ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 150 ก็แค่ห้าเหวิน
ตอนที่ 150 ก็แค่ห้าเหวิน
หมู่บ้านตระกูลหลิวมีคนอยู่ราวสองร้อยกว่าคน การเกณฑ์แรงงานราษฎรทำให้ต้องมีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ออกไปถึงสามสิบสี่สิบคน หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยคึกคักจึงเงียบสงัดลงในพริบตา แม้แต่ฉินเหยายังรู้สึกไม่คุ้นชิน
ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานของนางยังขาดคนงานไปถึงหกคน
เมื่อช่างไม้หลิวเข้ามาหาด้วยใบหน้าวิตกกังวล ฉินเหยาก็ถึงกับตบหน้าผาก นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท สามวันที่ผ่านมาเอาแต่เฝ้าดูหลิวจี้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
“แล้วจะทำยังไงดีเล่า ขาดคนไปตั้งเยอะ ของที่ต้องส่งช่วงกลางเดือนสิบจะผลิตทันได้อย่างไร ตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว เจ้ารีบหาทางหน่อยเถอะ”
สองวันก่อนช่างไม้หลิวก็ยุ่งอยู่กับการหาคนไปเป็นแรงงานเกณฑ์แทนบุตรชายของตน บ้านของเขาต้องส่งคนไปหนึ่งคน แต่พลาดโอกาสลงชื่อรับสิทธิ์แรงงานแทนราคาหกตำลึงต่อคนของอำเภอไคหยาง สุดท้ายจึงต้องจ่ายราคาสูงถึงสิบตำลึงเพื่อจ้างคนไปแทน
โชคดีที่เขาไปด้วยกันกับหลิวต้าฝูและหลิวเหล่าฮั่น ทั้งสามรีบดำเนินการแต่เนิ่นๆ ส่วนคนที่ไปถึงช้าในช่วงบ่าย แม้จะเสนอราคาสองเท่าก็ยังหาคนแทนไม่ได้
แต่ตามความคิดของช่างไม้หลิวแล้ว หากราคาสูงถึงยี่สิบตำลึงต่อคน เขาก็ไม่รังเกียจที่จะไปแทนเอง
ยี่สิบตำลึงไม่ใช่เงินที่จะหามาได้ง่ายๆ อีกอย่าง การเป็นแรงงานขนเสบียงครั้งนี้แม้จะลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าถูกส่งไปรบในสนามรบมากนัก หากโชคดีและได้เจอนายทหารที่ไว้ใจได้ โอกาสรอดชีวิตกลับมายังมีสูง
แต่ตอนนี้คนที่ถูกเกณฑ์แรงงานต่างออกเดินทางกันไปหมดแล้ว ต่อให้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์
สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจตอนนี้คือการขาดแคลนแรงงานในโรงงาน จนถึงขั้นเครียดจนเป็นแผลพุพองที่มุมปาก เวลาทานข้าวหากอ้าปากกว้างเกินไปก็จะเจ็บแทบทนไม่ไหว
ฉินเหยารินน้ำร้อนที่เย็นแล้วให้เขาและตัวเองคนละถ้วย ก่อนกล่าวว่า “รับคนเพิ่ม”
คนงานขุดหินของนางก็ขาดไปหนึ่งคนเช่นกัน ซึ่งก็คือหลิวฉี หลานชายคนโตของผู้ใหญ่บ้าน
แต่ละบ้านล้วนมีปัญหาของตน ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านหรือก็คือท่านย่าของหลิวฉี นางล้มป่วยหนัก เงินจากการขายผลผลิตในช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงถูกใช้หมดไปกับค่ารักษา
ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนที่ได้รับข่าวเรื่องเกณฑ์แรงงานก่อนใคร หากจะขอลดจำนวนคนที่ต้องส่งออกไปสักสองคน ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
แต่สุดท้าย เขาก็ได้สิทธิ์เกณฑ์แรงงานแทนเพียงหนึ่งคน ยังเหลืออีกหนึ่ง หลิวฉีจึงอาสาไปเอง
เพราะว่าครอบครัวของเขาไม่มีเงินถึงสิบตำลึงเพื่อจ้างคนไปแทนได้อีกแล้ว
โชคดีที่เขารูปร่างสูงใหญ่กำยำ อุปนิสัยสุขุม ผู้ใหญ่บ้านจึงฝากฝังให้คนช่วยดูแล ถึงเวลานั้นคงไม่ลำบากสักเท่าไหร่
