ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 133 ผลไม้
กล่าวจบ เมื่อเห็นว่าฉินเหยากำลังจะเอ่ยปาก เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นก่อนว่า “เจ้าอย่ามาพูดเรื่องฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเลย ใครจะไปรู้ว่าปีหน้าจะยังมีการค้าดีๆ เช่นนี้อีกหรือไม่”
“เจ้ายังมีคำสั่งซื้อใหญ่อยู่ไม่ใช่หรือ” เถ้าแก่อู่เหลือบมองฉินเหยาด้วยความไม่สบอารมณ์ พอคำสั่งซื้อนี้ออกไป โรงโม่น้ำก็จะผุดขึ้นเต็มไปหมด!
ฉินเหยาไม่ได้โกรธ นางดื่มน้ำสุราหมักที่เหลืออยู่จนหมดในอึกเดียว ก่อนจะโบกมือเรียกเถ้าแก่อู่ด้วยท่าทีลึกลับ
“เจ้าจะทำอะไร” เถ้าแก่อู่มองฉินเหยาด้วยความสงสัย “บุรุษสตรีไม่ควรใกล้ชิดกัน กลางวันแสกๆ เช่นนี้เจ้า…”
ฉินเหยาทนฟังคำบ่นเหลวไหลของเขาไม่ไหว นางคว้าศีรษะของเขามาตรงหน้าแล้วกระซิบเบาๆ ข้างหู
“คำสั่งซื้อนั้นถูกส่งไปทางใต้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอำเภอไคหยางของพวกเราเลย ข้าสามารถบอกท่านได้อย่างมั่นใจเลยว่า ตอนนี้ในอำเภอไคหยาง มีโรงโม่น้ำส่วนตัวของท่านแค่เจ้าเดียวเท่านั้น!”
เดิมทีใบหน้าของเถ้าแก่อู่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขากลับเป็นประกาย เขาสะบัดมือของฉินเหยาออกจากคอของตนแล้วสะกดความตื่นเต้นถามว่า “จริงหรือ เจ้าอย่าหลอกข้านะ!”
ฉินเหยาพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะเริ่มคำนวณบัญชีให้เขา
“ท่านดูนะ สถานที่นี้ของท่านนั้นทำเลดีมาก การเดินทางก็สะดวก แถมยังอยู่ติดทางหลวง แม้ว่าตอนนี้ชื่อเสียงจะยังไม่ค่อยมี แต่ไม่เกินสองเดือน คนทั้งเมืองก็จะรู้จัก ที่สำคัญคือพวกตระกูลใหญ่ในเมืองเหล่านั้นมีธัญพืชมากมาย อีกทั้งยังมีรถม้า…”
“เอาเช่นนี้ ท่านเชื่อข้า สั่งเพิ่มอีกสิบเจ็ดชุดให้ครบจำนวน ข้ารับรองว่าจะติดตั้งให้ท่านก่อนเดือนสิบสองแน่นอนแล้วพอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า จุ๊ๆๆ ท่านจะไม่โกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำหรือ!”
เถ้าแก่อู่ต้องยอมรับเลยว่า เขาเริ่มหวั่นไหวแล้ว
เพราะเดิมทีเขาก็ต้องการฉวยโอกาสทำเงินก้อนแรกอยู่แล้ว
ฉินเหยาคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะเติมเชื้อไฟอีกหน่อย “หากคิดจะทำการใหญ่ก็ต้องรีบลงมือ ตอนนี้โรงโม่น้ำนี้นับว่าเป็นเอกสิทธิ์ของหมู่บ้านตระกูลหลิว หากท่านสั่งจองก่อน ต่อให้คนอื่นจะสั่งเร็วเพียงใดก็ต้องรอหลังเดือนสิบสองกว่าจะได้รับของ โรงโม่น้ำขนาดนี้ ตั้งแต่เลือกที่ตั้งไปจนสร้างเสร็จพร้อมใช้งาน เวลาที่เสียไป ท่านลองคำนวณดูเองเถิด”
“อย่างไรเสีย ข้าก็ต้องไปอีกฟากหนึ่งของอำเภอเราอยู่แล้ว เพียงแต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ จึงมาเตือนท่านล่วงหน้าเท่านั้น”
ฉินเหยายักไหล่ แสดงออกชัดเจนว่า อย่างไรเสีย ของเหล่านี้ก็ขายได้แน่นอนอยู่แล้ว
เห็นเถ้าแก่อู่ตกอยู่ในภวังค์ยังคงลังเลตัดสินใจไม่ได้ ฉินเหยาจึงโบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าขอตัวก่อนนะ ท่านค่อยๆ คิดแล้วกัน”
ยังต้องนำชามไปคืนให้ผู้อื่นอีก
“ฉินเหนียงจื่อ เจ้าจะไปที่ใดหรือ” เถ้าแก่อู่ถามอย่างกังวล
ฉินเหยาชี้ส่งๆ ไปทางทิศใต้ “เดินดูไปเรื่อยๆ ดูว่ามีใครอยากทำกังหันน้ำบ้าง”
เถ้าแก่อู่เรียกนางกลับมาด้วยความหงุดหงิด
เขาเงยหน้ามองตะกร้ามากมายที่เรียงกันเป็นแถวยาว กัดฟันแล้วกล่าวว่า “ข้าสั่ง!”
