ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 140 ไม่เกลี้ยกล่อม
ตอนที่ 140 ไม่เกลี้ยกล่อม
ต้าหลางดูเหมือนจะข่มความหวาดกลัวต่อป่าได้แล้วจริงๆ แต่ก่อนก้าวขาแทบไม่ออก ตอนนี้กลับเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ฉินเหยาหันกลับไปมอง เห็นแววตาแน่วแน่บนใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของต้าหลาง ความภาคภูมิใจก็พลันเอ่อล้น ดูเหมือนว่าวิธีการสอนของนางจะได้ผลไม่น้อย
ต้าหลางรู้สึกได้ถึงสายตาของแม่เลี้ยงจึงเงยหน้าขึ้นส่งยิ้ม ‘เข้มแข็ง’ ให้นาง สองแม่ลูกราวกับแมวป่าสองตัว พลิ้วไหวไปทั่วภูเขาอย่างอิสระ
ฉินเหยาต้องไปหาถ้ำที่นางเคยอาศัยอยู่เมื่อปีที่แล้ว ทว่าก่อนหน้านี้เสียเวลาไปสองวันกับการรบกวนรังงูทั่วป่าจึงเริ่มสับสนกับทิศทาง ตอนนี้ต้องหาทางใหม่อีกครั้ง
นี่คือบทเรียนที่สองที่ฉินเหยาสอนต้าหลางถึงการหาทิศทางในป่าที่ปกคลุมด้วยพืชพันธุ์แน่นหนาและยอดต้นไม้ที่บดบังแสงอาทิตย์
ยังสอนอีกว่าหากหลงทาง จะช่วยเหลือตนเองและเอาตัวรอดได้อย่างไร
ฉินเหยาบอกต้าหลางว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่เราต้องทำคือรักษาชีวิตให้ปลอดภัย หากหาทิศทางไม่เจอจริงๆ ให้มองหาต้นน้ำ…”
อิงตามคำพูดของฉินเหยา อยู่ในป่าไม่มีทางอดตาย อย่างมากก็แค่กลายเป็นคนป่าเท่านั้นเอง
จิตใจน้อยๆ ของต้าหลางได้รับการกระทบกระเทือนเล็กๆ อีกครั้ง แม่เลี้ยงของเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจนชวนให้คนเลื่อมใสจริงๆ
สองแม่ลูกเดินฝ่าพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพงหญ้ารกชัฏ ในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกของป่า
แม้บริเวณนี้จะยังมีหญ้ารกอยู่มาก แต่เพราะอุณหภูมิแตกต่าง หญ้าจึงขึ้นไม่แน่นหนานัก ทำให้สามารถเดินตัวตรงได้
ฉินเหยานำต้าหลางค้นหาแหล่งน้ำและให้เขาหยิบหนังสติ๊กออกมา หากพบสัตว์ขนาดเล็ก ให้ลงมือทันที!
หลังจากสองวันที่ใช้เวลาแสนน่าเบื่อไปกับการรบกวนรังงู วันนี้กิจกรรมนี้ก็ปลุกความตื่นเต้นของต้าหลางขึ้นมาในทันที
มีเด็กหนุ่มสาวคนไหนบ้างที่ไม่เคยฝันอยากออกเดินทางท่องโลกพร้อมกระบี่เล่มหนึ่ง?
ทันทีที่เห็นเหยื่อ ต้าหลางก็อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมา ก่อนจะถูกฉินเหยาฟาดเข้าที่ท้ายทอยหนึ่งฉาด “เงียบ!”
เจ้าเด็กนี่ เจ้าจะมาล่าสัตว์หรือขู่สัตว์เล็กกันแน่?
ต้าหลางร้องโอ้พลางลูบศีรษะ นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำที่เขาถูกแม่เลี้ยงตี
แต่แปลกนัก เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยกลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ หากถูกตีอีกสักสองสามครั้งก็คงไม่เป็นไร เช่นเดียวกับที่ท่านแม่เคยทำ
ฉินเหยาพบกระรอกตัวเล็กตัวหนึ่ง นางรีบดึงหนังสติ๊กของตนขึ้น แต่พอหันกลับมาจะเรียกต้าหลางกลับพบว่าเขากำลังจ้องนางตาค้าง นางขมวดคิ้วเตือน มองไปข้างหน้าสิ อย่ามองข้า!
ต้าหลางได้สติ ถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นตั้งสมาธิเต็มที่เพื่อเรียนรู้วิธีล่าสัตว์จากนาง
ก่อนหน้านี้ฉินเหยาเคยพาต้าหลางล่านก แต่นกพวกนั้นเดิมก็โง่เขลา ถึงส่งเสียงก็ไม่บินหนี อีกเดี๋ยวก็บินกลับมาใหม่จึงไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย
แต่ในป่าลึก สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เหยื่อไม่ได้วิ่งไปทั่วอย่างอิสระ พวกมันมีความน่าเกรงขามโดยธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่พวกมันจะหลบซ่อนในเวลากลางวันและออกหากินในเวลากลางคืน ยากนักจะพบเห็นตอนกลางวัน
แต่เมื่อถึงยามเย็น หากซุ่มรอใกล้แหล่งน้ำก็จะเห็นสัตว์หลากหลายชนิดมารวมตัวกัน
ต้าหลางถือกระรอกตัวเล็กที่ฉินเหยาจับได้เป็นๆ และตบให้สลบขึ้นมา กระรอกตัวนี้มีลักษณะพิเศษ บนหางมีขนสีขาวเส้นหนึ่ง หน้าผากก็มีปอยขนขาว ดูน่ารักเป็นพิเศษ
ดังนั้นฉินเหยาจึงจับมันเป็นๆ ตั้งใจจะนำกลับไปขายเป็นสัตว์เลี้ยง
ต้าหลางรู้สึกสงสารเจ้าตัวเล็กนี้ ฉินเหยาให้เขาถือไว้ แต่เขากลับกอดมันไว้แนบอก
เด็กน้อยยังไม่เคยเห็นการล่าสังหารจริงๆ ฉินเหยาจึงไม่ได้รีบตำหนิความใจอ่อนของเขา
สองแม่ลูกซุ่มอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ใกล้แหล่งน้ำ คอยสังเกตสัตว์หลากหลายที่ปรากฏตัวอยู่บริเวณนั้น
สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ยังไม่ปรากฏตัว โดยปกติพวกมันจะออกมาหลังพลบค่ำ ตอนนี้สิ่งที่ใหญ่ที่สุดริมลำธารก็คือกวางลายจุดสองตัว
ต้าหลางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกอดเจ้ากระรอกตัวเล็กไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งพยายามใช้สัญญาณมือที่เพิ่งเรียนรู้จากฉินเหยาอย่างเก้ๆ กังๆ
นี่คือรหัสลับที่นายพรานใช้สื่อสารกันในป่า เขากำลังถามนางว่าล่าสองตัวนั้นได้หรือไม่
ฉินเหยาโบกมือ บริเวณแหล่งน้ำแห่งนี้มิใช่สถานที่ล่าที่ดีที่สุด เว้นแต่เจ้าจะอยากล่าได้เพียงครั้งเดียว
ไม่เช่นนั้นจะทำให้สัตว์ใหญ่ตัวอื่นตื่นตัวและเกิดความระแวดระวังจนไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นเวลานาน
ต้าหลางพยักหน้าด้วยความเสียดาย แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว
แต่เมื่อเห็นว่าฉินเหยาไม่มีทีท่าจะลงมือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำมือถามอีกครั้งว่า ‘วันนี้พวกเราจะไม่ล่าต่อแล้วหรือ’
มีเพียงเจ้ากระรอกตัวเล็กนี้ ไม่ใช่ว่าน้อยเกินไปหรือ
ฉินเหยาเตือนเขาว่าอย่าลืมเป้าหมายแรกเริ่ม การฝึกฝนคือวัตถุประสงค์หลักของการเข้าป่าครั้งนี้
พื้นฐานยังไม่คล่องก็อยากจะพุ่งชนแล้วหรือ
เมื่อเห็นว่าฉินเหยาไม่มีท่าทีจะพาตนลงมือล่า ต้าหลางก็พยักหน้าอย่างเสียดายอีกครั้ง
แต่ประกายสนใจในดวงตากลับมิได้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
ฉินเหยาคิดในใจ โดยปกติคนหนุ่มสาวก็มักไม่เชื่อฟังคำเตือนอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาลองด้วยตนเองเถอะ
นางโบกมือเรียกเด็กน้อย ชี้ไปที่กวางลายจุดตัวหนึ่งที่กำลังเดินแยกออกไป จากนั้นหยิบกระรอกในอ้อมแขนของเขามาแล้วตบอีกครั้งให้มันสลบต่อ
ต้าหลางหายใจแรงขึ้น แววตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะทะลักออกมา
ฉินเหยาพยักหน้า ต้าหลางก็รีบไถลลงจากต้นไม้ ย่อตัวลงต่ำ แล้วติดตามรอยเท้าของกวางลายจุดไปทันที
ก่อนหน้านี้ได้เรียนรู้วิธีติดตามเหยื่อมาแล้ว ต้าหลางจึงแอบติดตามกวางลายจุดตัวนั้นจากระยะไกล เห็นมันไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย หัวใจของเขาพลันเต้นระรัวด้วยความยินดี
เมื่อเห็นกวางลายจุดเดินไปหยุดที่พุ่มไม้ซึ่งเต็มไปด้วยผลไม้ป่า เริ่มกินผลไม้โดยไม่ทันสังเกตถึงการมาถึงของเขา ต้าหลางก็ค่อยๆ ยืดตัวตรง หยิบลูกธนูจากกระบอกธนูบนหลังขึ้นมาแล้วขึ้นสายธนู
ท่าน้าวสายธนูของต้าหลางเป็นไปตามแบบแผน การเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าตอนอยู่ที่บ้านเขาฝึกฝนโดยไม่อู้เลยแม้แต่น้อย
ก่อนปล่อยลูกธนู ต้าหลางกวาดตามองหาฉินเหยา ต้องการกำลังใจจากนาง
แต่เมื่อมองไปรอบๆ เขากลับไม่พบแม้แต่เงาของนาง
เสียงร้องเลียนแบบนกพลันดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นสัญญาณจากฉินเหยาเตือนให้เขารู้ว่านางอยู่ข้างหลัง ไม่ต้องหวาดกลัว
หลังจากเสียงนกร้องเงียบลงก็เหลือเพียงเสียงลมพัดผ่านใบไม้และเสียงกวางลายจุดกัดกินผลไม้
ต้าหลางตกตะลึง พบว่าแม่เลี้ยงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว หากนางไม่ส่งเสียง เขาแทบไม่อาจรับรู้ถึงการมีตัวตนของนางได้เลย
หากเขามีความสามารถเช่นนี้บ้าง เช่นนั้นเขาจะสามารถล่าหมีดำตัวใหญ่ได้หรือไม่
ต้าหลางสูดลมหายใจเข้าแผ่วเบาที่สุด เล็งไปที่ลำคอของกวางลายจุดแล้วปล่อยสายธนู
เสียงฟิ้วดังขึ้น ลูกธนูพุ่งผ่านใบไม้ ส่งเสียงแผ่วเบาออกมา
กวางลายจุดนั้นมีประสาทหูว่องไวเพียงใดกัน
มันหันหัวแล้วพุ่งหนีในทันที ลูกธนูเฉียดผ่านเขาของมันไป แต่ไม่โดนเป้าหมาย
อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
ต้าหลางทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด รีบดึงลูกธนูดอกที่สองมาขึ้นสาย ก่อนพุ่งตัวออกจากที่ซ่อน แล้วยิงไปยังสะโพกของกวางลายจุดอย่างรีบร้อน
ตามคาด แม้แต่ขนของกวางลายจุดก็ยังไม่ได้แตะโดน
แต่เหยื่ออยู่ตรงหน้า จะปล่อยให้หลุดมือไปได้เช่นไร
ต้าหลางหยิบหนังสติ๊กที่ตนถนัดที่สุดออกมาแล้ววิ่งไล่ตามไปด้วยความรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้น กวางลายจุดที่กำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าพลันร้องเสียงแหลมแล้วหันหัวกลับทันที
ต้าหลางกำลังรู้สึกแปลกใจ เงาร่างสีน้ำตาลขนาดมหึมาก็พุ่งทะยานขึ้นมาจากพุ่มหญ้าแล้วกระโจนเข้ามา!