ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 179 กังวลเรื่องศัตรูพืช
เมื่อได้หลิวจี้เอ่ยเตือนเช่นนั้น เหล่าเจ้าหน้าที่ทางการก็หันกลับไปมองสี่คนที่มาแจ้งความ “พวกเจ้า ผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือพิการ”
ทั้งสี่คนพร้อมใจกันยื่นมือออกมา แต่เดิมคิดจะกล่าวว่ามือของพวกเขาถูกนางตีจนบวมไปหมดแล้ว
ใครจะคิดว่า มือที่ยื่นออกมากลับขาวสะอาด แม้แต่รอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อยก็ไม่มี
หลิวจี้รีบร้องลั่นทันที “ไหนล่ะที่ว่าบาดเจ็บหรือพิการ? พวกไพร่กล้าบังอาจมาล้อเล่นกับทางการ แถมยังใส่ร้ายผู้อื่น เช่นนี้ข้าว่าคนที่สมควรถูกจับกุมคือพวกเจ้ามากกว่า!”
การกลับคำกล่าวหาเช่นนี้ เขาช่ำชองนัก
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ทางการแปรเปลี่ยน สายตาทรงอำนาจกดดันมองไปยังสี่คนที่มาแจ้งความ พวกเขาแทบจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ได้แต่ชี้นิ้วไปที่ฉินเหยาอย่างเดือดดาลพลางกล่าวว่านางนั่นแหละที่เป็นคนลงมือทำร้ายพวกเขา
แต่เพราะเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่รอยแผลเลยสักนิด พวกเขากลับไม่สามารถให้คำอธิบายที่ชัดเจนได้
ขณะนั้นเอง ฉินเหยาถึงได้ก้าวลงจากเกวียนวัว เดินตรงไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ ประสานหมัดคำนับพลางเอ่ยว่า
“ท่านเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ข้ามีนามว่าฉินเหยา เป็นคนหมู่บ้านตระกูลหลิว เพิ่งไปซื้อวัวที่ตลาดวัวม้า และมีปากเสียงกับพวกเขาเล็กน้อย เกรงว่าพวกเขาจะโกรธเคือง คิดแก้แค้นข้าจึงจงใจใส่ร้าย”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เจ้าหน้าที่ทางการทั้งสี่ที่เมื่อครู่คิดว่านางดูคุ้นตาอยู่บ้างก็เผยสีหน้าชื่นชมออกมาทันที
พวกเขาร้องเสียงต่ำขึ้นพร้อมกัน “ที่แท้ก็คือวีรสตรีปราบโจร ฉินเหนียงจื่อนี่เอง!”
“ขออภัย ขออภัย!” ทั้งสี่คนคำนับคืนให้ฉินเหยา เล่นเอาผู้แจ้งความทั้งสี่ถึงกับตะลึงงัน
วีรสตรีจะละเมิดกฎหมายอย่างอุกอาจได้อย่างไร
ต้องไม่ใช่ความผิดของนางเป็นแน่!
ด้วยภาพลักษณ์อันดีงามที่ฉินเหยาสร้างไว้ตอนปราบโจร ประกอบกับคำอธิบายที่สุขุมเยือกเย็นของนาง เหล่าเจ้าหน้าที่ทางการจึงเบนความโกรธไปยังสี่คนนั้นแทน
“รบกวนแล้ว ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ท่านรีบออกจากเมืองเถิด ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ทันเวลา เจ้าสี่คนนี้ให้พวกเราจัดการเอง พวกเราจะคืนความบริสุทธิ์ให้ท่านอย่างแน่นอน!” หัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยพลางยิ้มให้ฉินเหยา
เมื่อพวกเขาเดินจากไป ด้านหลังก็มีเสียงอธิบายอย่างร้อนรนและเสียงร้องทุกข์ของสี่คนนั้นดังขึ้น
แต่ไม่เกินความคาดหมาย ท่ามกลางเสียงตะคอกดุดันของเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ พวกเขาก็ต้องปิดปากเงียบเสียงไป
