ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 23 ไม่กล้าขยับ
ความรู้สึกไม่ดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ฉินเหยาเข้าหมู่บ้านและพบกับชาวบ้านกลุ่มแรก
พวกเขามองสินค้าบนรถที่เต็มแน่นของนางด้วยความตกตะลึงก่อน แต่เพราะไม่ได้สนิทกันจึงไม่ได้พูดคุย
แต่ท่าทางเหมือนอยากพูดแล้วเงียบไปของพวกเขาทำให้ฉินเหยาสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าใดนัก
ต่อมา เมื่อรถเคลื่อนผ่านบ่อน้ำในหมู่บ้านซึ่งโดยปกติจะมีคนมาพักผ่อนก่อนมื้ออาหาร แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครเลย
พี่สะใภ้โจวเดินมาจากทุ่งทางเหนือพร้อมตะกร้าผักที่เพิ่งเก็บมา พอเห็นฉินเหยาเข้านางก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะร้องเรียกว่า
“น้องสะใภ้ หลายวันนี้เจ้าไปไหนมา แล้วเสบียงเต็มรถนี่มาจากไหนกัน ช่างเถอะ เจ้ารีบกลับบ้านไปดูก่อนเถอะ เจ้าหลิวสามกลับมาแล้ว!”
เจ้าหลิวสามกลับมาแล้วหรือ
กลับมาในสภาพยังมีชีวิตหรือกลับมาแบบเป็นศพเล่า
คำพูดนี้กำลังจะเอ่ยออกไป แต่คิดว่าพูดออกไปคงไม่เหมาะ นางจึงพยักหน้าให้พี่สะใภ้โจว ก่อนหันไปเร่งสารถีให้เร็วขึ้นแล้วสาวก้าวเท้ายาวๆ เดินไปยังบ้าน
ยังไม่ทันถึงบ้าน เพิ่งมาถึงริมแม่น้ำกำลังจะข้ามสะพานก็เห็นฝูงชนล้อมรอบบ้านบนเนินเขาอยู่
ในกลุ่มนั้นยังมีคนจากเรือนเก่าตระกูลหลิว หลิวเหล่าฮั่นและหลิวไป่น้องชายทั้งสามคนกำลังพูดคุยกับใครบางคน โดยในคำพูดที่ลอยมาคือ “ขอท่านโปรดผ่อนผันอีกสักสองสามวัน” และ “พวกเราจะหาวิธีชดใช้ให้ท่านแน่นอน”
ใจของฉินเหยาสะดุดไปวูบหนึ่ง มีความรู้สึกอยากหันหลังกลับในทันที
แต่ไม่ทันการแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่นางเหอเห็นนางเข้าจึงร้องเสียงดังออกมาด้วยความดีใจ
“น้องสะใภ้ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!”
คนที่ล้อมวงอยู่หน้าประตูบ้านหันมามองทางสะพานพร้อมกัน
ฝูงชนแหวกออก เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของหลินเอ้อร์เป่าอีกครั้ง
ฉินเหยากำมีดในมือแน่นขึ้น ก่อนบอกสารถีว่าไม่ต้องกลัวและรออยู่ตรงนั้น จากนั้นก็เดินเข้าไปคนเดียวพลางถามด้วยความไม่พอใจว่า
“เหตุใดเจ้าถึงมาอีกแล้วเล่า”
ไอสังหารพวยพุ่งราวกับไม่พอใจที่หลินเอ้อร์เป่าส่งหลิวจี้ที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมา
ใช่แล้ว หลิวจี้ยังมีชีวิตอยู่
แต่เป็นสภาพปางตาย ทั้งร่างถูกห่อด้วยผ้าป่านเก่าๆ มีแต่รอยช้ำเขียวม่วงเต็มไปหมด กำลังนอนสลบอยู่บนพื้น
โดยเฉพาะใบหน้านั้นที่เขาเคยภาคภูมิใจนักหนา ตอนนี้ดูน่าสมเพชจนไม่กล้ามอง
ต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่ล้อมอยู่ข้างกายหลิวจี้ เรียกให้เขาฟื้น เมื่อเห็นฉินเหยาปรากฏตัว ดวงตาทั้งสี่คู่พลันสว่างวาบพร้อมกัน แทบไม่ต้องคิด พวกเขาก็ทิ้งหลิวจี้และวิ่งตรงมาทางฉินเหยาทันที
“ท่านแม่!”
“ท่านน้า!”
