ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 186 หีบลาก
เมื่อถึงอำเภอแล้ว เรื่องรายละเอียดต่างๆ หลิวจี้จะจัดการเอง
การที่ฉินเหยาสามารถมอบเงินให้เขานำไปสร้างเส้นสายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หลิวจี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะเขาพบว่า ตนเองเริ่มเข้าใจนางมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
นางผู้นี้ มีมาตรฐานทางศีลธรรมที่ไม่แน่นอน มิได้ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ทางสังคมมากนัก ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ตราบใดที่ยังคงยึดหลัก ‘ผลประโยชน์ส่วนตัว’ เป็นสำคัญ ก็สามารถมองข้ามรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่สำคัญไปได้
หลิวจี้คาดเดาว่า อาจเป็นเพราะประสบการณ์ของนางในการลี้ภัย ไม่เช่นนั้นหากเป็นคนธรรมดาทั่วไป เมื่อได้ยินว่าเขาคิดโกงคงตกใจแทบตายแล้ว นับประสาอะไรกับการสนับสนุนอย่างใจเย็นและช่วยวิเคราะห์ให้
เมื่อคิดถึงเงินในมือ หลิวจี้ก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ความยุติธรรมคือสิ่งใดกัน
ความยุติธรรมก็คือ เมื่อผู้อื่นสร้างเส้นสาย เจ้าก็ต้องสร้างเส้นสายด้วย หากไม่ทำ เช่นนั้นถือว่าไม่ยุติธรรม
เมื่อหลิวจี้จากไป โรงงานกังหันน้ำก็กลับมาเปิดทำงานอีกครั้ง
ทว่าคนงานมีเพียงฉินเหยาและช่างไม้หลิวสองคนเท่านั้น พวกเขาผลัดกันเข้าเวรที่โรงงานคนละสามวัน เพื่อมิให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าโรงงานปิดตัวไปแล้ว
กระนั้นก็ตาม ในหนึ่งวันแทบไม่พบเห็นผู้ใด ทั้งสองโดยมากเพียงเปิดประตูโรงงานไว้ แล้วกลับไปทำงานที่บ้านของตนเอง
สำนักศึกษาตระกูลติงกำลังจะเปิดเรียนในเร็ววัน ฉินเหยาจึงเริ่มเตรียมการให้ต้าหลางและเอ้อร์หลางเข้าเรียน
นางพาทั้งสองไปยังหมู่บ้านเซี่ยเหอเพื่อตามหาสารถี ตกลงราคาค่าจ้างแบบเหมารายปี เด็กสองคนรวมกันเป็นเงินหนึ่งตำลึงห้าเฉียนจ่ายเป็นรายครึ่งปีจึงมอบค่ารถล่วงหน้าสำหรับหกเดือน จำนวนเจ็ดร้อยห้าสิบเหวินไว้ก่อน
เมื่อมี ‘รถโรงเรียนรับส่ง’ แล้ว ขั้นตอนถัดไปก็คือเตรียมเครื่องเขียนสำหรับเข้าเรียน
ที่นี่ไม่มีใครใช้ถุงตำรากัน ทุกคนล้วนใช้หีบตำราซึ่งกันแดดกันฝนได้ดี มีเพียงข้อเสียเดียวคือ หนักเกินไป
ฉินเหยาไปยังบ้านหลิวต้าฝูเพื่อชมหีบตำราเก่าของหลิวลี่ ขนาดไม่ใหญ่นัก สูงครึ่งเมตร หนาสามสิบเซนติเมตรและยาวสี่สิบเซนติเมตร
หีบเล็กๆ ใบนั้นถูกแบ่งเป็นลิ้นชักหลายช่อง ช่องเล็กใช้วางแท่นฝนหมึก พู่กัน และแท่งหมึก ส่วนช่องใหญ่ใช้ใส่ตำราและกระดาษ
ยังมีลิ้นชักตั้งแนวตั้งอีกช่อง ที่น่าประหลาดใจคือ สามารถใส่เตาอุ่นมือขนาดเล็กได้อีกด้วย ช่างประณีตยิ่งนัก
เมื่อดูรอบหนึ่ง ฉินเหยาก็อดไม่ได้ที่จะยกย่องภูมิปัญญาของคนโบราณ
แต่นางคิดว่าหีบนี้แม้จะเล็ก แต่สำหรับต้าหลางและเอ้อร์หลางแล้ว ขนาดก็เกือบครึ่งหนึ่งของตัวพวกเขาเลยทีเดียว
เด็กกำลังโต หากต้องแบกหีบไม้หนักเช่นนี้ทุกวัน หากส่งผลต่อการเจริญเติบโตจะทำอย่างไร
แต่ถุงผ้าก็กันน้ำไม่ได้ อุปกรณ์พู่กัน หมึก และกระดาษเหล่านี้โดนน้ำไม่ได้เลยเพราะล้วนเป็นของเปราะบาง
ต้าหลางและเอ้อร์หลางกลับมิได้ใส่ใจ ตรงกันข้าม ทั้งคู่กลับดีใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเรียน ทุกสิ่งเกี่ยวกับการเรียนล้วนทำให้พวกเขาตื่นเต้น
เห็นฉินเหยาหมกมุ่นกับเรื่องนี้ สองพี่น้องทั้งซาบซึ้งใจและไม่เข้าใจ พวกเขารู้สึกว่าหีบนี้ดีมากอยู่แล้ว แต่เหตุใดแม่เลี้ยงจึงดูเหมือนยังไม่พอใจ
หรือว่ายังมีหีบที่ดียิ่งกว่าหีบตำราอันแสนประณีตนี้อีก?
