ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 177 ไม่ซื้อ
เมื่อเข้ามาในตัวเมืองแล้ว คนที่ดีใจที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเหล่าเด็กๆ
แต่ละคนเดินตามท่านพ่อท่านแม่ของตนเอง มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้นยินดี
ซื่อเหนียงแอบกระซิบข้างหูพี่สาวจินฮวา “ท่านพ่อของข้าเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาในอำเภอล่ะ”
จินฮวาแสร้งร้องว้าวอย่างให้ความร่วมมือ อีกทั้งยังกล่าวว่า อาสามของนางช่างเก่งกาจนัก ทำเอาหลิวจี้ที่แอบฟังอยู่ยิ้มหน้าบาน
วันนี้ที่หน้าประตูเมือง เขาได้เชิดหน้าชูตาเต็มที่
เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อกลับถึงหมู่บ้านแล้ว คนในเรือนเก่าพวกนั้นจะยังด่าว่าเขาเป็นตัวสร้างปัญหาอยู่อีกหรือไม่
หลิวจ้งและนางเหอต้องการซื้อผัก หลิวจี้จึงนำทางไป พาจินฮวากับจินเป่า ไปด้วยซื้อของได้ไม่สะดวกนักจึงต้องให้อยู่กับหลิวเหล่าฮั่น
ฉินเหยาอยู่กับพวกต้าหลางทั้งสี่คน คอยติดตามหลิวเหล่าฮั่นไปดูเครื่องมือเกษตร
เหล่าเด็กๆ เดินตามหลังกันมาอย่างคึกคักจอแจ
โชคดีที่ต้าหลาง เอ้อร์หลางและจินเป่า ทั้งสามล้วนเป็นพี่ชายที่มีความรับผิดชอบ ต่างจับมือน้องเล็กแต่ละคนไว้ เดินตามผู้ใหญ่อย่างว่าง่าย
ทว่าพอเห็นพ่อค้าที่ถือแท่นปัก บนนั้นเสียบไปด้วยถังหูลู่สีแดงฉ่ำ เด็กๆ เดินไม่ถึงไหนก็หยุดเดินเสียแล้ว
หลิวเหล่าฮั่นยกมือขึ้นทำท่าจะตี จินฮวารีบกล่าวว่า “ท่านพ่อให้เงินเหรียญมาแล้วเจ้าค่ะ พวกเราจะซื้อเอง!”
“มีเงินสักกี่เหรียญกัน ถึงได้กล้าพูดเช่นนี้” หลิวเหล่าฮั่นถามเสียงขุ่น แต่สุดท้ายมือที่ยกขึ้นก็ไม่ได้ฟาดลงไป เพียงลดมือลงครึ่งทางเท่านั้น
จินฮวารีบร้อนล้วงเหรียญออกจากกระเป๋าเสื้อที่ท่านแม่เย็บให้ มีตั้งสองเหรียญ!
จินเป่าตกตะลึงยิ่งนัก “ท่านพ่อของข้าเหตุใดไม่ให้ข้าบ้าง”
เป็นลูกหลานบ้านเดียวกันแท้ๆ เหตุใดท่านอารองถึงให้เงินจินฮวา แต่ท่านพ่อของเขากลับไม่ให้เขาเลย
“ท่านปู่ไม่ยุติธรรมเลย ข้าเองก็อยากได้!” จินเป่าพองแก้ม กล่าวพลางยื่นมือออกไปหาท่านปู่ แต่ถูกหลิวเหล่าฮั่นฟาดฝ่ามือเสียงดังเพียะ
“อยากได้เงินก็ไปขอท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าเอง ข้าไม่เกี่ยวด้วยหรอก”
เมื่อเห็นจินเป่าถูกทำให้อับอาย เอ้อร์หลางก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า มีแต่เจ้าที่ไม่มีเงินใช้ พวกเราน่ะมีหมดทุกคน!”
