ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 51 ยิงธนูไม่พลาดเป้า
ธนูหยั่งเชิงดอกหนึ่งยิงเข้ามาจากฝ่ายตรงข้าม ลูกธนูพุ่งเป็นเส้นโค้งแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกแหวกอากาศเข้ามา
ลูกธนูทะลุผ่านหน้าต่างห้องโถงเข้าไปด้านใน
หากในห้องมีคนอยู่ก็ไม่อยากนึกถึงผลที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย
ในลานบ้านเงียบสงัด ไม่มีเสียงกรีดร้องเพราะความตกใจจากลูกธนูที่พุ่งเข้าไปเหมือนที่กลุ่มโจรคาดคิด
โจรทั้งสองหันมองหน้ากันก่อนจะพลิกกายลงจากม้าแล้วพุ่งตรงมายังประตูใหญ่
ในตอนนั้นเอง ฉินเหยาตั้งคันธนูในมือขึ้น สายธนูที่ถูกน้าวจนตึงถูกปล่อยออก ลูกธนูสองดอกถูกยิงออกไปพร้อมกัน ธนูทั้งสองดอกแยกออกจากกันกลางอากาศพุ่งตรงไปยังโจรสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามา
ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกันสองครั้ง จากนั้นก็มีเสียงทึบเสียงหนึ่งดังตามมา โจรคนหนึ่งถูกธนูยิงเข้าที่กลางหน้าผากล้มลงไปกองกับพื้น
อีกคนโชคดีที่ลมหนาวจากหุบเขาพัดลงมาในจังหวะนั้นพอดี ลูกธนูจึงเบี่ยงออกจากระยะยิงเล็กน้อยและพุ่งไปปักที่ไหล่ซ้ายของเขาแทน
เมื่อเห็นสหายล้มลง ทั้งตนเองยังถูกยิง เขาจึงรีบวิ่งลงเนินกลับไปขึ้นม้าอย่างไม่ลังเล ดึงม้าของสหายกระตุกเชือกหนีไปในทันที
“หนีหรือ สายไปแล้ว”
ฉินเหยายิงธนูอีกดอกออกไป โจรหมอบร่างแนบไปกับหลังม้าเพื่อหลบเลี่ยง
แต่ลูกธนูดอกนั้นราวกับมีตาก็ไม่ปาน เสียงลูกธนูทะลุผ่านเนื้อหนังดังขึ้น จากนั้นร่างของโจรที่กำลังควบม้าอย่างบ้าคลั่งก็ร่วงลงมาจากหลังม้า กลิ้งลงเนินไปหลายตลบก่อนจะกระแทกเข้ากับกองหินระเกะระกะอย่างแรง ร่างกระตุกเล็กน้อยก่อนจะขาดใจ
ยิงธนูออกไปสามดอกสังหารได้เพียงสองคน ทำเอาฉินเหยารู้สึกปวดใจเหลือเกิน
คันธนูดีๆ นั้นหายาก แต่ลูกธนูคมๆ กลับหายากยิ่งกว่า
หลิวจี้ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอกแล้วจึงวางดาบลงข้างประตู ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถง หยิบลูกธนูที่ตกอยู่ด้านในขึ้นมาส่งให้ฉินเหยาที่อยู่บนบันได
“เอามาให้ข้าทำไม” ฉินเหยาขมวดคิ้วถาม
หลิวจี้ยกธนูขึ้นสูงอีก “ใช้ยิงอย่างไรเล่า อย่างน้อยก็ช่วยเติมในลูกธนูในกระบอกได้บ้าง”
ฉินเหยาถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ หยิบลูกธนูที่หางขาดวิ่นขึ้นมาดูแวบหนึ่งก่อนจะโยนคืนไป “ใช้ไม่ได้แล้ว”
“เจ้าไปที่หน้าประตู ไปเก็บลูกธนูสามดอกที่ข้ายิงออกไปเมื่อครู่กลับมา” ฉินเหยามอบหมายหน้าที่ใหม่ให้เขา
หลิวจี้ชะงักไปชั่วครู่ คิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ตอนนี้น่ะหรือ”
ฉินเหยาเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาสื่อความหมายว่า ไม่เช่นนั้นเล่า?