“ได้แล้ว!” ฉินเหยาตบต้นขาตนเอง “กระเป๋าเดินทางมิใช่สามารถแก้ปัญหาเรื่องความหนักได้หรอกหรือ”
อย่าว่าแต่ล้อเลย แม้แต่คันชักดึง ช่างไม้หลิวก็ทำได้แน่นอน
เพราะนางเคยเห็นเขาทำม้านั่งแบบดึงออกได้ ปกติพกไปนั่งสนทนาที่บ่อน้ำกลางหมู่บ้าน เมื่อล้าหลังก็ดึงคันออกมาใช้เป็นพนักพิง
คิดถึงตรงนี้ ฉินเหยาก็อยากเห็นแทบทนไม่ไหว
นางหันไปบอกต้าหลางและเอ้อร์หลางที่ยังงุนงงว่า “รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะทำของดีให้พวกเจ้า!”
กล่าวจบ ร่างของนางก็พุ่งออกไปดุจสายลม มุ่งตรงไปยังโรงงานอย่างไม่ลังเล
นางวิ่งรวดเร็วเสียจนเส้นผมพลิ้วไหวกระจายไปตามแรงลมราวกับคนเสียสติที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งอยู่บนถนน
“ไม่ใช่สิ…” ต้าหลางและเอ้อร์หลางรีบส่ายหน้า ขับไล่ความคิดอกตัญญูเช่นนั้นออกไปจากหัว
“ท่านแม่ไม่เป็นไรแน่หรือ” เอ้อร์หลางมองแผ่นหลังของสตรีผู้ว่องไวราวสายลมด้วยความกังวล
ต้าหลางสูดปากอย่างลังเล ไม่วางใจนัก “ข้าไปดูเอง”
เอ้อร์หลางพยักหน้ารัวๆ เร่งให้พี่ชายตามไปโดยเร็ว
ต้าหลางก้าวออกจากประตู ไล่ตามนางไปจนถึงโรงโม่น้ำ ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป เขาก็เห็นฉินเหยากำลังดึงตัวช่างไม้หลิวที่กำลังขูดไม้มาไว้ข้างตัว นางถือไม้แผ่นหนึ่งอยู่ในมือ ขณะเดียวกันทั้งสองก็นั่งยองๆ ลงบนพื้น ใช้ไม้วาดลวดลายบางอย่างพร้อมทั้งพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
ช่างไม้หลิวยกมือขึ้น “ให้ข้าตั้งสติก่อน ให้ข้าตั้งสติสักประเดี๋ยว”
เขาวางเครื่องมือในมือลง สูดลมหายใจลึก ระงับหัวใจที่แตกตื่นจากการถูกฉินเหยาฉุดกระชาก ก่อนจะย่อตัวลงพินิจพิจารณาภาพวาดทรงสี่เหลี่ยมตรงหน้า
แม้ลายมือของฉินเหยาจะธรรมดา แต่ภาพวาดของนางกลับแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง แถมยังมีมิติ ทำให้ช่างไม้หลิวเข้าใจแนวคิดของนางได้โดยง่าย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อมองเห็นรูปทรงของหีบเดินทางบนพื้น เขาถึงกับตบเข่าตนเองด้วยความตื่นเต้น “เหตุใดข้าจึงไม่เคยนึกถึงการนำสิ่งเหล่านี้มาประกอบด้วยกันมาก่อนเลย”
เขาทำล้อได้ ทำหีบตำราแบบเข้าเดือยได้และทำคันลากแบบยืดหดได้เช่นกัน
แต่เขากลับไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะนำสิ่งเหล่านี้มารวมกันเพื่อสร้างสรรค์เป็นหีบที่สามารถลากได้!
