ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 29 เป็นอีกวันที่อยากอัดบุรุษ
นางจางยังไม่ทันได้ตกใจที่ฉินเหยาในฐานะสตรีกลับเย็บเสื้อผ้าไม่เป็นก็ต้องแปลกใจที่นางบอกว่าจะซ่อมบ้านใหม่
ในใจคิดคำนวณรอบหนึ่ง เมื่อวานเพิ่งซื้อของมาตั้งมากมายเพียงนั้น ยังคืนหนี้แทนเจ้าสามไปแล้วนี่ยังมีเงินเหลือมาซ่อมบ้านอีก ต้องใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน
หกวันที่ขึ้นเขาไป เกรงว่าคงล่าสัตว์ใหญ่ที่พวกตนไม่กล้าจินตนาการมาได้แน่ๆ
นางจางถึงกับตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ตะโกนไปทางหลังบ้านว่า
“พ่อเอ๊ย รีบมาหน่อย สะใภ้สามมาหา!”
นางเหอและนางชิวที่อยู่ในห้องฝั่งตะวันตกได้ยินเสียงจึงหยุดงานในมือแล้วเดินออกมา
ฉินเหยารีบอุ้มฝ้ายและผ้าที่ถืออยู่ไปหาพวกนาง “พี่สะใภ้ทั้งสอง ช่วยข้าทำเสื้อผ้าสักสองสามชุดได้หรือไม่”
“ข้ามีผ้าสามพับ ตัดเป็นชุดกันหนาวสำหรับข้าและพวกต้าหลางอีกสี่คนคนละชุดแล้วก็ตัดชุดตัวในอีกคนละชุด สำหรับผ้าสีแดงพับนี้ เอาไว้ตัดเสื้อใส่ฉลองปีใหม่ให้เด็กทั้งสี่คน จะได้ดูเป็นมงคล”
ฉินเหยาพูดเร็วมากจนนางเหอและนางชิวไม่ทันได้เอ่ยปาก นางก็บอกเงื่อนไขที่ต้องการจนครบ
การมอบหมายงานตรงๆ แบบนี้ ต่อให้เมื่อวานเพิ่งได้กินเนื้อที่นางซื้อมาให้ แต่ใครๆ ก็คงรู้สึกไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง
ยิ่งตอนนี้พวกนางกำลังยุ่งกับการทอผ้า หากต้องช่วยฉินเหยาตัดเสื้อผ้าก็จะเสียเวลาไปมาก
แต่ไม่นาน ฉินเหยาก็เอ่ยขึ้นว่า “ตอนข้าซื้อผ้าเจ้าของร้านบอกว่าผ้าสามพับนี้กับฝ้าย พอตัดชุดที่ข้าบอกแล้วน่าจะเหลืออีกไม่น้อย หากพี่สะใภ้ทั้งสองไม่รังเกียจก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนก็ได้”
พอสองสะใภ้ได้ยินเช่นนั้นก็เพิ่งนึกได้ว่าควรดูว่าผ้าที่ฉินเหยานำมานั้นเป็นแบบไหน
ล้วนเป็นผ้าฝ้าย ฝ้ายที่ซื้อมายังเป็นแบบดีที่สุด ปุยใหญ่ฟู ดูแล้วอบอุ่นมากทีเดียว
ที่พิเศษที่สุดคือผ้าสีแดง ผ้าย้อมสีนั้นมีราคาแพงอยู่แล้ว หากทำตามที่ฉินเหยาบอก คือตัดเสื้อให้ต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่คน ด้วยฝีมือการตัดเย็บของพวกนาง น่าจะเหลือพอสำหรับตัดชุดผู้ใหญ่ได้อีกชุดหนึ่ง
จินเป่าและจินฮวาที่บ้านก็พอจะทำชุดให้พวกเขาคนละชุดด้วย
ส่วนผ้าอีกสองพับก็ยังน่าจะเหลือไม่น้อย พอสำหรับตัดเสื้อตัวสั้นให้พ่อแม่สามีและสามีของตนได้คนละตัว
สองสะใภ้สบตากัน ยิ้มร่าแล้วเอ่ยว่าฉินเหยาเกรงใจเกินไปพร้อมกับยื่นมือมารับของไป
นางเหอรีบหยิบถุงฝ้ายใบใหญ่และเข็มด้ายที่ฉินเหยานำมาเข้าไปในบ้านพร้อมเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “น้องสะใภ้ เจ้าช่างเกรงใจเกินไปแล้ว ถึงกับเตรียมเข็มด้ายมาด้วย”
ฉินเหยายิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยเพียงว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้ทั้งสอง ต้องลำบากพวกท่านแล้ว”
“น้องสะใภ้ เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นเลย เราเป็นคนในครอบครัว พูดแบบนี้จะดูห่างเหินเกินไป อีกสองสามวันข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ทำเสร็จแล้ว เสร็จแล้วจะเอาไปส่งให้เจ้า” นางชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน นางเป็นคนใจเย็น พูดจาเนิบช้า น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง
ต่างกับนางเหอพี่สะใภ้ใหญ่อย่างสิ้นเชิง นางพูดจารวดเร็วและกระตือรือร้น
หลิวเหล่าฮั่นเดินเข้ามา แขนเสื้อของเขาดูเหมือนจะเปื้อนคราบสกปรก แถมยังมีกลิ่นโชยมาด้วย
นางจางถอยออกไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ผักต่อ แต่หูของนางกลับตั้งขึ้นเพื่อฟังบทสนทนา
หลิวเหล่าฮั่นนั่งลงที่โต๊ะสี่เหลี่ยมในห้องโถง รินน้ำดื่มหมดในอึกเดียว วางชามลงแล้วถามอย่างสงสัยว่า “สะใภ้สาม มีธุระอะไรหรือ”
ฉินเหยานั่งลงบนม้านั่งยาวฝั่งตรงข้ามกับเขาแล้วเล่าความตั้งใจที่จะก่อรั้วและซ่อมแซมบ้านพร้อมถามหลิวเหล่าฮั่นว่ามีวิธีประหยัดเงินอะไรที่พอจะแนะนำได้บ้าง
หลิวเหล่าฮั่นคิดว่านี่เป็นเรื่องดี แต่ต้องถามก่อนว่าฉินเหยามีงบประมาณเท่าไหร่
“ถ้าอยากล้อมรั้ว พวกเราสามารถไปเก็บหินจากริมแม่น้ำมาซ้อนเป็นฐาน แล้วไปขุดดินจากฝั่งใต้ของภูเขามาก่อเป็นรั้วได้ ไม่ต้องใช้เงินมาก เพียงแต่ต้องเหนื่อยหน่อย”
“แต่หากเจ้าอยากจะซ่อมแซมบ้านทั้งหลังแล้วยังจะมุงหลังคาด้วยกระเบื้อง นั่นคงประหยัดเงินไม่ได้”
ฉินเหยาพยักหน้า “ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ ไม่ปิดบังท่าน ครั้งนี้ข้าเข้าป่าเก็บเกี่ยวมาได้ไม่เลวเลย หลังจากคืนหนี้ไปแล้ว ตอนนี้ข้ายังเหลือเงินอีกเจ็ดแปดตำลึง คิดว่าควรเอามาใช้ซ่อมบ้าน จะได้ไม่ต้องตระหนกตอนฤดูหนาวมาถึง”
ความจริงแล้วนางเหลือเงินอีกยี่สิบห้าตำลึง แต่นางจงใจเอ่ยให้ขาดไว้
นางจางชะงักมือที่กำลังเลือกเมล็ดพันธุ์ไปชั่วครู่ ขณะที่นางเหอและนางชิวที่กำลังร้อยด้ายในห้องฝั่งตะวันตกเองก็หยุดมือลงเช่นกัน
ในใจพวกนางล้วนคำนวณว่า ฉินเหยาได้เงินจากการเข้าป่าครั้งนี้มากแค่ไหนกัน
เพียงแค่ผ้าสามพับกับฝ้ายและเข็มด้ายที่นำมานี้ก็ตกราวสิบตำลึงแล้ว ส่วนข้าวสารและของใช้อื่นๆ ที่ซื้อมาเมื่อวาน อย่างน้อยต้องใช้ห้าตำลึง
เมื่อรวมกับเงินเจ็ดแปดตำลึงที่บอกตอนนี้และเงินสามสิบแปดตำลึงที่คืนหนี้แทนเจ้าสามไปเมื่อวาน รวมแล้วก็หกสิบตำลึง!
“เฮือก” สะใภ้สองคนสบตากัน ก่อนจะสูดหายใจลึกด้วยความตกใจ
หลิวเหล่าฮั่นเองก็ตกใจไม่น้อย อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “สะใภ้สาม ครั้งนี้เจ้าล่าสัตว์อะไรมาได้กันแน่?”