ท่านแม่ให้เงินค่าขนมพวกเขาทั้งสี่คน คนละห้าสิบเหวินทุกเดือน แต่เงินก่อนหน้านี้ถูกบิดาไร้ประโยชน์หลอกเอาไปจนหมด เอ้อร์หลางกับพวกพี่น้องเสียใจแทบตาย รู้แบบนี้ควรรีบใช้ไปให้หมดตั้งแต่แรก
หลังจากนั้น ทุกเดือนที่ฉินเหยาให้เงินค่าขนมแก่พวกเขา สี่พี่น้องจะรีบใช้จ่ายทันที ไม่ว่าจะฝากให้ฉินเหยาซื้อกระดาษให้ก็ดีหรือฝากคนในหมู่บ้านที่เข้าเมืองซื้อเนื้อมาให้ก็ล้วนแต่ต้องรีบใช้
เพราะหากไม่ใช้จ่ายให้หมด ไม่แน่ว่าวันดีคืนดีบิดาไร้ประโยชน์จะมาหลอกเอาไปอีกเสียดายแย่
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อของจินเป่า เอ้อร์หลางก็หยิบเงินค่าขนมของพี่น้องออกมา สี่พี่น้องได้ถังหูลู่กันไปคนละหนึ่งไม้
ต้าหลางไม่อยากกินจึงบอกว่าจะให้ท่านปู่ หลิวเหล่าฮั่นไม่คาดคิดมาก่อน พอมองดูถังหูลู่ที่ถูกยื่นมาให้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ต้าหลางเด็กดี เจ้าเก็บไว้กินเถอะ ปู่ไม่ชอบกินสิ่งนี้หรอก” หลิวเหล่าฮั่นกล่าวปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม พลางยื่นมือไปลูบไหล่ต้าหลาง รู้สึกว่าเด็กคนนี้เติบใหญ่ขึ้นมาก อีกทั้งยังยิ่งโตยิ่งหล่อเหลา
ต้าหลางส่ายหน้า ก่อนจะยัดถังหูลู่ใส่มือของหลิวเหล่าฮั่นโดยตรง “ท่านกินเถอะ มันหวานมากเลยนะขอรับ”
ฉินเหยากล่าวเสริมว่า “ท่านลองชิมสักหน่อยเถอะ”
หลิวเหล่าฮั่นจึงยืนยันให้แน่ใจอีกครั้งว่าต้าหลางไม่ต้องการกินจริงๆ แล้วจึงรับไว้ด้วยความยินดี
“เช่นนั้นข้าก็จะลองชิมดูเสียหน่อย ปกติเห็นแต่พวกเด็กๆ ร้องอยากกิน ข้าขอลองสักคำว่ามันรสชาติเป็นเช่นไร ถึงทำให้พวกเขาอยากกินกันนัก”
จินเป่าพุ่งเข้ามาหาท่านปู่ทันที “ท่านปู่ คราวหน้าข้าจะไปช่วยท่านเกี่ยวข้าว ข้าโตแล้ว สามารถช่วยทำงานบ้านได้มากขึ้น ท่านว่าใช่หรือไม่”
หลิวเหล่าฮั่นร้อง “โอ้” ออกมา พลางมองจินเป่าผู้ที่ปกติชอบบ่นว่าลำบากอย่างแปลกใจ “เจ้าจะไปเกี่ยวข้าวในนาด้วยรึ กลัวว่าเพิ่งถึงหัวนาก็ร้องกลับบ้านไปเข้าห้องส้วมเสียก่อนแล้ว”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!” จินเป่าคล้องแขนท่านปู่ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ถังหูลู่ ปากก็เอ่ยคำพูดหวานหูที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เชื่อ เช่น ท่านปู่พักเถิด ปล่อยให้หลานชายเช่นเขาเป็นคนทำแทน
หลิวเหล่าฮั่นเห็นท่าทางตะกละของเขาแล้วก็หัวเราะออกมา ในที่สุดก็ใจอ่อน ไม่ได้กินถังหูลู่สักคำ ก่อนยกให้เขาไป
จินเป่าดีใจยิ่งนัก รีบทำหน้าล้อเลียนใส่เอ้อร์หลางทันที เห็นหรือไม่ ข้าก็มีถังหูลู่นะ!
ต้าหลางกับเอ้อร์หลางด่าทั้งคู่ว่าโง่จริง แต่สุดท้ายก็ช่วยหักปลายไม้แหลมส่วนบนออกให้
เด็กๆ กินกันรวดเร็ว พอเดินมาถึงร้านขายเครื่องมือเกษตร ถังหูลู่ก็เหลือเพียงแค่ไม้เปล่า
หลิวเหล่าฮั่นซื้อจอบเหล็กสองเล่ม เป็นแบบไม่มีด้าม เดี๋ยวกลับไปค่อยเหลาไม้ติดเข้าไปเอง
เมื่อเห็นว่ามีคันไถเหล็กขายก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดใจซื้อมาอีกหนึ่งชุด
เครื่องมือพวกนี้ราคาไม่ถูกเลย เพียงแค่สามชิ้นนี้ก็ทำให้หลิวเหล่าฮั่นเสียเงินไปถึงสามตำลึง
แบกคันไถเหล็กหนึ่งชุดพร้อมจอบสองเล่ม หลิวเหล่าฮั่นรู้สึกปวดใจที่ต้องเสียเงินไปมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็ยินดีอย่างยิ่ง
ตอนนี้ที่บ้านมีไถเหล็กสองชุด จอบเหล็กเพิ่มมาอีกสองเล่ม การไถนาในฤดูใบไม้ผลิจะง่ายขึ้นมาก
เพียงแต่เงินที่ใช้ไปนั้น ทำให้เงินจากการขายข้าวเมื่อปีที่แล้วแทบไม่เหลือ
ทางฝั่งหลิวจ้งเองก็ต้องจัดงานเลี้ยง แม้ว่าจะมีเงินขวัญถุงเพิ่มมา แต่ก็เพียงพอแค่ทำให้รายรับรายจ่ายสมดุลเท่านั้นและยังต้องเสียค่ามิตรภาพไปไม่น้อย
ฉินเหยาต้องการไปดูตลาดวัวและม้า แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่คิดจะซื้อม้า แต่หากมีวัวไถนาราคาสมเหตุสมผลก็คงต้องพิจารณาดูบ้าง
การไถนานั้น ไม่ใช่แค่หลิวจี้ที่หวาดกลัว นางเองก็หวาดกลัว!
ถึงต้าหลางกับเอ้อร์หลางจะสามารถลงไปช่วยทำงานในนาได้บ้าง แต่ก็มีขีดจำกัด
หลิวเหล่าฮั่นคิดว่าพวกเราซื้อไม่ไหว แต่ไปดูหน่อยไม่ได้เชียวหรือ พวกเขาจึงเดินตามไปด้วยความยินดี
ระหว่างทาง จู่ๆ ฉินเหยาก็นึกถึงเรื่องแต่งงานของหลิวเฝยขึ้นมาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านพ่อ น้องเล็กดูตัวไปถึงไหนแล้วหรือ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหลิวเหล่าฮั่นก็บึ้งตึงลงทันที “ไม่ค่อยดีเท่าไร เจ้านั่นไม่พอใจใครสักคน เจ้าบอกข้าสิว่ามันน่าหงุดหงิดหรือไม่ ตัวเองเป็นคนแบบไหนยังไม่รู้แล้วยังจะเลือกมาก แถมกล้าพูดอีกว่าจะหาสตรีที่นิสัยดีขยันทำงานและต้องหน้าตาสะสวย”
“หญิงสาวดีๆ เช่นนั้น ไม่คิดบ้างว่าพวกนางจะมองคนอย่างพวกเราหรือ หรือต่อให้มี เงินค่าสินสอดพวกเราก็จ่ายไม่ไหวหรอก”
ฉินเหยาเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ รู้สึกเสียใจที่ถามขึ้นมา
พอเห็นว่าหลิวเหล่าฮั่นเริ่มบ่นไม่หยุด ฉินเหยาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ท่านพ่อ ท่านดูทางนั้นสิ มีคนขายทั้งวัวทั้งเกวียนพร้อมกัน เราไปดูกันเถอะ!”
“ที่ไหน” หลิวเหล่าฮั่นถูกดึงดูดความสนใจไปทันที รีบบอกให้จินเป่าจูงน้องสาวตามมา จากนั้นเหล่าผู้เฒ่าผู้เยาว์ก็เบียดเข้าไปท่ามกลางฝูงชน
ที่แท้เป็นเกวียนวัวมือสอง เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงปี แต่เจ้าของต้องการใช้เงินด่วนจึงเร่งรีบขายในราคาถูก ทั้งเกวียนและวัวรวมกันเสนอขายที่สิบหกตำลึง
คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ กำลังต่อรองราคากันอย่างดุเดือด
เจ้าของวัวลูบตัววัว ดวงตาคลอน้ำตา แต่ก็ยืนกรานราคาสิบหกตำลึง ไม่ยอมลดแม้แต่น้อย
หลิวเหล่าฮั่นแบกคันไถเหล็กเข้าไปดูโดยไม่กลัวเปื้อน เขาแง้มปากวัวขึ้นดูฟัน นั่งยองๆ ลงเอามือลูบขาและท้องวัว จากนั้นจับกีบวัวขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด ท่าทางชำนาญยิ่งนัก
หลังจากดูเสร็จ เขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เจ้าของวัวดีใจนัก นึกว่าเขาจะซื้อ ที่ไหนได้หลิวเหล่าฮั่นกลับหันไปพูดกับลูกสะใภ้ว่า
“วัวตัวนี้ไม่เลวจริงๆ น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีปัญญาซื้อ ไปกันเถอะ”
ที่บ้านฉินเหยาเช่าที่ดินไว้สิบหมู่ หลิวเหล่าฮั่นไม่เคยคิดเลยว่าแค่ที่ดินเพียงเท่านี้จะต้องใช้วัวไถนา
ดังนั้น เมื่อฉินเหยาล้วงเงินออกมาเพื่อจะจ่าย หลิวเหล่าฮั่นถึงกับตกใจแทบสิ้นสติ รีบยื่นมือออกไปขวางทันที “เจ้าทำอะไรน่ะ! รีบเก็บเงินไปเดี๋ยวนี้ พวกเราไม่ซื้อ! ไม่ซื้อ!”
ประโยคสุดท้ายที่ว่าไม่ซื้อนั้น คือพูดใส่คนขาย
เจ้าของวัวที่เดิมทีที่รู้สึกอึดอัดเพราะถูกต่อราคามานาน พอเห็นแสงแห่งความหวังส่องมาแล้ว จู่ๆ กลับต้องน้ำตาแทบไหลออกมาในบัดดล…
………………..