขอบเขต ให้คนชมเชยบ้าง เวลาเจอกันก็ทักทายกันอย่างสุภาพก็พอ
มอบป้ายเกียรติยศหรือ
หัวหน้าตระกูลในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านเองยังไม่เคยได้รับป้ายเกียรติยศเลยนะ
เช่นนี้แหละดีแล้ว ผู้คนยังพากันชมว่านางเป็นคนถ่อมตัว ไม่แสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์
ฉินเหยาไม่ชอบเป็นเจ้าใหญ่นายโตในเงามืด สิ่งที่นางสมควรได้ ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ก็อย่าได้มีใครคิดมาแย่งไป
ยิ่งไม่ยอมให้คนอื่นมาแอบอ้างเป็นผลงานของตัวเอง เพียงเพราะนางอยากอยู่อย่างสงบไม่อยากเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชนแล้วให้คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์
หากต้องการสวมมงกุฎก็ต้องแบกรับน้ำหนักของมันให้ได้ซึ่งคอของนางแข็งแรง รับไหว!
หลิวเหล่าฮั่นตอนนี้รู้สึกว่าฉินเหยาเป็นหน้าเป็นตาให้กับสกุลหลิวของเขาอย่างยิ่ง ขณะกินข้าวเย็นยังทอดถอนใจพูดกับนางจางว่า
“ชาติก่อนเจ้าสามต้องทำบุญมาดีแน่ๆ ถึงได้สมบัติค้ำตระกูลผู้นี้มา!”
นางจางตอบรับติดๆ กัน แต่ในใจคิดต่างจากหลิวเหล่าฮั่น
นางกลับคิดว่าฉินเหยาสร้างเกียรติให้พวกนางที่เป็นสตรีต่างหาก!
ดูเมียเจ้าใหญ่เจ้ารองสิ ตอนนี้ยามเดินหลังก็ยืดตรงกว่าเดิมไม่น้อย
ทางฝั่งฉินเหยา ตอนที่นางไปถึงบ้านช่างไม้หลิว ครอบครัวของพวกเขากำลังกินข้าวเย็นกันอยู่ พวกเขารีบเชิญให้นางไปร่วมโต๊ะด้วยทันที
ฉินเหยาโบกมือบอกว่าตนกินมาแล้ว ให้พวกเขาไม่ต้องกังวล ช่างไม้หลิวจึงยกถ้วยข้าวขึ้นมา กินไปพลางเดินนำทางพานางไปดูกังหันน้ำที่ต้องส่งมอบให้ลูกค้าในวันพรุ่งนี้ไปพลาง
เป็นกังหันน้ำที่มีขนาดเล็กกว่ากังหันน้ำขนาดเล็กเล็กน้อย บ้านหลังนั้นไม่ได้อยู่ใกล้แม่น้ำ แต่หลังบ้านมีน้ำพุจากภูเขาไหลลงมาตลอดทั้งปี พวกเขาต่อท่อไม้ไผ่เพื่อนำน้ำมาใช้โดยตรง
เดิมทีพวกเขาไม่คิดว่าจะติดตั้งกังหันน้ำได้ แต่พอฉินเหยาไปตรวจดูด้วยตนเองแล้วก็พบว่าสามารถติดตั้งได้
ติดตั้งกังหันน้ำแบบขนาดจิ๋ว กำลังจะไม่มากเท่าโรงโม่ปกติ ปริมาณธัญพืชที่บดได้ก็น้อยกว่า แต่สำหรับใช้ในครัวเรือนก็เพียงพอแล้ว
เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งซื้อขนาดจิ๋วชิ้นแรก ฉินเหยากับช่างไม้หลิวจึงใส่ใจเป็นพิเศษ
หากประสบความสำเร็จก็จะเปิดตลาดได้กว้างขึ้น ทำให้โรงโม่น้ำเข้าถึงบ้านเรือนทั่วไป
เช่น หมู่บ้านที่มีน้ำตกเล็กๆ หรือน้ำพุจากภูเขาตามธรรมชาติก็สามารถติดตั้งโรงโม่ได้โดยไม่ต้องอาศัยแม่น้ำใหญ่
การทำกังหันขนาดจิ๋วอาจช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดเรื่องภูมิประเทศและสภาพแหล่งน้ำบางแห่งได้
“พรุ่งนี้จะไปติดตั้งแค่บ้านนี้ใช่หรือไม่” ฉินเหยาถาม
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานางไม่อยู่จึงไม่ค่อยรู้ว่าตารางงานจัดไว้เช่นไร
ช่างไม้หลิวพยักหน้า “บ้านที่ติดตั้งแบบขนาดจิ๋วอยู่ไกล พรุ่งนี้คงไปได้แค่บ้านเดียว ที่เหลืออีกสองบ้านไปวันมะรืนพร้อมกัน เพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน พอดีช่วงเช้าหนึ่งบ้านช่วงบ่ายอีกบ้าน”
ฉินเหยาพูดว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราขี่ม้าไป ข้าจะไปขอยืมรถลากจากผู้ใหญ่บ้านมาจะได้สะดวกขึ้น”
ช่างไม้หลิวพยักหน้า ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย ฉินเหยาหยิบสมุดบัญชีติดตัวกลับบ้าน หลังจากตรวจสอบบัญชีเสร็จ นางก็เข้านอนแต่หัวค่ำ
เนื่องจากเส้นทางไกล ทั้งสองจึงออกเดินทางตั้งแต่ยามสี่
ตอนที่ฉินเหยาออกเดินทาง เด็กทั้งสี่ยังหลับสนิท นางจึงเขียนข้อความทิ้งไว้ใต้ถ้วยบนโต๊ะอาหารกลางเรือน บอกพวกเขาว่าตนจะกลับมาในช่วงค่ำ
รถลากของเกวียนวัวเมื่อนำมาใช้กับม้าก็ไม่ค่อยเข้ากันนัก เพราะโครงเตี้ยกว่ามาก แต่ความเร็วม้ากลับเร็วกว่าเกวียนวัวถึงเท่าตัว
ทั้งที่ต้องลากคนสองคนกับหินโม่ที่หนักอึ้ง แต่ม้าก็ยังวิ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเหยาฟังเสียงล้อรถใต้ร่างที่หมุนเสียงดัง ก้อนเนื้อในอกก็แทบหยุดเต้น กลัวว่ารถลากของผู้ใหญ่บ้านจะแยกส่วนออกจากกัน
ดังนั้นเมื่อถึงทางเล็กที่เดินลำบาก นางจึงชะลอความเร็วของรถม้าลง
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ไปถึงบ้านลูกค้าก็เป็นเวลาราวสิบโมงเช้า
หากเดินด้วยเท้า ตอนเที่ยงอาจจะยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
ที่ที่อยู่ห่างไกลเช่นนี้กลับรู้จักโรงโม่น้ำของหมู่บ้านตระกูลหลิว นี่ทำให้ฉินเหยารู้สึกประหลาดใจมาก ภายหลังจึงได้รู้ว่า เดิมทีมีหญิงสาวจากหมู่บ้านตระกูลหลิวแต่งงานออกมาอยู่ที่นี่ ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านก็ได้นำข่าวเรื่องโรงโม่กลับมาด้วย
บ้านที่ยอมจ่ายเงินติดตั้งโรงโม่น้ำ มักเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะในหมู่บ้าน บ้านหลังนี้เองก็เช่นกัน ลานบ้านกว้างขวาง ประตูหน้าเองก็ใหญ่โต เมื่อถอดธรณีประตูออก รถม้าก็สามารถแล่นเข้าไปได้โดยตรง
บ้านนี้ต่อท่อนำน้ำพุจากภูเขาเข้ามาในบ้าน ทั้งยังขุดสระน้ำขนาดใหญ่ ในสระปลูกดอกบัวไว้ ตอนนี้ดอกบัวส่วนใหญ่บานไปหมดแล้ว เหลือเพียงสองสามดอกที่บานช้ากว่าชูช่อสง่างามอยู่ท่ามกลางใบบัว
ตอนที่ฉินเหยามาถึงที่นี่ครั้งแรกก็รู้สึกอิจฉาลานบ้านกว้างขวางของครอบครัวนี้เป็นพิเศษ
น่าเสียดายที่ทำเลบ้านของพวกนางมีพื้นที่ราบเพียงนิดเดียว ขุดสระไม่ได้ ทำได้แค่ปลูกผักเล็กๆ น้อยๆ
บริเวณที่ติดตั้งโรงโม่นั้น เจ้าของบ้านเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว อยู่ตรงมุมสระน้ำที่ซึ่งน้ำพุจากภูเขาไหลลงมา
ปริมาณน้ำพุจากภูเขาค่อนข้างมาก ฉินเหยาทดสอบดูแล้ว กังหันน้ำสามารถหมุนได้ไม่มีปัญหา
ในส่วนของขั้นตอนการติดตั้ง ฉินเหยากับช่างไม้หลิวคุ้นเคยจนชำนาญ พอทั้งสองร่วมมือกันก็สามารถติดตั้งเสร็จภายในครึ่งชั่วยาม
พอขอข้าวเปลือกจากเจ้าของบ้านมาทดสอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจทีเดียว
โรงโม่น้ำปกติสามารถบดข้าวได้หนึ่งหาบต่อหนึ่งชั่วโมง ส่วนโรงโม่ขนาดจิ๋วใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ช่างไม้หลิวเคยวัดขนาดตะกร้าของเจ้าของบ้านมาก่อนหน้านี้ พบว่ามีขนาดพอๆ กับตะกร้าที่ชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวใช้กัน ดังนั้นผลลัพธ์ที่ฉินเหยาคำนวณจึงน่าเชื่อถือ
ฉินเหยายังให้เจ้าของบ้านทดลองใช้ด้วยตัวเอง เจ้าของบ้านรู้สึกพอใจไม่น้อยเพราะเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ และที่สำคัญคือไม่ต้องเหนื่อย
อีกไม่กี่วันก็จะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว พอดีกับการนำไปใช้งาน ความพอใจจึงฉายชัดบนใบหน้ายิ้มแย้ม
“หากไม่มีปัญหา เช่นนั้นเรามาชำระเงินส่วนที่เหลือกันเถอะ” ฉินเหยากล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
เจ้าของบ้านยิ้มแล้วเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบเงิน
ราคาทั้งหมดสามตำลึง วางเงินมัดจำไว้หนึ่งในสาม ส่วนที่เหลือคือสองตำลึง
ช่างไม้หลิวเตรียมตราชั่งเล็กมาด้วยจึงชั่งน้ำหนักเงินให้เรียบร้อย ฉินเหยามอบใบรับเงินให้เจ้าของบ้าน เงินและสินค้าส่งมอบครบถ้วน
ตอนที่ฉินเหยากับช่างไม้หลิวขับรถม้าออกจากบ้านลูกค้าก็เห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่พากันเดินเข้าไปในบ้านลูกค้าผู้นั้น พวกเขาต่างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโรงโม่น้ำมาก
ทั้งสองสบตากัน ไม่เกินความคาดหมายนัก อีกไม่นานต้องมีคำสั่งซื้อใหม่แน่
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากฉินเหยากับช่างไม้หลิวติดตั้งโรงโม่ขนาดเล็กสองชุดสุดท้ายเสร็จ เพียงวันเดียวก็มีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้านตระกูลหลิว
ผู้มาใหม่เงยหน้ามองรอบๆ ไม่รู้จุดหมายแน่ชัดจึงต้องหยุดถามชาวบ้านแถวนั้นว่า “บ้านของฉินเหนียงจื่อที่ทำโรงโม่น้ำอยู่ที่ไหนหรือ”
จินฮวาหูไวมาก ยังไม่รอให้ชาวบ้านได้ตอบ นางก็รีบวิ่งพรวดเข้ามาพร้อมตะโกนว่า
“ข้ารู้! ข้าจะพาท่านไปเอง!”
แต่น่าเสียดาย คนผู้นั้นไม่เชื่อเด็กตัวเล็กๆ เช่นนาง เขาโบกมือไล่ “เด็กน้อย ไปเล่นที่อื่นไป อย่ามาก่อกวน”
แล้วจึงหันไปรอคำตอบจากชาวบ้านตระกูลหลิวแทน
ชาวบ้านคนนั้นหัวเราะพลางชี้ไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก “นั่นคือหลานสาวของฉินเหนียงจื่อ ท่านไปกับนางก็รู้เอง ข้ายังต้องลงนา ดูว่าน้ำระบายแห้งหรือยัง อีกสองวันก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว…”
ผู้มาใหม่รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อยทันที
โชคดีที่จินฮวาไม่ถือสา นางยิ้มกว้างและโบกมือส่งสัญญาณให้เขาตามมา
ในใจนางก็คาดหวังไปด้วยว่า วันนี้อาสะใภ้สามจะให้อะไรอร่อยๆ นางกินบ้างนะ