ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 19 หมีดำ
“ต้าหลาง เอ้อร์หลาง! เปิดประตูหน่อย นี่ป้าใหญ่เอง พวกเจ้ากินอะไรรึยัง ป้าทำวอโถวข้าวกล้องมา รีบออกมารับสิ!”
ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อเห็นซานหลางและซื่อเหนียงที่กำลังร้องไห้ สะใภ้ใหญ่เหอก็ถามอย่างตกใจว่า
“พวกเจ้าร้องไห้ทำไม หรือเพราะป้ามาช้าเลยหิวหรือ”
พูดไปก็รีบหยิบวอโถวข้าวกล้องที่ปิดด้วยผ้าบางในตะกร้าออกมายื่นให้เด็กทั้งสองคนพร้อมพูดกับต้าหลางและเอ้อร์หลางว่า
“ไม่รู้ว่าแม่เลี้ยงของเจ้าจะกลับมาเมื่อใด ต่อไปถ้าจะกินข้าวก็ไปที่เรือนเก่าเถอะ นางฝากเงินไว้กับป้า ให้ป้าคอยมาดูแลอาหารการกินของพวกเจ้า”
ต้าหลางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง “นางฝากเงินไว้ให้ท่านหรือ”
ไม่ใช่ว่าทิ้งพวกเขาแล้วแอบหนีไปหรือ
สะใภ้ใหญ่เหอพยักหน้า มองดูแฝดชายหญิงที่กำลังกินวอโถวจนลืมร้องไห้ก็พึมพำอย่างหงุดหงิดเบาๆ ว่า
“แม่เลี้ยงของพวกเจ้านี่ช่างเหมือนกับพ่อเจ้าเสียจริง หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมือง นางทิ้งเงินแค่ไม่กี่เหรียญให้รับผิดชอบปากท้องพวกเจ้าสี่คน ไม่รู้ว่าป้ายังต้องควักเพิ่มอีกเท่าไร”
“นี่ก็สี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมา ป่าลึกไม่ใช่ที่ที่เข้ากันง่ายๆ นางเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ ถ้าหากว่า…”
พูดมาถึงตรงนี้ก็สังเกตเห็นว่าเด็กทั้งสี่คนถลึงตามองนาง ราวกับหากนางกล้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับแม่เลี้ยงของพวกเขา พวกเขาก็จะกระโจนเข้ามากัดทันที สะใภ้ใหญ่เหอจึงรีบเงียบปากทันที
นางทำเสียงจิ๊จ๊ะ ก่อนยัดวอโถวที่เหลือในตะกร้าให้ต้าหลางกับเอ้อร์หลางแล้วกำชับอีกครั้งว่า “เช้าเย็นพวกเจ้ามากินข้าวที่เรือนเก่านะ ป้าไม่มีเวลามาส่งให้ทุกวัน งานในบ้านยังมีอีกเยอะแยะ”
ทั้งยังพึมพำเบาๆ ว่า “ยังอุตส่าห์ปกป้องนางอีก” แล้วค่อยเดินออกไปพร้อมตะกร้าเปล่า
ที่บ้านของนางยังมีงานอีกมากมายจนเกือบลืมไปว่ามีปากท้องของเด็กทั้งสี่คนในบ้านเจ้าสามให้ดูแล ทำให้มาถึงช้า
ทันทีที่สะใภ้ใหญ่เหอจากไป พี่น้องสี่คนที่ยังเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม ขณะที่กัดวอโถวที่ยังอุ่นอยู่ พวกเขาก็คิดในใจว่า แม่เลี้ยงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา นางยังบอกให้ป้าใหญ่มาดูแลพวกเขาอีกด้วย
“พี่ใหญ่ นางต้องล่าสัตว์กลับมาได้แน่ๆ” เอ้อร์หลางพูดพร้อมมองท้องฟ้ากระจ่าง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกมีความหวังในใจ เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า “นางแข็งแรงมาก ต้องทำได้แน่”
“อืม” ต้าหลางเงยหน้ามองเทือกเขาอันสลับซับซ้อนทางทิศเหนือที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย
“รีบกิน พอกินเสร็จแล้วต้มน้ำล้างหน้ากันหน่อย สกปรกมาก” ต้าหลางเร่งน้องๆ
เด็กเล็กทั้งสามหัวเราะคิกคักพร้อมยิ้มให้เขา ก่อนหน้านี้ขณะก่อไฟในบ้าน ควันไฟทำให้ใบหน้าของพวกเขามีคราบดำเหมือนแมวลาย
ซื่อเหนียงกินเสร็จก่อนใคร จากนั้นก็นั่งเรียบร้อยอยู่ที่ธรณีประตู รอให้พี่ชายต้มน้ำเสร็จจะได้ล้างหน้าคนแรก
เด็กหญิงเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย แหงนหน้าขึ้นให้พี่ใหญ่เช็ดทำความสะอาดพร้อมพึมพำว่า
“ท่านแม่ชอบเด็กดีที่สะอาดที่สุด ซื่อเหนียงจะเชื่อฟังท่านแม่และเป็นเด็กดีที่สะอาด”
ต้าหลางจัดการทำความสะอาดน้องเล็กสองคนเสร็จแล้วไล่พวกเขาไปอยู่บนเตียงเพื่อห่มผ้าจะได้ไม่เป็นหวัด
แม้ว่าฟ้าจะสดใสแล้ว แต่ข้างนอกก็ยังหนาวอยู่เล็กน้อย
หลังจากทำความสะอาดตัวเองเรียบร้อยแล้ว เห็นเตากลางแจ้งสกปรกจากน้ำฝนและใบไม้ที่ร่วงหล่น ต้าหลางและเอ้อร์หลางจึงหยิบไม้กวาดขึ้นมาเงียบๆ เพื่อเริ่มทำความสะอาดบ้าน
เมื่อก่อนไม่มีใครสอนพวกเขาให้รักษาความสะอาด ดังนั้นทุกอย่างจึงสกปรกหมด
แต่ตอนนี้มีคนบอกพวกเขาว่า ตอนเช้าและเย็นต้องบ้วนปากล้างหน้า ก่อนขึ้นเตียงต้องล้างเท้า ชามข้าวต้องเช็ดให้สะอาดทุกครั้งและเตาไฟต้องรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
นางยังสอนพวกเขาสานเชือกฟาง เมื่อเจอสิ่งใหม่ๆ ก็มักจะบอกเล่าให้พวกเขาฟัง
พวกเขาเพิ่งได้รู้จากปากนางว่า เผือกไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหรือมีพิษ แต่เป็นอาหารที่สามารถต่อชีวิตได้
นางเหมือนเป็นเสาหลักของบ้านหลังนี้ เมื่อมีนางอยู่ พวกเขาก็รู้สึกอุ่นใจ
ต้าหลางหยุดมือที่กำลังกวาดบ้าน รู้สึกแปลกใจที่พบว่า เพียงไม่กี่วันที่แม่เลี้ยงมาอยู่ด้วย เขาก็เริ่มพึ่งพานาง
แม้แต่พ่อแท้ๆ ที่ถูกพาตัวไป เขาก็แทบไม่ได้คิดถึงเลย
ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดว่า หากวันเวลาเป็นเช่นนี้ตลอดไปได้ก็คงดี
ชายผู้นั้น…หากไม่กลับมาก็ดีเหมือนกัน
“พี่ใหญ่?” เอ้อร์หลางเรียกพี่ชายเสียงหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาเหม่ออะไร เรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่ยอมตอบ
“พี่คิดถึงแม่เลี้ยงอยู่หรือ” เอ้อร์หลางถามอย่างเก้อเขิน
ต้าหลางได้สติ รีบพยักหน้ารับส่งๆ กลัวว่าน้องชายจะรู้ถึงความคิดด้านมืดในใจของเขา
จากนั้น ความรู้สึกผิดก็เข้ามาเต็มหัวใจ เขารู้สึกว่าตนเองเป็นลูกอกตัญญูนัก เขาไม่ควรมีความคิดเช่นนี้เลย
เอ้อร์หลางพูดเสียงเบา “ไม่รู้เลยว่าแม่เลี้ยงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
แสงอาทิตย์ยามเย็นอาบย้อมท้องฟ้าทั้งผืนให้เป็นสีแดง ต้าหลางมองไปยังเขาทางเหนืออีกครั้ง
“ฮัดชิ้ว!”
ฉินเหยาที่อยู่บนต้นไม้ควบคุมตัวเองไม่อยู่ จามออกมาอย่างแรง
แรงจามทำให้มือที่ถือมีดสั่นจนเกือบถูกหมีดำที่ยืนขึ้นฟาดตกลงมาจากต้นไม้
โชคดีที่สัญชาตญาณการต่อสู้ที่ฝึกฝนมาจากวันสิ้นโลกยังคงอยู่ ร่างกายของนางจึงตอบสนองอัตโนมัติหลบการโจมตีของอุ้งเท้าหมีในชั่วพริบตา
แต่การหลบครั้งนี้ทำให้หมีดำที่เดิมนางควบคุมไว้ใต้ต้นไม้กระโดดขึ้นมาบนต้นไม้ได้สำเร็จ ตอนนี้ทั้งคนและหมีอยู่บนกิ่งไม้เดียวกัน ห่างกันไม่ถึงสองเมตร ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันนิ่ง
ฉินเหยาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นางหยิบลูกศรขึ้น น้าวธนูแล้วยิงออกไปในทันที!