หลิวจี้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ออกไปตอนนี้ไม่เท่ากับส่งตัวเองไปตายหรือ
ฉินเหยามองท่าทางขี้ขลาดของเขาแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ข้างนอกไม่มีพวกโจรแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครมา อีกอย่างข้าก็ยังอยู่ตรงนี้ช่วยคุ้มกันเจ้าอยู่ เจ้าจะกลัวอะไร!”
พอเห็นฉินเหยาเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ หลิวจี้ก็ได้แต่กัดฟันตอบตกลง
เขาเลื่อนท่อนไม้ที่ดันประตูไว้ออก ก่อนจะมองฉินเหยาอีกครั้ง เมื่อเห็นนางพยักหน้าบอกว่าไม่มีปัญหาจึงรีบแง้มประตูออกเล็กน้อยก่อนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ออกไป หลิวจี้ก็เกือบลื่นล้มเพราะหิมะ เขาลื่นไปจนถึงข้างศพของโจร เมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างตายตาไม่หลับของอีกฝ่าย เขาก็ร้องโหยหวนออกมาด้วยความตกใจ มือข้างหนึ่งปิดตา มืออีกข้างหนึ่งคลำหาลูกธนู ดึงมันออกมาแล้วโยนกลับเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่ริมแม่น้ำ ไม่กล้ามองมากกว่านั้นก็เก็บลูกธนูจากศพของโจร ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน ปิดประตูดังปังแล้วนั่งลงหอบแฮ่กๆ อยู่หลังประตู
พักหายใจได้สักพักก็รู้สึกว่าตนเองเพิ่งทำผลงานใหญ่สำเร็จจึงเงยหน้ามองฉินเหยาที่ลงมาจากกำแพงเพื่อขอคำชม
ไม่คิดเลยว่าลูกธนูสามดอกที่เขาเก็บกลับมานั้นจะมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าลูกธนูที่พวกโจรยิงเข้ามาเสียอีก หัวธนูมีเศษเนื้อติดอยู่ แกนไม้มีรอยร้าว เหลือแค่ขนหางที่ยังสมบูรณ์
สิ่งที่ฉินเหยาต้องการมีเพียงขนหางและหัวธนู นางจึงหักลูกธนูทั้งสี่ดอกอย่างแรงเก็บหัวธนูสี่อันและขนหางสามอันไว้ จะได้เอาไปให้หยางต้าทำลูกธนูใหม่ในภายหลัง
หลิวจี้ไม่เข้าใจ เพียงตกใจมาก คิดในใจว่าทำเช่นนี้ก็ได้หรือ
แต่พอคิดว่าหัวลูกธนูมีเนื้อมนุษย์ติดอยู่ เขาก็รู้สึกอยากจะอาเจียน
ฉินเหยามองเขาด้วยสายตาขบขัน “ทนไม่ได้แล้วหรือ อย่างนั้นเจ้าดูเลือดบนมือเจ้าสิ” นั่นน่าขยะแขยงยิ่งกว่าเสียอีก
หลิวจี้ “…” ขอบคุณมากนะ!
นางเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆ “เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง”
เทียบกับซอมบี้เน่าเฟะในอดีตแล้ว แค่นี้ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไร
ฉินเหยาได้ยินเสียงโกลาหลในหมู่บ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ นางจึงปีนขึ้นไปบนบันไดอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะมีพวกโจรไม่มีตาวิ่งมาทางบ้านนางอีกแล้ว
ม้าสองตัวไร้เจ้าของถูกพวกโจรจูงกลับไป ศพของโจรสองคนที่ตายนั้นก็ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น มีโจรสี่ห้าคนขึ้นมาแทน
ฉินเหยาเห็นดังนั้นก็ยิงธนูติดต่อกันไปหลายดอก ไม่มีพลาดเป้าเลยแม้แต่ดอกเดียว ทั้งห้าคนล้มลงกับพื้นทันที
โจรที่เหลือไม่คิดว่าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้จะมีนักธนูฝีมือเทพอยู่ พวกมันตกใจจนถอยร่นกลับไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปทางหมู่บ้านแทน
พวกโจรนั้นเน้นความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการโจมตี เมื่อพวกมันเห็นว่าฉินเหยายากจะต่อกรจึงตัดสินใจละทิ้งบ้านของนางแล้วหันไปปล้นบ้านชาวบ้านคนอื่นๆ ในหมู่บ้านแทน
ตอนนี้เองหลิวจี้จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ “ท่านพ่อข้า! แย่แล้ว! พวกท่านพ่อจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากฉินเหยา เขาก็เงยหน้ามองนางที่อยู่บนกำแพง ก่อนจะเรียกเสียงแผ่วเบา “เมียจ๋า?”