ฉินเหยาหัวเราะ ส่งสัญญาณให้เขารอสักครู่ ก่อนจะนำชามไปคืนแล้วจึงรีบกลับมา
นางหยิบสมุดบันทึกที่ทำขึ้นเองออกมาพร้อมพู่กันขนาดเล็กและแท่นฝนหมึกที่ซื้อมาโดยเฉพาะ หยดน้ำเพียงหยดเดียว ฝนหมึกเล็กน้อยแล้วจุ่มพู่กันเขียนคำสั่งซื้อลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว กำหนดจำนวนกังหันน้ำขนาดเล็กสิบเจ็ดชุด ระบุราคารวมและเงินมัดจำ รวมถึงชื่อและที่อยู่ของทั้งสองฝ่าย
“เรียบร้อยแล้ว ท่านตรวจดู หากไม่มีปัญหาก็ประทับลายนิ้วมือเลย” ฉินเหยาหยิบหมึกประทับตราออกจากถุงผ้าที่พกติดตัวมา ก่อนจะประทับรอยนิ้วมือตนเองลงไปก่อน
สิบเจ็ดชุด ราคารวมห้าสิบเอ็ดตำลึง ฉินเหยาตัดเศษออกให้ คิดราคาสุทธิที่ห้าสิบตำลึง รับเงินมัดจำสามส่วนเป็นสิบห้าตำลึง
เถ้าแก่อู่เหลือบมองครั้งหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเย็นเยียบอย่างเจ็บใจ
ฉินเหยายังคงยิ้ม นางรู้ดีว่าคนผู้นี้มีเงินไม่น้อยเลย
โรงโม่น้ำของเขาเก็บค่าบริการสี่เหวินต่อหนึ่งชั่วยาม สองเดือนมานี้ เก็บเงินได้มากกว่าห้าตำลึงแล้ว
ตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง โรงโม่น้ำทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน อีกเพียงสองเดือนก็จะคืนทุนที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด
การค้าที่สามารถคืนทุนได้ภายในสี่เดือนจะหาได้จากที่ไหนอีก
ฉินเหยาพูดเสียจนดูเหมือนทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ เถ้าแก่อู่ฟังแล้วก็รู้สึกคันยุบยิบในใจแต่คำสั่งซื้อมูลค่าห้าสิบตำลึงนี้ จะให้ตัดสินใจง่ายๆ ก็ไม่อาจทำได้
ฉินเหยาเห็นว่าเขายังคงนิ่งอยู่จึงกล่าวเตือนอย่างจนใจว่า “อำเภอไคหยางไม่ได้มีแม่น้ำเพียงสายเดียว แม่น้ำรอบๆ มีอยู่มากมาย บุตรชายและบุตรเขยของท่านรวมกันก็ห้าหกคนแล้ว หากเปิดร้านเป็นเครือข่ายจะไม่ทำเงินมากมายหรอกหรือ”
เสียเวลาไปมากแล้ว ฉินเหยาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
นางเอาเวลานี้ไปหาลูกค้ารายใหม่ไม่ดีกว่าหรือ
หนทางทำเงิน นางก็วางไว้ตรงหน้าให้เขาแล้ว ยังมีอะไรให้ลังเลอีก
เมื่อเห็นความไม่พอใจของฉินเหยา อีกทั้งได้ฟังเรื่องแนวคิดร้านค้าเครือข่ายเป็นครั้งแรก เถ้าแก่อู่จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะประทับลายนิ้วมือ
“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปนำเงินมัดจำมาให้” เขาลุกขึ้นเดินไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็วกกลับมา “เจ้าตามข้ามาเถอะ วิ่งไปวิ่งมามันลำบาก”
“ตกลง!” ฉินเหยาเก็บพู่กัน กระดาษ แท่นฝนหมึกและหมึกประทับตราให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตามเถ้าแก่อู่ไปยังบ้านของเขา
เงินสิบห้าตำลึงถูกส่งมาถึงมือของฉินเหยา ทันใดนั้นเถ้าแก่อู่ก็เข้าใจความรู้สึกของนักพนันบนโต๊ะเดิมพัน ความไม่รู้ ความอยากรู้อยากเห็น ความกังวลและความตื่นเต้น!
ฉินเหยาส่งสัญญาณให้เขาวางใจ รับรองว่าส่งของให้ก่อนเดือนสิบสองแน่นอน
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เถ้าแก่อู่ทำได้เพียงเชื่อใจนาง แต่เมื่อมองไปยังโรงโม่น้ำที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซึ่งกิจการกำลังรุ่งเรือง หัวใจก็สงบลงไปมาก
ฉินเหยาเองก็คาดไม่ถึงว่าออกมาแค่วันเดียวจะสามารถนำคำสั่งซื้อกลับไปได้ อารมณ์ของนางจึงดีเป็นพิเศษ นางแวะที่แผงขายเนื้อ ซื้อเนื้อดีสิบจินและกระดูกขนาดใหญ่อีกสองชิ้น ตั้งใจจะให้รางวัลตนเองอย่างเต็มที่
เมื่อซื้อเนื้อเสร็จ ระหว่างเดินผ่านแผงขายลูกสาลี่ก็เห็นว่าร้านค้าขายลูกสาลี่เปลือกสีเขียวเหลืองขนาดเล็กชนิดหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ฉินเหยาเคยกินที่บ้านหัวหน้าตระกูลมาก่อน เนื้อสาลี่กรอบละเอียดและหวานมาก
นางจึงตัดสินใจจ่ายเงินซื้อไปหลายจินเพื่อนำกลับบ้าน เพราะนางไม่ได้กินผลไม้จริงๆ มานานแล้ว
สิ่งสำคัญคือผลไม้พันธุ์แท้ดั้งเดิมเหล่านี้ รสชาติแตกต่างจากผลไม้ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ในยุคหลังมาก
เนื้อลูกท้อนั้นแข็งมาก รสชาติยังจืดชืด ส่วนลูกพุทราอาจจะเพราะสภาพภูมิประเทศทำให้ไม่หวาน เนื้อยุ่ยเหมือนกำลังเคี้ยวเศษไม้
แม้แต่หยางเหมยก็มีรสเปรี้ยวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนอูเหมยลูกใหญ่ไม่ต้องพูดถึงเลย หยางเหมยที่นี่ หากมีขนาดเท่ากับเล็บนิ้วโป้งก็นับว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมแล้ว
แต่ได้ยินชาวบ้านเล่าว่า ลูกท้อที่เหล่าผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงกินกันนั้น เก็บมาจากสระเหยาฉือบนสวรรค์ ลูกใหญ่และหวาน
ฉินเหยานึกถึงเมล็ดพันธุ์เหลียงกวาในน้ำเต้าลูกนั้น เมล็ดมันเหมือนกับเมล็ดแตงโมทุกประการ แต่ไม่รู้ว่าปลูกออกมาแล้วจะหวานและแดงหรือไม่
พอจะจดจำได้อย่างเลือนรางว่า สมัยเรียนวิชาชีววิทยานั้นอาจารย์เคยกล่าวว่า แตงโมที่ทุกคนกินกันในยุคหลังที่ทั้งแดง ลูกใหญ่และหวานนั้นล้วนผ่านการปรับปรุงพันธุ์มาแล้ว
ส่วนแตงโมดั้งเดิมนั้น เนื้อไม่แดง ไม่ละเอียดและหวานฉ่ำขนาดนี้
แต่ช่างมันเถิด ตอนนี้จิตใจของฉินเหยาคิดเพียงแค่ว่ามีให้กินก็นับว่าไม่เลวแล้ว!
ฉินเหยาขี่ม้ากลับมาพร้อมของเต็มมือ ตบใบคำสั่งซื้อลงตรงหน้าช่างไม้หลิวทำเอาเขาตกใจสะดุ้งโหยง
ฉินเหยาส่งยิ้มให้เขา “สิบเจ็ดชุดเล็ก ส่งมอบก่อนเดือนสิบสอง”
จากนั้นก็จดบันทึกเงินมัดจำสิบห้าตำลึงลงในบัญชี ฝากกระดูกชิ้นโตสองชิ้นไว้กับนางเหอที่กำลังทำอาหารกลางวันให้นำไปเพิ่มเป็นกับข้าวให้ทุกคน ก่อนที่ฉินเหยาจะหอบเนื้อและผลไม้ที่ซื้อไว้กลับบ้าน
เป็นนายตัวเองจะทำอะไรตามใจก็ได้ทั้งนั้น!
ช่างไม้หลิวมองดูคำสั่งซื้อ แล้วหันไปมองแผ่นหลังของฉินเหยาที่ขี่ม้าจากไปด้วยความอิจฉาจนแทบร้องไห้
งานไม้มีความซับซ้อน ไม่เหมือนการทำโม่ที่ทำแบบหยาบๆ ได้ กลุ่มคนงานที่เขาฝึกอยู่ก็ยังไม่เชี่ยวชาญ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าจะคล่องแคล่วได้เท่าฉินเหยา
ฉินเหยาไม่รู้เลยว่าช่างไม้หลิวอิจฉานาง นางนั่งอยู่หน้าประตูบ้าน เคี้ยวลูกสาลี่พลางชมทิวทัศน์ รออาหาร
ว่าแต่ว่า วันนี้วันที่เท่าไรแล้วนะ
วันที่หนึ่งเดือนแปดแล้ว เจ้าขยะหลิวจี้นี่ควรกลับมาได้แล้วหรือไม่