แต่ทางฝั่งของช่างไม้หลิวย่ำแย่กว่ามาก เพราะขาดคนงานไปถึงห้าคน โชคดีที่อวิ๋นเหนียงเป็นสตรี ไม่ต้องเข้ารับเกณฑ์แรงงานจึงยังมีคนที่ชำนาญงานเหลืออยู่ในกลุ่ม มิฉะนั้น เขาคงไม่ได้แค่เป็นแผลพุพองจากความเครียดเพียงจุดเดียวแน่
“แล้วตอนนี้จะไปหาคนงานจากที่ไหน ชายฉกรรจ์ทั้งจังหวัดจื่อจิงต่างถูกเกณฑ์ไปหมดแล้ว อีกไม่นานก็ต้องลงเมล็ดข้าวสาลีสำหรับฤดูหนาว จะให้เด็ก สตรี คนชราทำงานแทนหรือ”
ช่างไม้หลิวพูดด้วยความร้อนใจ เผลอขยับปากจนโดนแผลที่มุมปาก ส่งเสียงซี๊ดพลางสูดลมหายใจด้วยความเจ็บ
ฉินเหยาให้เขาดื่มน้ำอีกสองอึก ก่อนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หาคนงานชายไม่ได้ก็รับคนงานหญิงแทนก็แล้วกัน งานทำกังหันน้ำไม่ได้หนักหนาอะไร ผู้หญิงก็ทำได้”
ส่วนคนงานขุดหินที่ขาด นางคงต้องไปทำเอง
เพราะงานนี้หนักเกินไปสำหรับสตรี อีกทั้งในกลุ่มล้วนเป็นบุรุษ ต้องเข้าไปในภูเขา หากให้สตรีร่วมงานด้วยคงไม่สะดวกนัก
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางโล่งใจคือ อย่างน้อยพวกที่ทำงานขัดเจียรยังอยู่ครบ ทำให้สายการผลิตยังสมบูรณ์
“เช่นนั้นก็ลองดูไหม” ช่างไม้หลิวเลิกยึดติดกับความคิดเดิม ตราบใดที่ส่งสินค้าได้ตามกำหนด จะเป็นชายหรือหญิงก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้น ทั้งสองจึงไปยืมฆ้องมา เดินเคาะไปทั่วหมู่บ้าน ประกาศรับคนงานโดยไม่มีข้อกำหนดใดๆ ขอแค่ขยัน อดทนและพร้อมทำงานก็พอ
พี่สะใภ้โจวกระโดดออกมาแล้วถามว่า “ข้าก็ทำได้หรือ”
ฉินเหยารีบดึงนางเข้ามาใกล้ “ได้สิ แน่นอนว่าได้ พี่สะใภ้ ท่านทั้งเก่งและขยัน งานไม้แค่นี้นับเป็นอะไรได้!”
พี่สะใภ้โจวได้ยินดังนั้นก็หัวเราะตาหยี “เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก ข้าก็แค่ทำงานปักเล็กๆ น้อยๆ ได้เท่านั้นเอง งานไม้ข้าไม่เคยแตะต้องมาก่อนเลย”
“ไม่เป็นไรๆ” ช่างไม้หลิวรีบอธิบาย “ไม้พวกนั้น พวกเราจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว เจ้าก็แค่ประกอบชิ้นส่วนตามแบบให้เข้ากันก็พอ!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ช่างไม้หลิวก็อดรู้สึกโชคดีในใจไม่ได้ สายการผลิตนี้ของฉินเหยาทำได้ดีจริงๆ แต่ละคนแค่เรียนรู้ขั้นตอนเดียวก็สามารถทำงานได้ทันที
แม้จะต้องเปลี่ยนคนงานกะทันหันก็ไม่ใช่ปัญหา เพียงฝึกไม่กี่วันก็ชำนาญได้
“เช่นนั้นลองดูไหม” พี่สะใภ้โจวหันไปถามเหล่าสตรีข้างๆ ที่ยังลังเลอยู่ด้วยรอยยิ้ม
ถึงที่บ้านจะยุ่ง แต่หากต้องการหาเงินก็ต้องหาทางสละเวลามาทำงาน
ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างอิจฉาผู้ที่ถูกเลือกให้ทำงานในโรงงาน โดยเฉพาะอวิ๋นเหนียง ที่เมื่อเดือนก่อนนำเงินค่าจ้างกว่าสามเฉียนกลับบ้านจนพ่อแม่สามีของนางดีใจจนเอาไปคุยโม้ทั่วหมู่บ้านว่าบ้านตนมีสะใภ้เป็นสมบัติล้ำค่า
ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า อีกทั้งฉินเหนียงจื่อและช่างไม้หลิวยังสนับสนุน เช่นนั้นลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย
ก่อนหน้านี้นางเหอเคยกล่าวว่า คนงานที่นี่จะได้กินกับข้าวที่มีเนื้อทุกสิบวันและบางครั้งเมื่อฉินเหยาเข้าเมืองก็ยังนำกระดูกวัวชิ้นใหญ่กลับมาต้มน้ำแกงให้ทุกคนได้กินกันอีกด้วย