คนส่วนใหญ่ล้วนพูดว่ามือธนูไม่สามารถต่อสู้ในระยะประชิดได้ นั่นเป็นเพียงเพราะพวกเขายังฝึกมาได้ไม่เร็วพอ
ในวันสิ้นโลก พืชและสัตว์กลายพันธุ์ไม่ได้สนใจระยะใกล้หรือไกล พวกมันจะโผล่มาแบบไม่คาดคิดต่อหน้าต่อตาเจ้า
ในสถานการณ์ที่กระสุนและยาขาดแคลน ฉินเหยาฝึกฝนจนเชี่ยวชาญธนูระยะประชิด แม้อานุภาพจะไม่รุนแรงเท่าการยิงระยะไกล แต่ก็เพียงพอที่จะหยุดการรุกคืบของศัตรูได้
และเมื่อศัตรูที่เผชิญหน้าเป็นมนุษย์ ทักษะธนูระยะประชิดนี้ก็มักทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัว
ลูกธนูที่ยิงในระยะประชิดพุ่งเข้าสู่ร่างหมีดำอย่างไม่พลาดเป้า
แต่แรงยิงไม่มากพอที่จะสร้างบาดแผลลึก ทำได้เพียงกรีดผ่านผิวหนังและขน ทำให้หมีดำโกรธมากกว่าเดิม มันคำรามเสียงดังแล้วพุ่งใส่ฉินเหยาอย่างรวดเร็ว
ก่อนนี้ฉินเหยารอคอยโอกาสที่จะล่อหมีดำตัวนี้ออกมานาน ในที่สุดฝนก็หยุด กับดักที่วางไว้ก็เตรียมพร้อม หมีดำก็ปรากฏตัวตามที่คาดไว้
แต่ไม่คิดเลยว่าหมีตัวนั้นกลับไม่ตกหลุมพราง ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเห็นฉินเหยา มันราวกับจะรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของนางหันหลังวิ่งหนีไปในทันที ไม่ตกลงไปในกับดักที่นางวางไว้
ฉินเหยาไม่อาจปล่อยให้หมีดำที่ล่อมาได้อย่างยากเย็นวิ่งหนีไปเฉยๆ นางยิงธนูออกไปทันที ลูกธนูพุ่งตรงเข้าที่สะโพกของมัน ยั่วโทสะมันจนหันกลับมาและพุ่งเข้าหานางด้วยความเดือดดาล
จากนั้น หนึ่งคนหนึ่งหมีก็ไล่ล่าและต่อสู้กันในป่าที่ไม่ค่อยหนาทึบแห่งนี้ไปกว่าสิบรอบ
ขณะที่หมีดำกระโจนเข้ามา ฉินเหยาก็เปลี่ยนมาใช้มีดสั้นที่ลับจนคมกริบแล้ว ด้านหลังของนางคือปลายกิ่งไม้ที่เปราะบางที่สุด ซึ่งไม่สามารถรับน้ำหนักของคนได้
นางไม่มีทางถอยหลังและจะไม่ถอยหลังเด็ดขาด!
นางเอี้ยวตัว งอเข่า แล้วยกมีดขึ้นพร้อมใช้แรงเกือบทั้งหมด แทงไปยังหน้าท้องซึ่งเป็นจุดสีขาวเพียงแห่งเดียวบนตัวหมีดำอย่างเต็มแรง!
“โฮกกก!!”
เสียงคำรามโหยหวนสะเทือนภูเขาเกือบทั้งลูกดังก้องขึ้น ตุบ หมีดำที่เปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือดเมื่อครู่กลับร่วงลงจากกิ่งไม้สูงสี่เมตรในชั่วพริบตา
ฉินเหยาคว้ากิ่งไม้ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือมีดเปื้อนเลือด กระโดดลงจากกิ่งไม้พร้อมใช้น้ำหนักทั้งหมดของร่างแทงมีดลงบนร่างหมีดำที่กำลังนอนดิ้นด้วยความเจ็บปวด
หลังจากเสียงร้องโหยหวนสั้นๆ ผ่านพ้น มีดแทงลงไปที่ลำคอหมีดำจนมิดคมเหลือเพียงด้ามโผล่พ้นออกมา เลือดสดๆ ไหลออกมาจากด้านหลังศีรษะ ชุ่มโชกพื้นดินสีดำที่เน่าเปื่อยใต้ร่างของมัน
หมีดำสิ้นใจไปอย่างไม่ยินยอม
ฉินเหยาคุกเข่าบนร่างของหมีดำ ดึงมีดออกมาอย่างชินชา ก่อนยกมือเช็ดเลือดอุ่นร้อนของหมีออกจากใบหน้า นางก้มมองหมีดำที่นอนตายอย่างน่าสยดสยองอยู่ใต้ร่างตน พร้อมรอยยิ้มบ้าคลั่งที่มุมปาก
เมื่อมีมัน ฤดูหนาวปีนี้ก็น่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างสบายแล้ว