ฉินเหยามองไปยังหมู่บ้านที่เปลวไฟลุกโหมพร้อมกับเสียงระฆังเรียกรวมพลที่ดังไม่หยุดท่ามกลางเสียงร้องของหัวหน้าตระกูลและผู้ใหญ่บ้าน นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกระโดดลงมาจากกำแพง
“เมียจ๋า!!” หลิวจี้มองนางอย่างคาดหวัง
ฉินเหยาหยิบดาบที่หลังประตูขึ้นมา ดวงตาเย็นเยียบของนางจ้องตรงไปยังเขา “หากมีใครข้ามกำแพงเข้ามา เจ้าพาเด็กๆ หนีไปทางด้านหลังเขา อย่าคิดว่าจะรับมือพวกมันได้”
“ได้ๆ ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ” หลิวจี้เร่งนาง
ฉินเหยาชูดาบขึ้นกวัดแกว่งต่อหน้าเขาด้วยความไม่สบอารมณ์ ลมจากคมดาบวาดผ่านใบหน้าไปทำเอาหลิวจี้ตกใจเสียจนต้องย่นคอ
“เจ้านี่ช่างใจกล้าเสียจริง อาศัยแรงคนอื่นมาทำงานให้ตัวเอง!” นางกล่าวเยาะ
หลิวจี้กัดฟันอดทนต่อขาที่อ่อนเปลี้ย ฉีกยิ้มเอาใจออกมา “เมียจ๋า เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะ ข้ากับลูกๆ จะรอเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย”
“เกรงว่าเจ้าคงอยากให้ข้าตายภายใต้คมดาบของพวกโจรล่ะสิ คงไม่มีอะไรดียิ่งกว่านี้แล้ว” ฉินเหยาหัวเราะเสียงเย็น นางย่อมรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ ของเขาอยู่แล้ว
นางเตือนเขาให้ปิดประตูให้ดี ก่อนจะสะพายธนูและแบกดาบหนักมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
หลิวจี้ปิดประตูเรียบร้อย จากนั้นก็ปีนบันไดขึ้นไปบนกำแพง มองดูนางที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วราวกับเสือดาวตัวหนึ่ง เพียงไม่นานก็ข้ามสะพานและหายเข้าไปในหมู่บ้าน เขาถอนหายใจอย่างจนใจออกมา
“คราวนี้เจ้ากล่าวหาข้าเสียแล้ว”
เขาเคยเห็นแต่นางฆ่าคน ไม่คิดเลยว่าวันนี้นางจะช่วยคน
ฉินเหยาเดินทางอย่างราบรื่นเข้าไปในหมู่บ้าน สิ่งแรกที่เห็นคือควันดำพวยพุ่งขึ้นจากหลังคาบ้านของหลิวต้า ฝูผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน
บ้านของเขาร่ำรวยที่สุดจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของพวกโจร
แต่ในทางกลับกัน บ้านของชาวบ้านธรรมดาก็เผชิญแรงกดดันน้อยลงมาก
ฉินเหยาไม่สนใจคนอื่น เป้าหมายของนางชัดเจนคือมุ่งตรงไปยังเรือนเก่าของตระกูลหลิว
ระหว่างทางนางพบโจรสองกลุ่มที่เพิ่งปล้นชิงของชาวบ้านกำลังออกมาจากลานบ้านพอดี นางฟันดาบเข้าใส่พวกนั้นอย่างไม่ลังเล
ดาบที่หลิวจี้ต้องใช้ถึงสองมือจึงจะสามารถเหวี่ยงได้ นางกลับฟันมันด้วยมือเดียวชวนให้ผู้คนตาลาย
โจรยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ล้มลงด้วยคมดาบในมือนาง
ชาวบ้านในเรือนตกใจจนแทบขวัญหนี คิดว่าเทพสังหารมาอีกองค์แล้ว แต่พอเพ่งมองกลับพบว่าเป็นฉินเหนียงจื่อของบ้านหลิวจี้จึงทั้งตกใจและดีใจ
ฉินเหยาคว้าสิ่งของที่พวกโจรปล้นชิงมาโยนกลับเข้าไปในลานบ้าน พยักหน้าให้ชาวบ้าน ก่อนจะเดินหน้าต่อไป