พี่น้องทั้งสี่คนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังนาง มองดูเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉินเหยาและมองรถเทียมวัวที่เต็มแน่นไปด้วยสิ่งของ พวกเขาก็รู้ทันทีว่านางจะต้องล่าสัตว์ได้จึงดีใจกันยกใหญ่
เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กทั้งสี่ ฉินเหยาก็ผ่อนคลายสีหน้าและลูบหัวพวกเขาทีละคนพลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ต้าหลาง เอ้อร์หลาง พาน้องๆ เข้าบ้านไปก่อน”
พี่น้องทั้งสี่มองไปยังชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างลังเล ฉินเหยาจึงพูดซ้ำอีกครั้งว่า “เข้าไปเถอะ ที่นี่ข้าจัดการเอง”
ต้าหลางจ้องมองฉินเหยาอย่างลึกซึ้ง คล้ายต้องการยืนยันว่านางสนใจชายที่อยู่บนพื้นจริงๆ นิ่งไปครู่หนึ่งเขาก็พาพี่น้องเข้าบ้านไปอย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่พี่น้องทั้งสี่ปิดประตูบ้าน ฉินเหยาก็ยกมีดในมือขึ้นอย่างรวดเร็วราวสายลม พุ่งไปจ่อที่คอของหลินเอ้อร์เป่าทันที
“เฮือก!”
ชาวบ้านที่มามุงดูและคนในตระกูลหลิวต่างตกใจจนพากันสูดลมหายใจลึก
ลูกน้องที่หลินเอ้อร์เป่านำมาด้วยรีบยกอาวุธในมือขึ้นทันที พวกเขาล้อมฉินเหยาไว้ เตรียมลงมือ
“ใครกล้าขยับ ข้าจะฆ่าเขาเสีย!” ฉินเหยาคำราม
คมมีดที่จ่อลำคอแผ่ซ่านความเย็นเยียบ กลิ่นคาวเลือดบนด้ามมีดแทรกซึมเข้าที่ปลายจมูก หลินเอ้อร์เป่าขนลุกไปทั้งตัวรีบตะโกนสั่งทันทีว่า
“หยุดให้หมด! ห้ามขยับ!”
จากนั้นเขาก็มองฉินเหยาด้วยสายตาเย็นชา “ฉินเหนียงจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ฉินเหยามองชายที่นอนอยู่บนพื้นในสภาพปางตายก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าต่างหากที่อยากถามเจ้าว่าหมายความว่าอย่างไร”
ก็ตกลงกันไว้ดิบดีแล้วว่าอย่าส่งกลับมาแบบมีชีวิตแล้วตอนนี้มันอะไรกัน
หลินเอ้อร์เป่าเองก็เริ่มโกรธขึ้นมาแล้วเช่นกัน “เจ้าหลิวสามพูดไว้ไม่ผิด เจ้ามันสตรีอำมหิต ข้าอุตส่าห์หวังดีส่งคนกลับมาให้เจ้าแบบมีชีวิต เจ้ากลับไม่ขอบคุณยังจะคิดฆ่าข้าอีก!”
“หึ~” ฉินเหยาหัวเราะ “เจ้าส่งคนกลับมา แล้วหนี้เล่า หรือว่าหายกันแล้ว?”
“ไม่มีทาง!” หลินเอ้อร์เป่าตอบเสียงเข้มทันที
ฉินเหยาหรี่ตาลงด้วยท่าทางอันตราย ยามนี้ ไอสังหารเข้มข้น เหมือนอยากจะเอาชีวิตหลินเอ้อร์เป่าและพรรคพวกแล้วจริงๆ
หลินเอ้อร์เป่าถูกสายตาของนางจับจ้องในใจสะท้านเยือก ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าบ้านของเจ้าหลิวสามจะมีหญิงดุร้ายเช่นนี้
ครั้งก่อนที่เขาพบฉินเหยา เขายังคิดว่านางเป็นเพียงหญิงปากจัดที่มีเรี่ยวแรงเยอะ แต่วันนี้ถึงได้รู้ว่านางไม่มีทางใช่สตรีธรรมดา เป็นวรยุทธ์ทั้งยังมีฝีมือสูงส่งอีกด้วย
หากรู้ล่วงหน้า เขาคงไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองในวันนี้
แต่ในขณะที่เขากำลังคิดจะเอ่ยโน้มน้าวฉินเหยา นางกลับลดมีดลงเองแล้วยื่นมือออกมา
หลินเอ้อร์เป่าถึงกับงุนงง ยกมือขึ้นคลำลำคอโดยไม่รู้ตัว พบว่ายังคงอยู่ดีไม่มีเลือดไหลจึงถอนหายใจยาวแล้วถามด้วยความงุนงงว่า “ทำอะไร”
“ใบหนี้”
