ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 123 เครื่องดื่มพร้อม
ตอนที่ 123 เครื่องดื่มพร้อม
มีม้าแล้วก็ต่างกันจริงๆ จากหมู่บ้านตระกูลหลิวไปถึงตัวอำเภอ ไม่ต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด ทั้งยังไม่ต้องจุดคบเพลิงนำทางอีกต่อไป
ฉินเหยากินข้าวเช้าเสร็จแล้วออกเดินทาง ขี่ม้าเร็วเพียงหนึ่งชั่วยามก็เห็นประตูเมืองแล้ว
หลังจ่ายค่าผ่านประตูเมืองกับค่าฝากม้าเสร็จแล้วปล่อยม้าไว้ที่ลานพักรถหน้าประตูเมือง ฉินเหยามองฟ้า เห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยงพอดีจึงตรงไปที่สำนักศึกษาหาหลิวจี้
ในสายตาหลิวจี้นั้นห่างจากช่วงเวลาที่ทั้งสองแยกกันคราวก่อนไม่มากนัก คิดไม่ถึงว่าฉินเหยาจะมาอีก
เขาไม่ได้อยู่ที่สำนักศึกษา ฉินเหยารออยู่ที่ประตูหลังของสำนักศึกษาพักใหญ่จึงเห็นกลุ่มคนเดินกลับมาด้วยกัน เสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย
มีคนเดินนำอยู่ด้านหน้าสองคน คนหนึ่งอายุยี่สิบต้นๆ อีกคนราวสามสิบ ทั้งคู่มีเด็กช่วยถือหนังสือติดตาม
และต้นเหตุของเสียงหัวเราะทั้งสองก็คือ…หลิวจี้
เขายังคงสวมชุดขาวตัวเดิมตั้งแต่ตอนออกจากบ้าน แต่เห็นได้ชัดว่าซักมาแล้วครั้งหนึ่ง สีจึงซีดลงไปบ้าง ยังดีที่มีใบหน้าหล่อเหลาช่วยประคองไว้ ไม่ให้ดูซอมซ่อมากนักเมื่อยืนข้างสองคนที่สวมเสื้อผ้าปักลวดลายหรูหรา
ปากของหลิวจี้นั้น ตราบใดที่ไม่ได้พูดกับคนในบ้าน สำหรับคนนอกแล้วถือเป็นคำพูดที่น่าฟังยิ่ง
ราวกับมีสัมผัสอะไรบางอย่างได้ หลิวจี้จึงเผลอเหลือบมองไปแล้วสบตาเข้ากับฉินเหยาที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง
เขาถึงกับหายใจสะดุด
รีบส่งสองซิ่วไฉเข้าไปในสำนักศึกษาก่อนแล้วลอบออกมาทางประตูหลัง เดินมาหาฉินเหยาแล้วถามด้วยความตื่นตระหนก
“เมียจ๋า… เจ้ามาทำอะไรหรือ”
ในใจแอบโล่งอกที่เมื่อครู่เพิ่งไล่นางบรรเลงผีผาที่ตามสองซิ่วไฉกลับจากโรงเตี๊ยมออกไปได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้น… เฮ้อ… หลิวจี้จินตนาการภาพจุดจบอันน่าสยดสยองของตนเองออกเลย
ฉินเหยามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นชาดจางๆ โชยมาแตะจมูก นางยกมือขึ้นโบกไปมาแล้วกอดอก หัวเราะอย่างเย็นชา
นางยังไม่ทันถาม หลิวจี้ก็รีบสารภาพออกมาก่อน “เมียจ๋า เจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ! ข้าสาบาน ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเจ้าเลย เรื่องพวกนี้เป็นเพียงการเข้าสังคมเท่านั้น เจ้าไม่รู้หรอกว่าซิ่วไฉสองคนนั้นปากแข็งแค่ไหน ข้าทั้งอ่อนก็แล้ว แข็งก็แล้ว กว่าจะยอมให้ข้าคัดลอกคำตอบข้อสอบเก่า!”
หากต้องการหัวข้อข้อสอบเก่าของการสอบคัดเลือกขุนนางนั้นไม่ใช่เรื่องยาก อาจารย์ที่สำนักศึกษาต่างเก็บรวบรวมเอาไว้ แต่ว่าสิ่งที่ยากคือคำตอบ โดยเฉพาะคำตอบของพวกซิ่วไฉที่สอบผ่านแล้ว
กระดาษคำตอบนั้นไม่อาจเปิดเผยออกไปได้ มีเพียงขุนนางฝ่ายตรวจข้อสอบเท่านั้นที่รู้ว่ามีคำตอบอย่างไร
ฉินเหยามองดูเขาที่ตื่นตระหนกแล้วหัวเราะเบาๆ “เจ้าจะกลัวอะไร ข้าไม่ได้จะตีเจ้าเสียหน่อย”
หลิวจี้ “…” แต่เจ้าเคยคิดจะทำแน่ๆ!