สำหรับฉินเหยาแล้ว สี่คนนี้จะมีจุดจบเช่นไร นางไม่สน เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญกับสีหน้าหงุดหงิดของหลิวจี้ นางก็จำต้องอธิบายสักหน่อย
“คือว่าพวกเราจะซื้อวัว แต่พวกเขากดราคาจนพ่อค้าขายให้ไม่ได้ ทว่าสุดท้ายแล้ว พ่อค้าก็ตัดสินใจขายให้ข้า นั่นทำให้เกิดปากเสียงกันเล็กน้อย ใช่หรือไม่ท่านพ่อ”
ฉินเหยาหันไปมองหลิวเหล่าฮั่นยิ้มๆ
หลิวเหล่าฮั่นคิ้วกระตุก ก่อนจะฝืนยิ้มสบายๆ ออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ใช่แล้ว เป็นเช่นนั้น เหยาเหนียงไม่ได้ลงมือหักมือของพวกเขาเลย”
ซื่อเหนียงรีบแก้ไขทันที “ท่านปู่ นั่นไม่เรียกหัก เรียกว่าผิดตำแหน่งต่างหาก ถ้าหักจริง ท่านแม่ไม่มีทางจัดกระดูกกลับเข้าที่ได้หรอก”
เมื่อกล่าวจบ เด็กสาวก็เงยหน้ามองพี่ใหญ่ด้วยแววตารอคอย “พี่ใหญ่ ข้าพูดถูกใช่ไหม”
นางจำได้ว่าท่านแม่อธิบายเรื่องนี้ให้พี่ใหญ่กับพี่รองฟังเช่นนี้
ต้าหลางเหลือบมองใบหน้าดำคล้ำของท่านพ่อแวบหนึ่ง ยังมีท่านแม่ที่แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างไร้คำพูด เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกดศีรษะเล็กๆ ของน้องสาวลงไป “เจ้าเงียบปากไปเถอะ”
ซื่อเหนียง เมี๊ยวๆๆ???
“เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนักเมียจ๋า!” หลิวจี้กัดฟันพูดกระซิบที่ข้างหูฉินเหยา
เกือบทำให้พวกเขาถูกจับเสียแล้ว
ฉินเหยากวาดสายตาคมกริบมองไป “ข้าทำสิ่งใดไม่เคยพลาด เจ้าเห็นพวกเขามีหลักฐานหรือไม่เล่า”
“อ่านั่น…” หลิวจี้ได้แต่ยอมรับโดยดุษณี แอบชูนิ้วโป้งให้เงียบๆ
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงผ่อนคลาย หันไปพูดกับนางเหอและหลิวจ้งว่า “ไม่มีอะไรแล้ว แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”
นางเหอส่ายหน้า “ไม่ๆๆ มีสิ”
หัวใจของสองสามีภรรยารัดแน่น
ฉินเหยาหัวเราะอย่างถ่อมตัว “ไม่เท่าไหร่หรอก ข้าเคยพบขุนนางในที่ว่าการอำเภอมาบ้าง”
รอยยิ้มของนางเหอพลันแข็งค้าง น้องสะใภ้ช่างถ่อมตัวเสียจริง
ฉินเหยาหันไปมองสิ่งของที่กองเต็มท้ายเกวียนแล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ซื้ออะไรกันมานักหนา เยอะขนาดนี้เลยหรือ”
ตอนนี้พวกเขามีเกวียนสองเล่ม ทุกคนจึงนั่งได้บนเกวียน
หลิวเหล่าฮั่นและหลิวจ้งเบียดกับเด็กทั้งหกในเกวียนม้า ส่วนเกวียนวัวใช้บรรทุกสิ่งของ และยังมีหลิวจี้เป็นสารถี ที่ท้ายเกวียนยังพอมีที่ให้ฉินเหยาและนางเหอนั่งได้
วัวน้ำตัวใหญ่สีเทาเข้ม รูปร่างกำยำเป็นพิเศษ ลากเกวียนได้มั่นคง แถมยังเชื่อฟัง ใช้ดียิ่งกว่าม้าเสียอีก
ที่สำคัญมันยังใช้ไถนาได้อีกด้วย ชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็รู้สึกว่าเงินสิบหกตำลึงที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง!