ฉินเหยาตอบอย่างเรียบนิ่งว่า “หมีดำตัวหนึ่งเจ้าค่ะ”
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง เมื่อวานพวกเขาไม่ได้ถาม นางจึงไม่คิดจะเดินไปบอกว่านางล่าหมีดำตัวใหญ่ได้
แต่หากมีคนถาม นางก็พร้อมตอบ
ชั่วขณะนั้น ทุกคนในเรือนเก่าพลันหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ มีเพียงแม่ไก่ที่ยังเดินส่งเสียงอยู่ในลานบ้าน
จนกระทั่งฉินเหยากระแอมเบาๆ ทุกคนจึงได้สติแล้วล้อมวงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ถามว่านางทำได้อย่างไร
ฉินเหยาตอบสั้นๆ “ก็แค่ทำอย่างนี้แล้วก็อย่างนั้น แค่นี้แหละเจ้าค่ะ”
คนที่เรือนเก่า “…” เจ้าช่างเป็นคนที่พูดจาไร้สาระจริงๆ
แต่ก็รู้ว่าฉินเหยาไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายละเอียด พวกเขาจึงไม่ได้ถามต่อ แต่ในใจก็จินตนาการไปต่างๆ นานา ทำให้สายตาที่มองนางเปลี่ยนเป็นความเคารพยำเกรงขึ้น
ฉินเหยาไม่ได้สนใจปฏิกิริยานั้น แต่หันมาหารือกับหลิวเหล่าฮั่นเกี่ยวกับรายละเอียดในการซ่อมบ้าน เช่นจะจ้างใคร งานจะแบ่งอย่างไร วัสดุจะหาที่ไหนและต้องใช้เวลานานเท่าไร
หลิวเหล่าฮั่นอารมณ์ดี คิดว่าการที่ฉินเหยามาถามตนแบบนี้ แสดงว่านางเห็นเขาซึ่งเป็นพ่อสามีผู้นี้ในสายตา และให้ความสำคัญกับเขา
เรื่องอย่างการสร้างบ้านนี้ หากมีเงินในมือความจริงแล้วก็เป็นเรื่องง่าย
สองเดือนนี้เป็นช่วงว่างจากการทำนา แต่ละบ้านก็แค่ทำงานเล็กๆ เช่นเติมปุ๋ยให้แปลงผักใกล้ๆ ในหมู่บ้านล้วนเต็มไปด้วยผู้คน
ในหมู่บ้านตระกูลหลิวนั้น สืบย้อนขึ้นไปสี่รุ่นก็ยังมีบรรพบุรุษร่วมกัน เป็นตระกูลที่สามัคคีกัน หลิวเหล่าฮั่นเป็นผู้มีอาวุโสสูง เพียงแค่เรียกครั้งเดียวก็สามารถรวบรวมแรงงานชายหนุ่มได้มากมาย
ในสายตาของชาวบ้าน การสร้างบ้านไม่ใช่งานที่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย ถึงแม้จะทำไม่เป็นก็ยังเคยเห็นคนอื่นสร้างบ้านมาก่อน
ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขที่พร้อมสำหรับแรงงานก่อสร้าง
สิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมคือหัวหน้าควบคุมงาน หลิวเหล่าฮั่นแนะนำลุงเก้าที่อยู่ตรงปากหมู่บ้าน เขามีประสบการณ์สูง เป็นที่นับหน้าถือตา และพวกหนุ่มๆ ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเขา หากเขาควบคุมดูแลก็จะไม่เกิดปัญหาจำพวกผนังแต่ละด้านก่อไม่เหมือนกันเกิดขึ้น
เมื่อได้ยินว่าฉินเหยาต้องการสร้างห้องเพิ่มอีกสองห้อง รวมถึงครัวและห้องอาบน้ำ แม้ว่าหลิวเหล่าฮั่นจะไม่รู้ว่าห้องอาบน้ำคืออะไร แต่เขาก็คิดว่านับเป็นอีกหนึ่งห้อง
หากทำด้วยอิฐและกระเบื้องทั้งหมด งบประมาณก็จะสูงมาก เขาจึงแนะนำให้ใช้ผนังดินอัด เพิ่มคานไม้ และใช้กระเบื้องมุงแทน
จริงๆ แล้วหากไปยังทางใต้ของอำเภอไคหยางยังมีบ้านที่สร้างจากไม้ทั้งหมด บ้านไม้แบบนี้อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน อยู่สบายกว่าบ้านดินมาก
“กระเบื้องซื้อที่หมู่บ้านเซี่ยเหอ ส่วนดินที่เนินเขาทางใต้มีเต็มไปหมด เดี๋ยวข้าจะไปบอกผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลให้เอง หมู่บ้านเราเวลาสร้างบ้านก็ตักดินจากตรงนั้นกันทั้งนั้น”
หลิวเหล่าฮั่นดื่มน้ำอีกชาม ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ “ตอนนี้ยังขาดไม้ เจ้าสามแยกบ้านไปแล้ว ป่าบนที่ผืนนั้นของเขาถูกขายไปหมดแล้ว เจ้าคงต้องซื้อจากคนในหมู่บ้านเอา”
กระเบื้องมีน้ำหนักมาก ต้องมีคานไม้มารองรับและคานไม้ดีๆ นั้นก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ
ฉินเหยาถาม “แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”
หลิวเหล่าฮั่นตอบ “ประมาณสี่ตำลึง”
ฉินเหยา เป็นอีกวันที่อยากอัดเจ้าหลิวสาม!