ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 35 จับปลา
ความคิดนั้นสวยหรู แต่กระบวนการลงมือทำกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง
พอฉินเหยาตื่นมา อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะกลับไม่ใช่หมั่นโถวหรือบะหมี่
แต่เป็นก้อนแป้งในน้ำแกงใสจืดๆ ชามหนึ่ง
นางลองชิมไปคำหนึ่ง เค็มปี๋!
อารมณ์ดีๆ ที่สะสมมาจากเมื่อคืนพังทลายลงในพริบตา
หากไม่เห็นพวกต้าหลางและพี่น้องทั้งสี่กินจนเกลี้ยง ฉินเหยาคงจะกระชากคอเสื้อหลิวจี้แล้วตะโกนถามว่า ‘เจ้าทำอาหารเป็นหรือเปล่า?!’ แล้ว
หลิวจี้กลืนก้อนแป้งที่ทำเสียไปอย่างยากลำบาก ก้มหน้าหลุบตา หวังว่าท่าทางน่าสงสารนี้จะทำให้ฉินเหยาเข้าใจว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
คนช่วยงานมาถึงแล้ว ฉินเหยาจึงปล่อยหลิวจี้ไปก่อน เอ่ยทักทายลุงเก้าและคนอื่นๆ แล้วเริ่มต้นวันอันแสนยุ่งเหยิง
อาจเพราะอยากกู้หน้ากลับมา หลิวจี้จึงนำปลาที่ฉินเหยาจับมาเมื่อวานไปตุ๋นทั้งหมด
ก่อนตุ๋น เขาเกือบจะโยนปลาทั้งตัวลงหม้อ โชคดีที่ต้าหลางเข้ามาเห็นแล้วบอกว่าต้องจัดการปลาเสียก่อนจึงช่วยชีวิตเขาไว้ไปโดยปริยาย
น้ำแกงปลานั้นสดด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปรุงอะไรมาก มื้อเที่ยงวันนี้จึงได้กินข้าวกับน้ำแกงปลา แต่ละคนยังได้เนื้อปลาเพิ่มสองสามชิ้นอีกด้วย
ลุงเก้ากินอย่างพออกพอใจ ยังชมหลิวจี้ว่า “เจ้าสาม ฝีมือทำอาหารของเจ้าก้าวหน้าไวมากทีเดียว ฝึกอีกหน่อย วันหน้าคงไปเป็นหัวหน้าพ่อครัวที่โรงสุราในเมืองได้แน่!”
หลิวจี้ยกยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจ หิ้วตะกร้าเปล่าเดินออกไปนอกบ้าน เขาจะดูหน่อยว่าวันนี้จะไปเก็บผักจากบ้านไหนมาทำอาหารเย็นดี
ช่วงพักกลางวันมีเวลาประมาณครึ่งชั่วยาม ทุกคนล้อมวงคุยเล่นกันที่จุดก่อสร้าง
เด็กๆ หลายคนวิ่งมาเรียกฉินเหยา พอนางช้อนตาขึ้นมองก็เห็นหลิวจินเป่าและหลิวเฝยกำลังมองนางด้วยความตื่นเต้นแฝงการรอคอย
เด็กพวกนี้กำลังรอให้นางสอนพวกเขาจับปลาอยู่
ฉินเหยาลงกลอนประตูบ้าน บอกลุงเก้าแล้วเดินไปที่แม่น้ำพร้อมกับกลุ่มเด็กๆ และมีดพร้าในมือ
“พี่สะใภ้สาม” หลิวเฝยเรียกฉินเหยาด้วยน้ำเสียงขัดเขิน
เขาเกลียดหลิวจี้มาก แต่กลับเคารพฉินเหยาผู้เป็นพี่สะใภ้สามจึงยอมมาช่วยงานในครั้งนี้
หลิวเหล่าฮั่นบอกว่า คนในครอบครัวเดียวกันช่วยงานกันไม่ต้องคิดมาก และยังไม่รับค่าจ้างสองเหวินต่อวัน
หลิวเฝยไม่ยอมกินข้าวกลางวันที่บ้านพี่สะใภ้สาม เพราะแค่คิดว่าต้องกินอาหารที่หลิวจี้ทำก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งร่างแล้ว ตอนเที่ยงเขาเลยตรงกลับบ้านไปกินข้าว
เรื่องนี้ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่บ่นเล็กน้อย แต่เพราะรู้นิสัยเขาดีจึงเหลือข้าวเช้าไว้ให้เขาครึ่งชามให้เอามาอุ่นกินในตอนเที่ยง
การได้กินข้าวสามมื้อในหนึ่งวันถือเป็นเรื่องหรูหราสำหรับชาวบ้านทั่วไป เรือนเก่านั้นกินแค่สองมื้อต่อวันเท่านั้น
ส่วนฝั่งฉินเหยาเนื่องจากการก่อสร้างเป็นงานที่ต้องใช้แรงมาก หลิวเหล่าฮั่นจึงบอกให้นางทำอาหารกลางวันรองท้องให้คนมาช่วยงานอีกมื้อ
หลิวเฝยเห็นชัดว่ากินไม่อิ่ม เลยรอให้ฉินเหยาสอนเขาจับปลาเพื่อนำมาเป็นมื้อเสริม
รอให้เขาเอาปลากลับไปที่บ้าน พี่สะใภ้ใหญ่คงไม่บ่นอีกเพราะนั่นคือเนื้อปลาเชียวนะ มีค่ามากทีเดียว
การจับปลานั้นมีหลายวิธี เช่น ตกปลา ใช้อวน ใช้ฉมวก ใช้ตะกร้อ หรือจับด้วยมือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ล้วนต้องอาศัยหลักสำคัญสามข้อคือ ความมั่นคง ความแม่นยำและความรวดเร็ว
ฉินเหยามองไปรอบๆ แล้วเดินเข้าไปในป่าเล็กๆ ริมแม่น้ำ ตัดกิ่งไม้มาสามกิ่ง เหลาให้แหลมเพื่อใช้เป็นฉมวก
หลิวเฝย หลิวจินเป่า และต้าหลางล้วนตื่นเต้นอยากลอง ฉินเหยาจึงส่งฉมวกให้พวกเขา
“ขั้นแรกคือต้องหาปลาให้เจอก่อน เมื่อวานที่ข้าจับปลาได้เพราะตรงนั้นมีปลาเยอะ ส่วนที่ว่าเป็นเพราะอะไรนั้น…พวกเจ้ามาดู…”
ฉินเหยาบอกว่าจะสอนก็สอนจริงๆ โดยไม่ปิดบัง นางเริ่มสอนตั้งแต่การหาปลา
พอสอนทฤษฎีจบก็พาเด็กๆ ไปลงมือปฏิบัติ
เด็กเล็กได้แต่ยืนดูอยู่บนตลิ่ง เอ้อร์หลางคอยดูน้องๆ มองพี่ชายกับอาเล็กที่ได้ลงน้ำด้วยความอิจฉา
หวังเพียงให้พวกเขาจับปลาเสร็จไวๆ เพื่อจะได้ถึงตาตนเองบ้าง
แม่เลี้ยงบอกแล้วว่าจะสอนเขาเหมือนกัน
“พอเจอปลาแล้ว ขั้นต่อไปคือการเข้าใกล้ ขั้นนี้สำคัญมาก ต้องมั่นคง ใจมั่น มือมั่น ลมหายใจมั่น ทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม…”
“เอาล่ะ น้องเล็ก เจ้ามาลองก่อน ใช้เทคนิคที่ข้าสอนเมื่อครู่แทงปลา”
ฉินเหยากวักมือเรียก หลิวเฝยจับกิ่งไม้แหลมไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตื่นเต้น ดวงตาจับจ้องปลาที่อยู่ในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตรซึ่งกำลังว่ายอยู่ในพงหญ้าในน้ำ มือทั้งสองกำกิ่งไม้ยกขึ้นพร้อมแทงลงไปอย่างแรงตามทิศทางที่เล็งไว้!
ซ่า เสียงน้ำกระจายไปทั่ว หลิวเฝยทุ่มแรงทั้งหมดไปที่กิ่งไม้จนร่างโน้มไปด้านหน้า เกือบล้มเพราะยืนไม่มั่นคง
เขาร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “แทงโดนแล้ว!”