“เจ้าช่วยข้าสอบถามเรื่องหนึ่ง” ฉินเหยากวักมือเรียกหลิวจี้ให้มาใกล้ๆ จากนั้นสั่งให้เขาไปถามเพื่อนร่วมสำนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่องโรงงานผลิต
หลิวจี้ได้ฟังถึงกับตกตะลึง “เจ้าไปถึงขั้นจะสร้างโรงงานแล้วหรือ”
ฉินเหยาพยักหน้า ไม่อยากเสียเวลาฟังเขาถามซ้ำซาก นางพยักเพยิดไปทางสำนักศึกษา “รีบไป ข้าจะรออยู่ที่นี่”
ต้องสอบถามให้แน่ชัดเจนก่อน นางถึงจะตัดสินใจได้ว่าต้องไปแจ้งต่อทางการหรือไม่
เพื่อความแน่ใจ ฉินเหยาตัดสินใจไปถามเถ้าแก่ฟ่านที่โรงเตี๊ยมด้วยอีกทาง
หลังจากมองดูหลิวจี้เดินเข้าไปในสำนักศึกษา ฉินเหยาก็หมุร่างมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยม
“เจ้ามาอีกแล้วรึ! มีม้าแล้วไม่เหมือนเดิมจริงๆ!” เถ้าแก่ฟ่านที่กำลังยุ่งโบกมือให้ไปนั่งรอที่ลานหลังโรงเตี๊ยม
เป็นช่วงเวลาที่โรงเตี๊ยมกำลังวุ่นวายพอดี ฉินเหยานั่งรออยู่พักใหญ่กว่าเถ้าแก่ฟ่านจะมีเวลามาหานาง
เวลานั้นมีไม่มาก ฉินเหยาจึงไม่อ้อมค้อมถามออกไปตรงๆ ว่าคนทั่วไปหากต้องการสร้างโรงงานผลิตขนาดเล็กจำเป็นต้องแจ้งต่อทางการและเสียภาษีการค้าหรือไม่
“เจ้ามาถามข้าก็ถือว่าถามถูกคนแล้วล่ะ!”
เถ้าแก่ฟ่านหัวเราะเสียงดังแล้วกล่าวว่า “กฎหมายใหม่ในราชวงศ์นี้ผ่อนปรนให้พ่อค้าแม่ค้ามากขึ้น โรงงานขนาดเล็กแบบเจ้าที่ว่าไม่ต้องแจ้งทางการ เพียงแค่ไปแจ้งกับหลี่เจิ้งเพื่อให้เขารับรองว่าไม่มีการทำผิดกฎหมายก็พอ”
“ง่ายเพียงนี้เลยหรือ” ฉินเหยารู้สึกมึนงงไปชั่วครู่
เถ้าแก่ฟ่านพยักหน้า “บ้านเมืองมีสงครามมานานหลายปี ตอนนี้แคว้นเซิ่งต้องการฟื้นฟูมากที่สุด”
หากต้องการให้ประชาชนกลับมาคึกคัก สิ่งแรกที่ต้องทำคือผ่อนปรนข้อจำกัดของพ่อค้าและพ่อค้าแม่ค้า
ขณะนี้ฝ่ายปกครองส่งเสริมให้พ่อค้าทำการค้าจึงมีการยกเลิกข้อจำกัดอันเข้มงวดของราชวงศ์ก่อนหน้าตอนนี้จึงเปิดกว้างเป็นอย่างมาก
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อำเภอไคหยางเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยมีบทบาทสำคัญอย่างมาก
หลังจากได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเถ้าแก่ฟ่าน เมื่อเดินมาถึงสำนักศึกษา ฉินเหยาก็มั่นใจขึ้นมาก
หลิวจี้แอบออกมาทางประตูหลังแล้วบอกข่าวที่ได้ซึ่งผลลัพธ์ก็แทบไม่ต่างกันนัก
แต่ยังมีข้อกำหนดที่ชัดเจนเพิ่มเติม คือ หากเป็นกิจการขนาดเล็กที่มีจำนวนคนไม่เกินยี่สิบคนและมีกำไรต่อปีไม่เกินห้าร้อยตำลึง ทางการจะยกเว้นภาษีให้
แต่เป็นเพียงการยกเว้นชั่วคราว ไม่ได้ระบุว่าทางการจะเก็บภาษีอีกครั้งเมื่อใด
“เมียจ๋า เจ้าจะสร้างโรงงานกังหันน้ำจริงๆ หรือ” หลิวจี้ถามอย่างตื่นเต้น
ฉินเหยารู้ว่าเขาตื่นเต้นเรื่องอะไร อีกไม่นานก็คงคิดกลับบ้านไปเกาะนางกินตามเดิม
นางเตือนเสียงเย็น “เพราะข้าจะสร้างโรงงาน เจ้าถึงต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้น รีบสอบให้ผ่าน จะได้คุ้มครองกิจการของพวกเราได้”
“เข้าใจแล้วๆ” หลิวจี้เลิกคิ้วขึ้น นางพูดว่าของพวกเราเช่นนั้นแปลว่ากิจการนี้มีส่วนของเขาด้วย!