ช่างไม้หลิวตื่นเต้นจนตบต้นขาตนเอง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ต้นขาของเขาแทบจะถูกตบจนชาแล้ว เขาโยนงานในมือทิ้งไปและรีบลงมือทำทันที
ฉินเหยาตะโกนเรียกเขาหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้ยินราวกับจมอยู่ในภวังค์
รู้ดีว่าหากเขายังไม่ทำหีบเดินทางนี้ออกมา เขาคงไม่ยอมหยุดแน่ ฉินเหยาจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็หมุนตัวกลับ มุ่งหน้าไปยังบ้านของหลิวต้าฝูเพื่อยืมหีบตำราเก่ามาช่วยลดภาระงานให้ช่างไม้หลิว จะได้ทำคันลากและล้อออกมาทดลองก่อน
“น้าเหยา!” ต้าหลางสะดุ้งเมื่อเห็นฉินเหยาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง
ฉินเหยามองเขาด้วยความแปลกใจ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ต้าหลางเดินตามนางเข้าไปในหมู่บ้าน “ข้ามาดูท่าน”
“ดูข้าเรื่องอะไร?” ฉินเหยาหัวเราะ มองเขาอย่างรู้ทันแล้วกล่าวออกมาตรงๆ “เจ้ากับเอ้อร์หลาง คงคิดว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่ ไม่มีทางหรอก!” ต้าหลางตอบเสียงหนักแน่นด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉินเหยาหัวเราะเสียงดัง พลางโบกมือไล่ให้เขากลับไป “ข้าสบายดี ไม่ต้องกลัวไป”
กล่าวจบ นางก็เลี้ยวเข้าสู่ทางแยกที่จะไปบ้านของหลิวต้าฝู
ต้าหลางได้ยินคำว่า ‘ข้าสบายดี’ ของนางก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะกลับบ้านไป
ครั้นถึงยามโพล้เพล้ ฉินเหยาวิ่งกลับมาบ้าน รีบตักข้าวเข้าปากเพียงไม่กี่คำ แล้วก็คว้าชามข้าวพร้อมกับข้าวที่เต็มแน่นในมือ ก่อนจะกลับไปที่โรงโม่น้ำ
“ช่างไม้หลิว ท่านทำเสร็จหรือยัง” นางยังไม่ทันก้าวพ้นประตู เสียงเร่งเร้าก็ดังก้องเข้าไปก่อนแล้ว
ช่างไม้หลิวเก็บคันลากในมือ หันมามองนางพร้อมกับยิ้มกว้าง “ตามที่เจ้าต้องการ เสร็จแล้ว!”
ฉินเหยาส่งอาหารที่นางห่อมาให้เขา จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างหน้าเพื่อดูผลงานอย่างคาดหวัง
หีบตำราเก่าถูกดัดแปลง ที่ด้านล่างมีการเพิ่มร่องครึ่งวงกลมสี่ช่องสำหรับใส่ล้อไม้ ล้อไม้ขนาดเท่าฝ่ามือสี่ล้อพอดีติดเข้ากับร่องเหล่านั้น โดยมีแท่งไม้กลมหนาใช้เป็นแกนหมุนตรงกลาง
ฉินเหยายกนิ้วขึ้นสะกิดเบาๆ ล้อก็หมุนไปอย่างราบรื่นเกินคาด
จากนั้นนางมองไปที่ด้านหลังของหีบไม้ ตรงกลางค่อนไปทางล่างมีการเพิ่มแผ่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาเจ็ดถึงแปดเซนติเมตร และที่สำคัญแกนลากสองอันที่เป็นหัวใจหลัก ถูกซ่อนอยู่ครึ่งหนึ่งภายในแผ่นไม้นั้น
“เจ้าลองดึงดู” ช่างไม้หลิวเอ่ยเร่งด้วยน้ำเสียงมั่นใจพลางกินข้าวไปด้วย
ฉินเหยาดึงคันลากออกมา เดิมทีดูเหมือนเป็นเพียงแผ่นไม้สี่เหลี่ยมธรรมดา แต่กลับซ่อนกลไกอันซับซ้อนไว้ภายใน
เมื่อดึงออกมา คาดไม่ถึงว่าคันลากจะสามารถตรึงอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดได้อย่างมั่นคง ไม่ต่างจากคันลากของยุคปัจจุบันที่ใช้กลไกล็อกไว้เลยแม้แต่น้อย
………………..