หลินเอ้อร์เป่ารีบโบกมือให้พรรคพวกที่คิดจะฉวยโอกาสเข้ามาลงมือกับฉินเหยาให้ถอยออกไป ไม่ดูเสียบ้างว่าวรยุทธ์แมวสามขาอย่างพวกเขาเพียงพอที่จะจัดการสตรีโหดเหี้ยมนางนี้หรือไม่
เขาแอบเหลือบมองฉินเหยาหลายครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ล้วงใบหนี้ที่เพิ่งแสดงให้หลิวเหล่าฮั่นและคนอื่นดูออกมาอีกครั้ง
บนใบหนี้มีตัวหนังสือบูดๆ เบี้ยวๆ อยู่สองบรรทัดซึ่งนั่นเป็นลายมือของหลิวจี้
ตอนเด็ก หลิวเหล่าฮั่นคิดว่าอาจารย์ที่สำนักศึกษาจะสามารถอบรมบุตรชายทรพีให้ดีขึ้นได้ ทั้งครอบครัวจึงรัดเข็มขัด อดออมเงินค่าเล่าเรียนส่งเขาไปเรียนสองปี แต่เขากลับเรียนได้เพียงตัวอักษรเหมือนรอยเท้าสุนัขมา
ในนั้นเขียนไว้ว่า หลิวจี้ยืมเงินหลินเอ้อร์เป่าไปยี่สิบตำลึง ตกลงคืนพร้อมดอกเบี้ยเป็นยี่สิบสองตำลึงในอีกสองเดือน หากไม่คืนตรงเวลา จะคิดดอกเบี้ยเพิ่มวันละหนึ่งตำลึง
วันที่ลงนามไว้คือวันที่สามสิบเดือนเจ็ด
บัดนี้เป็นวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบ เลยกำหนดมาแล้วยี่สิบแปดวัน รวมเงินต้นและดอกเบี้ยต้องจ่ายห้าสิบตำลึงเต็ม
เมื่อฉินเหยาเห็นตัวเลขนี้ก็ถึงกับอดสบถออกมาไม่ได้ “บ้าจริง!”
มันดันพอดีกับเงินออมฉุกเฉินห้าสิบตำลึงของนางพอดี จะเล่นกันเพียงนี้เลยรึ!
ครอบครัวหลิวเหล่าฮั่นทำงานหนักตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี อาศัยรายได้จากผลผลิตในไร่และการทอผ้าของสตรีในบ้าน เก็บเงินได้มากสุดก็แค่สองสามตำลึงเท่านั้น
หนี้จำนวนนี้ สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลหลิวแล้ว เป็นจำนวนที่มากเสียเกินจินตนาการ
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้หลิวจี้นอนตัวเขียวช้ำอยู่บนพื้น หลิวเหล่าฮั่นก็คิดอยากจะเตะบุตรชายไม่รักดีนี่ให้ตายด้วยตนเอง
ฉินเหยาเองก็ไม่ต่างกัน นางกำหมัดแน่นแล้วคลายออกซ้ำไปซ้ำมา ฟันกรามเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ ฟังแล้วน่าขนลุก
หลินเอ้อร์เป่าสายตาว่องไวรีบแย่งใบหนี้กลับคืนไป ก่อนถอยหลังไปสองก้าวพร้อมพูดด้วยสีหน้าจนปัญญาว่า
“เงินของพวกข้าก็ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ข้ากับพรรคพวกด้านบนมีบิดามารดาที่แก่เฒ่า ด้านล่างมีลูกเมีย ครอบครัวพวกเราทั้งหมดล้วนต้องพึ่งพาเรา หากไม่ได้เงินก้อนนี้คืน พวกข้าเองก็ลำบากเหมือนกัน”
คำพูดนี้ฟังดูราวกับฉินเหยาเป็นฝ่ายรังแกเขาอย่างนั้น
นางเหอสะใภ้ใหญ่และนางชิวสะใภ้รองมองรถเทียมวัวที่บรรทุกสินค้าจนเต็มคันบนสะพาน อยากถามฉินเหยาว่าครั้งนี้เข้าป่าแล้วเก็บเกี่ยวได้เยอะใช่หรืไม่ บางทีจะเอามาใช้ชำระหนี้ได้
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกหลิวเหล่าฮั่นและนางจางถลึงตาใส่จนต้องเงียบไป
ฉินเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็ยังไม่อาจระงับอารมณ์ได้ นางยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ก้นของชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรง!
ร่างของชายคนนั้นสะดุ้งไปเล็กน้อย ดวงตายังคงปิดสนิท ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย!