ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 27 บุตรยอดกตัญญู
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ หลิวจ้งก็พาต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่กลับมาพร้อมทั้งแวะมาดูอาการของหลิวจี้
พอเห็นว่าหลิวจี้ได้นอนห่มผ้าห่มใหม่เอี่ยม ทั้งยังได้กินข้าวต้มขาวเข้มข้น หลิวจ้งก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาห่วงไปเปล่าๆ
เจ้าสามคนนี้ชาติที่แล้วคงไปช่วยชีวิตเทพเซียนไว้แน่ๆ ถึงได้มีคนคอยดูแลให้กินดีอยู่ดีขนาดนี้ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้เรื่อง
พอเห็นหลิวจี้ยังทำท่าเจ็บออดๆ แอดๆ หลิวจ้งก็ถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความหมั่นไส้
นี่แหละนะ เปรียบเทียบกับคนอื่นทีไรก็โมโหทุกที!
ออกมานอกบ้าน หลิวจ้งก็พูดกับฉินเหยาด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า หากต้องการความช่วยเหลือให้ไปหาพวกเขาที่เรือนเก่าแล้วจึงกลับบ้านไป
ต้าหลางกับพี่น้องทั้งสี่ถือชามข้าวที่เต็มเปี่ยมกลับมา ซึ่งครึ่งชามในนั้นเป็นเนื้อ
ต้าหลางวางข้าวลงแล้วเข้าไปดูพ่อในบ้าน เมื่อเห็นว่ายังหายใจอยู่จึงเดินออกมา
หัวไชเท้าทั้งสี่นั่งยองๆ ล้อมอยู่ตรงหน้าฉินเหยา ถามนางว่าเข้าไปล่าสัตว์อะไรในป่า ไปที่ไหนมาและเนื้ออร่อยไหม
เมื่อเห็นว่ามีข้าวติดอยู่ที่มุมปากของฉินเหยา ซื่อเหนียงก็รีบยื่นมือน้อยๆ นุ่มนิ่มมาหยิบออกให้ ดวงตาเป็นประกายสว่างไสว เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อท่านแม่
หลิวจี้ที่อยู่ในห้องรอแล้วรออีก แต่ก็ไม่เห็นเอ้อร์หลาง ซานหลาง หรือซื่อเหนียงเข้ามาดูเขาเลยสักคน
เมื่อได้ยินพี่น้องทั้งสี่กำลังพูดคุยหยอกล้อกับฉินเหยาอย่างสนิทสนมจากข้างนอก หลิวจี้ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อ เวลาเพียงไม่กี่วัน จิตใจของทุกคนกลับเอนเอียงไปอยู่ข้างฉินเหยาหมดแล้ว
อาจเพราะบาดเจ็บหรือไม่ก็เพราะโกรธ เขาจึงรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวกและเวียนหัวจนเผลอหลับไป
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฟ้าก็สว่างแล้วและกระเพาะปัสสาวะของเขาก็แทบระเบิด!
หลิวจี้ร้องเรียกด้วยเสียงอ่อนแรงว่า “ต้าหลาง ต้าหลาง…”
ประตูห้องถูกผลักออกจากด้านนอกเสียงดังเอี๊ยด เผยให้เห็นร่างเล็กๆ ทั้งสี่เดินเรียงกันเข้ามาเหมือนผลไม้เคลือบน้ำตาลอย่างนั้น
แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในบ้าน เพิ่มความสว่างให้ห้องที่มืดสลัว
เมื่อเห็นเด็กทั้งสี่ในชุดใหม่เอี่ยม หลิวจี้ก็จำพวกเขาแทบไม่ได้
เมื่อคืนฉินเหยาต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่หลายหม้อเพื่อล้างตัวเด็กๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนสะอาดแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้ามือสองที่นางซื้อมาก่อนหน้านี้
แม้เสื้อผ้าและรองเท้าจะเป็นของเก่า แต่ก่อนนำออกขายมันถูกซักจนสะอาดหมดจดและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของจ้าวเจี่ยว[1]
ฉินเหยาให้ผ้าคาดผมคนละเส้นสำหรับมัดผมเด็กทั้งสี่ นางยังถักเปียเล็กๆ สองเส้นให้ซื่อเหนียง ดูแล้วน่ารักและขี้เล่น
หลิวจี้มองออกว่าเสื้อผ้าและรองเท้าของเด็กทั้งสี่ใหญ่กว่าขนาดตัวเล็กน้อย แต่ล้วนเป็นผ้าฝ้ายหนาคุณภาพดี ซึ่งดีกว่าเสื้อเนื้อหยาบขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาเคยสวมมากมายนัก
ต้าหลางเดินเข้ามา หยิบกระโถนจากใต้เตียงขึ้นมาแล้วถามว่า “ท่านพ่อ ท่านอยากฉี่หรือไม่”
หลิวจี้กดความรู้สึกอิจฉาในใจเอาไว้แล้วพยักหน้า
ต้าหลางจึงบอกให้ซื่อเหนียงออกไปก่อนแล้วช่วยประคองหลิวจี้ลุกจากเตียงเพื่อปัสสาวะ
เมื่อหลิวจี้รู้สึกสบายขึ้นก็กลับไปนอนบนเตียงตามเดิม
ต้าหลางถือกระโถนไปเทที่เนินหลังบ้าน จากนั้นก็ตักน้ำล้างมือและหม้อจนสะอาด ก่อนนำกลับมาเก็บใต้เตียงอย่างเรียบร้อย
หลิวจี้ไม่เคยเห็นเด็กๆ ในบ้านใส่ใจความสะอาดถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
เมื่อก่อนน้ำมูกไหลย้อยจนถึงปากก้มเลียก็จบแล้ว แต่ตอนนี้แค่ช่วยพ่อเทกระโถนยังต้องล้างมือด้วย?
“แม่เลี้ยงของพวกเจ้าเล่า” หลิวจี้ถามหยั่งเชิง ตั้งแต่เขาตื่นมายังไม่ได้ยินเสียงหญิงใจร้ายคนนั้นเลย ไม่รู้ว่านางไปไหน
ต้าหลางเปิดประตูจนสุด ให้แสงอาทิตย์และอากาศสดชื่นเข้ามาในบ้านแล้วตอบว่า “ไปหมู่บ้านเซี่ยเหอแล้ว”
“ไปทำอะไร? ไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“ไม่รู้” ต้าหลางส่ายหัว ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “ออกไปแต่เช้า คงจะสักชั่วยามได้แล้ว”
หลิวจี้มองไปรอบๆ ห้องที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตา
เมื่อคืนมืดเกินกว่าจะสังเกต แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเห็นว่าบ้านเปลี่ยนไปมาก
มุมกำแพงตรงหัวเตียงมีถุงธัญพืชหกถุงวางกองอยู่ ที่ปลายเตียงมีโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีชามซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ แม้จะยังเป็นบ้านมุงหญ้าคาเก่าๆ หลังนั้น แต่ทุกอย่างสะอาดเอี่ยม ไม่มีกลิ่นแปลกๆ กลับมีกลิ่นหอมของข้าวโชยออกมาแทน
หลิวจี้ลูบท้องของตนเอง ต้าหลางรีบถามทันทีว่า “ท่านพ่อ ท่านหิวหรือไม่”
หลิวจี้พยักหน้ารัว นึกถึงข้าวต้มขาวที่ได้กินเมื่อคืนก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
ต้าหลางบอกให้เขารอก่อนแล้วเดินออกไปตักข้าวต้มเนื้อที่อุ่นอยู่บนเตา จากนั้นยกมาให้หลิวจี้
ข้าวต้มขาวเมื่อคืนใส่น้ำตาล หลิวจี้ก็คิดว่าสิ้นเปลืองมากแล้ว ไม่นึกเลยว่าข้าวต้มวันนี้จะมีเนื้อสับอยู่ด้วย!
“สวรรค์! หลายวันนี้พวกเจ้ากินอยู่กันอย่างไรเนี่ย เหยาเหนียงสตรีล้างผลาญนี่ มีเงินหน่อยก็ใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประหยัดเลย”
หลิวจี้บ่นไปพลางหยัดกายพิงกำแพงขึ้นนั่ง ยื่นมือออกไปจะรับชามมาด้วยความดีใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่กำลังยืนล้อมเตียงมองเขาอยู่ด้วยสายตานิ่งขรึม
ซื่อเหนียงพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ “ข้าจะฟ้องท่านแม่ว่าท่านพูดถึงนางไม่ดี!”
ซานหลางที่เป็นลูกคู่ของซื่อเหนียงก็เอ่ยตามทันทีว่า “ฟ้องท่านน้า!”
ภาพโหดร้ายที่ฉินเหยาถือมีดจ่อคอหลินเอ้อร์เป่าลอยขึ้นมาในหัวของหลิวจี้ ทำเอาเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบพูดว่า
“อย่าๆๆ! พ่อแค่พูดเล่นน่ะ ซานหลาง ซื่อเหนียง เป็นเด็กดีนะ อย่าไปฟ้องแม่เลี้ยงของพวกเจ้า ไม่อย่างนั้นพ่อได้ตายแน่!”
ซานหลางและซื่อเหนียงกลัวว่าหากพูดออกไปแล้วบิดาจะตายจึงพยักหน้าตอบรับเสียงเบา
เอ้อร์หลางเหลือบมองบิดาแวบหนึ่ง รู้ว่าเขากำลังหลอกเด็ก แล้วนึกถึงข้าวต้มเนื้อที่แม่เลี้ยงแบ่งให้เมื่อเช้า เขาเลียปากเพราะยังอยากกินอีก ก่อนจะดึงชายเสื้อพี่ใหญ่
ต้าหลางเห็นน้องๆ มองชามข้าวต้มด้วยความตะกละก็ใจอ่อนขึ้นมาบอกพวกเขาว่า “อีกคนละคำเท่านั้นนะ ท่านน้าบอกว่ากินมากไปแล้วท้องจะอืด ห้ามโลภเด็ดขาด”
และแล้วหลิวจี้ก็ต้องนั่งตะลึงตาค้าง มองพวกเอ้อร์หลางบุตรยอดกตัญญูล้อมวงกันเข้ามากินข้าวต้มเนื้อคนละคำ จากเต็มชามเหลือเพียงครึ่งชามถึงค่อยส่งให้เขา
ต้าหลางยังพูดด้วยสีหน้าเรียบร้อยว่า “ท่านพ่อ ดื่มช้าๆ นะ”
หลิวจี้โกรธจนริมฝีปากสั่น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
แต่เพียงพริบตา เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาทันที
เขารับชามข้าวต้มมา กินอย่างตะกละตะกลามจนหมดเกลี้ยงก่อนโยนชามเปล่าให้ต้าหลางแล้วโบกมือเรียกพี่น้องทั้งสี่คนให้ล้อมวงเข้ามาหา ทำสีหน้าเหมือนปวดใจพลางถามด้วยความห่วงใยว่า
“ช่วงที่พ่อไม่อยู่บ้าน พวกเจ้าลำบากกันมากใช่ไหม มีอะไรอัดอั้นก็บอกพ่อได้ เดี๋ยวพอพ่อหายดีแล้วจะจัดการให้พวกเจ้าเอง”
เอ้อร์หลางส่ายหน้า เขาไม่รู้จักการพูดอ้อมค้อมจึงตอบตรงๆ ว่า “ไม่มี”
ซานหลางจับมือน้องสาวไว้แน่น พี่น้องทั้งสองเอ่ยอย่างจริงจังด้วยเสียงอันดังว่า “อยู่กับแม่เลี้ยงมีเนื้อกิน”
ต้าหลางเหลือบมองบิดาที่สีหน้าแข็งค้างไปเรียบร้อยแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนรีบเก็บสีหน้า หันกลับมาด้วยท่าทีจริงจัง โบกมือไล่น้องๆ ออกไป
“ท่านพ่อ ท่านต้องเปลี่ยนยานะ” ต้าหลางเอ่ยเตือน
หลิวจี้กุมหัวใจที่บอบช้ำ มองต้าหลางที่กำลังผสมยาสมุนไพรให้เขาอย่างซาบซึ้ง เอ่ยด้วยความประทับใจว่า
“ลูกพ่อ พ่อรู้อยู่แล้วว่าเจ้ากตัญญูที่สุด”
ต้าหลางไม่ตอบอะไร เขาผสมผงยากับน้ำจนกลายเป็นเนื้อข้นแล้วปีนขึ้นเตียงเพื่อช่วยบิดาเปลี่ยนยาบนใบหน้า
เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็หยิบเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งที่หน้าประตูบ้าน มองดูน้องๆ เล่นก้อนหินกัน
หลิวจี้อดสงสัยไม่ได้จึงถามว่า “ต้าหลาง ไปนั่งหน้าประตูทำไมเล่า เข้ามาคุยเป็นเพื่อนพ่อหน่อยสิ”
“ไม่ล่ะขอรับ ท่านน้าสั่งให้พวกเราดูแลบ้านให้ดี”
ดูแลบ้าน?
หลิวจี้หลุดหัวเราะออกมาพลางคิดว่า บ้านเก่าๆ หลังนี้มีอะไรให้ดูแลกัน
ไม่สิ สตรีใจร้ายนั่นขนธัญพืชและของมีค่ากลับมามากมาย ต้องดูแลให้ดีจริงๆ หาไม่แล้วอาจถูกคนขโมยไปได้
ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน ของพวกนั้นก็ต้องมีส่วนของเขาด้วยเช่นกัน
“ใช่ ต้องดูแลให้ดีหน่อย” หลิวจี้เห็นด้วย
ต้าหลางมองบิดาของตนแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายังสงบเสงี่ยมดีอยู่จึงหันไปมองถนนใหญ่ริมแม่น้ำ คอยเฝ้าบ้านอย่างไม่ละสายตา รอคอยแม่เลี้ยงกลับมา
[1] จ้าวเจี่ยว เป็นพืชตระกูลถั่ว ฝักที่สุกแห้งแล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สามารถนำมาซักผ้าสระผมและยังมีสรรพคุณทางยาหลายอย่างอีกด้วย