ถึงเวลาเข้าเรียนตอนบ่ายแล้ว หลิวจี้เห็นว่าฉินเหยาสอบถามเรื่องที่ต้องการได้ครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปจึงเพิ่งสังเกตอะไรบางอย่างได้
เขาลองหยั่งเชิงถาม “เมียจ๋า เจ้าไม่กลับหรือ”
“ข้าจะรอเจ้าเลิกเรียนแล้วค่อยกลับด้วยกัน เจ้าก็ไปเข้าเรียนเถอะ ข้าจะเดินเที่ยวในเมืองสักหน่อยแล้วจะมารับเจ้า”
ฉินเหยาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ กำหนดแผนให้เขาเรียบร้อย “อย่าลืมลาท่านอาจารย์ด้วยนะ ไหนๆ ก็ใกล้ถึงเทศกาลจงหยวนแล้ว ขอลาวันหยุดเก็บเกี่ยวรวมกับวันเทศกาลไปเลย ห้าวันพอดี น่าจะพอให้ครอบครัวเรากวาดข้าวเข้ายุ้งฉางเสร็จทันเวลา”
พอหลิวจี้ได้ยินคำว่า ‘เก็บเกี่ยว’ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเหมือนคนแบกรับความทุกข์ของทั้งโลกเอาไว้ เขาอยากกลับบ้านช้ากว่านี้สักสองวัน โดยให้เหตุผลว่าช่วงนี้จะได้คัดลอกคำตอบข้อสอบเก่าที่ซิ่วไฉทั้งสองให้มาให้เสร็จ
ฉินเหยาส่ายหน้า “ตอนนี้ข้ายุ่งมาก ฤดูเก็บเกี่ยวต้องเสร็จให้เร็วที่สุด ข้าถึงจะมาทุ่มเทให้โรงงานได้ ตอนนี้แผนการเปลี่ยนไปแล้ว ข้าจะขยายเวลาให้เจ้าอีกหน่อย ไปขอลาหยุดเลย ที่เจ้านำคำตอบกลับบ้านไม่ได้ครั้งนี้เป็นเพราะข้าเอง ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”
“ตกลง!” พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ เขาก็วางใจ
หลิวจี้กลับไปเข้าเรียนช่วงบ่ายจนเสร็จ จากนั้นก็ไปขอลาหยุดกับอาจารย์
ฉินเหยาเดินสำรวจในเมืองอยู่ครู่หนึ่ง ซื้อเกลือหนึ่งจิน น้ำมันเมล็ดพืชห้าจิน เติมน้ำปรุงมาหนึ่งกาและซื้อเนื้อสามจิน
อากาศร้อน เนื้อเก็บไว้ได้ไม่นานมากจึงซื้อได้แค่นี้
แต่การมีม้าทำให้ไปกลับระหว่างเมืองกับหมู่บ้านได้เร็วขึ้น หากอยากกินเนื้อเมื่อใดก็ไปซื้อที่ตลาดเมื่อนั้นก็ได้ สะดวกไม่น้อย
พอคิดว่าฤดูเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึงต้องเหนื่อยแน่ๆ ฉินเหยาก็เลยแวะร้านขนม ซื้อขนมหลายอย่างมาปรนเปรอตัวเอง
มีทั้งขนมถั่วเขียว ขนมแป้งข้าวเหนียวใส่น้ำตาลแดง ลูกอมเม็ดบัวและขนมงาอบดอกบัว ทุกอย่างทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล นางซื้อเพื่อกินแบบสดใหม่
บนถนนยังมีร้านขายน้ำหวานโดยเฉพาะ ขายเครื่องดื่มหลากหลาย เช่น น้ำอ้อย น้ำบ๊วย น้ำถั่วเขียว เหล้าดอกเหมย และเครื่องดื่มฟองหิมะบำรุงม้าม เป็นต้น
ความหลากหลายของเครื่องดื่มเกินความคาดหมายของฉินเหยา
นางเคยคิดว่าผู้คนในยุคโบราณไม่มีเครื่องดื่มพิเศษ ที่ไหนได้ ไม่ใช่แค่มี แต่ยังมีตัวเลือกเยอะแยะเลย
อย่างเช่นเครื่องดื่มฟองหิมะบำรุงม้าม นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ดูหรูหราพิเศษมาก
พอนางกลับไปที่สำนักศึกษาเพื่อรอหลิวจี้ออกมาจึงได้ถามเขา แล้วถึงรู้ว่า ที่แท้มันก็คือน้ำชาสมุนไพรเย็นใส่น้ำแข็ง