นางเหอชี้ไปที่ของบนเกวียน “นี่คือถั่วลิสง นั่นคือถั่วแขก และยังมีของแห้งจากทางใต้ เอาไว้ต้มน้ำแกง…”
พืชผักไว้ไปซื้อในหมู่บ้าน รวมถึงไข่ไก่ด้วย ตอนกลับต้องไปหาท่านยายหวังสักหน่อย ขอให้นางช่วยเก็บไข่ไก่ไว้ให้ อย่าเพิ่งขายออกไป
ฉินเหยารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “อาหารเยอะเช่นนี้ คิดจะทำกับข้าวกี่อย่างหรือ”
“ท่านแม่บอกว่างานมงคลมีไม่บ่อยนัก จะเตรียมสิบอย่าง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเหอนึกขึ้นได้ว่ายังต้องไปแจ้งข่าวกับญาติพี่น้องและสหาย จึงถามฉินเหยาอย่างคาดหวัง “เกวียนวัวของเจ้า พวกข้ายืมใช้สักหน่อยได้หรือไม่”
ฉินเหยาโบกมืออย่างใจกว้าง “ใช้ได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่าลืมป้อนอาหารมันให้อิ่มก่อนนำมาคืนข้าด้วย”
นางเหอดีใจเป็นอย่างยิ่ง รีบรับปากทันทีว่าจะดูแลวัวของนางให้เป็นอย่างดี ในหัวเริ่มจินตนาการถึงสีหน้าตกตะลึงของพ่อแม่และพี่สะใภ้เมื่อนางขับเกวียนวัวกลับไปแจ้งข่าวที่บ้าน
แค่คิดก็อดมีความสุขไม่ได้แล้ว
ฉินเหยามองนางที่หัวเราะคนเดียวอย่างมีความสุขก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างจนใจ ก่อนจะเงยหน้ามองทิวทัศน์สองข้างทาง
“เฮ้อ~”
เสียงถอนหายใจดังมาจากบนรถม้า หลิวเหล่าฮั่นพูดอย่างกลัดกลุ้ม “ดูเหมือนว่าฟ้าจะใสขึ้นทุกวัน หิมะฤดูหนาวคงจะไม่ตกแล้วล่ะ”
จินเป่าถามอย่างสงสัย “ท่านปู่ หิมะไม่ตกไม่ดีหรือ หิมะตกทีไรหนาวจะตาย ท่านยังจะอยากให้มันตกอีกหรือ”
หลิวเหล่าฮั่นหันไปมองหลานชายคนโตแสนโง่เขลาอย่างขุ่นเคือง “อยู่มาจนโตป่านนี้ เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ยังเป็นลูกชาวนาตระกูลเราอยู่ไหม”
“ข้าก็ไม่อยากเป็นชาวนาตั้งแต่แรกแล้วนี่” จินเป่าลอบมองต้าหลางกับเอ้อร์หลาง เขาเองก็อยากไปสำนักศึกษาเหมือนกัน ใครกันจะอยากทำงานในทุ่งนา
หลิวเหล่าฮั่นลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา เด็กคนนี้ดูทึ่มทื่อเหมือนพ่อไปเสียหมด ไม่ได้ฉลาดเฉลียวเหมือนแม่เลยสักนิด
เมื่อเห็นว่าเด็กๆ อีกหลายคนต่างจ้องมองมาด้วยความอยากรู้ เขาจึงอธิบายอย่างอดทนว่า “ชาวนาเช่นพวกเราต้องพึ่งพาฟ้าดิน หากฤดูกาลผิดเพี้ยน ผลผลิตในปีหน้าก็จะได้รับผลกระทบ”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดผู้คนจึงกล่าวว่าหิมะมงคลบ่งบอกถึงปีอุดมสมบูรณ์”
เด็กๆ พากันส่ายหน้า ก่อนจะถามอย่างกระตือรือร้น “ทำไมหรือ”
“เพราะหิมะสามารถทำให้ไข่แมลงศัตรูพืชที่ฝังอยู่ใต้ดินถูกแช่แข็งจนตายได้ ดังนั้นปีหน้าพืชผลก็จะเติบโตได้ดีขึ้น แต่หากไม่มีหิมะมาทำลายไข่แมลงเหล่านี้ เมื่ออากาศอบอุ่นขึ้น พวกมันก็จะฟักออกมาเป็นตัวและทำลายพืชผลของเรา”
พูดถึงตรงนี้ หลิวเหล่าฮั่นก็นึกถึงภัยพิบัติตั๊กแตนครั้งใหญ่เมื่อยี่สิบปีก่อน อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ต้าหลางถามด้วยความกังวล “ท่านปู่ แต่เมื่อเดือนสิบสองก็ยังมีหิมะตกอยู่บ้างไม่ใช่หรือ อย่างน้อยก็คงช่วยกำจัดไข่แมลงไปได้บ้างแล้วกระมัง”
หลิวเหล่าฮั่นพยักหน้าเบาๆ แต่ความกังวลในใจกลับไม่ลดน้อยลง
หากผลผลิตลดลงเพียงเล็กน้อยก็จะใช้ชีวิตลำบากขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหวังให้ฟ้าฝนเป็นใจไปได้ตลอดรอดฝั่ง