ต้าหลางและหลิวจินเป่าหันไปมองอย่างตื่นเต้น แต่ผิวน้ำกลับนิ่งสนิท มีเพียงกิ่งไม้ที่ปักอยู่ที่ก้นแม่น้ำและเกล็ดปลาสองสามชิ้น ไม่มีวี่แววของตัวปลาเลยสักนิด
ไม่เพียงแต่ไม่มีปลาเท่านั้น ยังทำให้ปลาที่รวมตัวกันอยู่ในพงหญ้าก่อนหน้านี้ว่ายหนีไปจนหมดด้วย
หลิวจินเป่าบ่นทันทีว่า “ท่านอาสี่ ท่านตะโกนเสียงดังเกินไป ทำให้ปลาตกใจว่ายหนีไปหมดแล้ว พวกเราจะจับยังไงได้อีกเล่า”
ขณะที่กำลังบ่นอยู่นั้น ฉินเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาก็ใช้สายตาอันรวดเร็วและแม่นยำ ยกกิ่งไม้ขึ้นแล้วแทงเฉียงลงไปในน้ำทันที
ปลาที่เพิ่งหนีจากกิ่งไม้ของหลิวเฝยกลับโดนกิ่งไม้ของฉินเหยาแทงทะลุและลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
พวกต้าหลางสามคนร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและมองฉินเหยาด้วยความนับถือ
ฉินเหยาเก็บกิ่งไม้ขึ้นมาพร้อมกับปลาแล้วโยนปลาที่ใกล้จะสิ้นใจขึ้นไปบนฝั่ง
เอ้อร์หลางกับอีกสองคนรีบวิ่งไปเก็บปลามาอย่างดีใจ
ฉินเหยาหันไปมองหลิวเฝยที่ดูท้อแท้ น้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบ “จำไว้ คำเดียว…มั่นคง การล่าสัตว์เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความอดทน ไม่อาจเร่งรีบได้”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาช่วยงานหน้าบ้านเริ่มลงมือทำงานแล้ว ฉินเหยาจึงบอกเคล็ดลับพวกเขาอีกหนึ่งอย่าง
ให้คิดด้วยมุมมองของเหยื่อว่าเมื่อมันเจอนักล่า มันจะทำอะไรต่อไปแล้วเตรียมแผนล่วงหน้าเอาไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูก็เช่นเดียวกัน
แต่คำพูดนี้ฉินเหยาไม่ได้เอ่ยออกมา เพราะเกรงว่าจะทำให้เด็กๆ ตกใจกลัว
ทั้งสามมองส่งฉินเหยาเดินจากไป ก่อนจะสบตาและให้กำลังใจกัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปฝึกฝน
หลิวเฝยและหลิวจินเป่าคิดในใจว่า วันนี้ต้องจับปลาให้ได้สักตัว ไม่เช่นนั้นจะไม่กลับบ้าน
ต้าหลางมองดูสองคนที่ออกไปตามหาร่องรอยของปลา แต่เขายังคงยืนนิ่ง พลางทบทวนคำพูดของฉินเหยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การล่าสัตว์ต้องมีความอดทน ห้ามใจร้อน เพราะหากใจร้อนจนพลาดโอกาสไป เวลาในการรอคอยโอกาสครั้งต่อไปจะยืดยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด
อีกทั้ง ต้องลองคิดในมุมมองของเหยื่อเพื่อวางแผน
ต้าหลางจ้องมองเกลียวคลื่นในแม่น้ำอย่างเหม่อลอยพร้อมจินตนาการว่าหากเขาเป็นปลา เขาจะทำอย่างไร…
วันนี้ฉินเหยาไม่ต้องแบกหินอีกแล้ว แต่นางจะไปซื้อไม้
ลุงเก้ากล่าวว่าวันนี้น่าจะสามารถก่อฐานกำแพงจนเสร็จ ส่วนพรุ่งนี้ก็จะก่อฐานของห้องใหม่ และมะรืนนี้ก็จะเริ่มสร้างห้องได้แล้ว
บ้านดินนั้นก่อสร้างได้ไว ฉินเหยาจึงต้องไปลากไม้กลับมาภายในสองวันนี้
หลิวเหล่าฮั่นเคยบอกว่าในหมู่บ้านมีครอบครัวหนึ่งที่มีไม้เก็บไว้ ฉินเหยาจึงถือเงินไปหาพวกเขาและใช้เงินสี่ตำลึงซื้อวัสดุทำคานไม้ที่ต้องการมา
เจ้าของบ้านยินดีช่วยนางขนไม้กลับมาให้ ทั้งสองคนใช้เวลาทั้งบ่ายขนคานไม้ทั้งหมดกลับมา และวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบที่ลานหน้าบ้าน
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คนงานที่มาช่วยงานก็แยกย้ายกลับ หลิวจี้เตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินเหยาเรียกเด็กๆ มาทานข้าวและเพิ่งสังเกตเห็นว่าต้าหลางไม่อยู่