แม้ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น แต่แค่เพื่อมื้ออาหารดีๆ สักมื้อก็คุ้มค่ามากแล้ว
พอเห็นว่าสาวน้อยสาวใหญ่ในหมู่บ้านเริ่มสนใจ ฉินเหยาก็รีบไปตามพี่สะใภ้ใหญ่นางเหอและอวิ๋นเหนียงมา เพื่อให้พวกนางช่วยพูดจูงใจ
ด้วยแรงสนับสนุนจากสองคนนี้ ตำแหน่งช่างไม้ที่ขาดห้าอัตราในโรงงานก็หาครบอย่างรวดเร็ว
คนงานชายที่เดิมทำงานเหล่านี้ถูกโยกย้ายไปทำขั้นตอนแรกของการผลิต ส่วนงานประกอบและลงสีที่เหลือมอบให้คนงานหญิงทำแทน ในที่สุดสายการผลิตก็สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
เมื่อปัญหาคลี่คลาย สินค้ากลางเดือนสิบก็สามารถส่งออกได้ตามกำหนด ฉินเหยาก็นับว่าถอนหายใจได้อย่างโล่งอกแล้ว
แต่ภาระของนางกลับเพิ่มขึ้น หลังจากเก็บรวบรวมหินที่ต้องใช้ตามคำสั่งซื้อที่เหลือเสร็จแล้ว นางก็ถูกหลิวเหล่าฮั่นเร่งให้หยิบจอบขึ้นมา เริ่มต้นไถพรวนดินรอบใหม่
ข้าวสาลีฤดูหนาวต้องปลูก แม้ว่านางจะไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหว่านเมล็ดไว้ก่อน อย่างน้อยก็ยังพอมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวบ้าง
หลังจากผ่านเหตุการณ์เกณฑ์แรงงานราษฎร เงินจากการขายข้าวของเรือนเก่าตระกูลหลิวปีนี้ก็แทบไม่เหลือ
ข้าวสารที่เก็บสำรองไว้ในบ้าน หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ไม่อาจแตะต้องได้ ดังนั้นแม้จะลำบากเพียงใดก็ต้องปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวต่อไป ไม่มีทางหยุดได้
เพราะกลัวว่าปีหน้าจะมีภาษีใหม่ๆ หรือถูกเรียกไปเป็นแรงงานเกณฑ์ทำงานโยธาสาธารณูปโภคอีก หากไม่มีเงินจ้างคนแทนก็ต้องละทิ้งไร่นาหลายเดือนเพื่อไปเป็นแรงงานเกณฑ์
ชาวนาที่พึ่งพาฟ้าฝนหาเลี้ยงชีพ ไม่อาจทนรับความวุ่นวายได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำได้คือทะนุถนอมไร่นา และดูแลเพาะปลูกอย่างสุดความสามารถ
ขณะที่ฉินเหยากำลังยุ่งอยู่กับการปลูกข้าวสาลีร่วมกับชาวบ้าน ขบวนแรงงานขนเสบียงก็ได้ออกเดินทางพ้นจังหวัดจื่อจิงไปแล้ว
แรงงานราษฎรที่ถูกเกณฑ์ไปจำนวนสามพันคน ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม แยกเดินทางสองเส้นทางเพื่อคุ้มกันเสบียง
เหตุผลที่จังหวัดจื่อจิงถูกเลือกให้เป็นแหล่งส่งเสบียงมีสองประการ
หนึ่งคือ ปีนี้จังหวัดจื่อจิงอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวได้ผลดี มีเสบียงเพียงพอ
สองคือ จังหวัดจื่อจิงอยู่ใกล้ชายแดนที่สุด สามารถขนส่งเสบียงไปถึงแนวหน้าได้เร็วและสูญเสียน้อยที่สุด
เรียกได้ว่า เป็นเรื่องของโชคชะตา
แรงงานจากหมู่บ้านตระกูลหลิว เมื่อเดินทางถึงอำเภอไคหยางก็ถูกแยกย้ายกระจัดกระจายทันที
เมื่อหลิวจี้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดี ในช่วงเวลาที่รีบร้อน เขาทำได้เพียงยัดเงินเหรียญสองสามเหรียญใส่มือเจ้าหน้าที่ควบคุมแรงงาน
แต่บางทีอาจเป็นเพราะเงินไม่มากพอหรืออีกฝ่ายมองว่าเงินห้าเหวินเป็นการดูถูกเขา หลิวจี้จึงถูกส่งไปอยู่ใต้บัญชาของนายทหารที่ดุดันและโหดเหี้ยมที่สุด
เมื่อมีการเรียกชื่อครั้งแรกและสบตากับนายทหารคนนั้น หลิวจี้ก็รู้ทันทีว่า เส้นทางข้างหน้านี้ คงจะทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด