ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 52 หนทางรอดของผู้อ่อนแอ
เมื่อใกล้ถึงเรือนเก่าตระกูลหลิว นางก็พบหลิวไป่และหลิวเฝยสองพี่น้องกำลังต่อสู้กับโจรอยู่ นางพุ่งเข้าไปใช้สันดาบฟาดแรงๆ หนึ่งครั้ง โจรภูเขาทั้งสามที่กำลังปล้นชิงสิ่งของก็ถูกโจมตีจนถอยกรูดไปหลายก้าว
กระสอบธัญพืชที่ทั้งสองฝ่ายแย่งชิงกันตกลงบนพื้น ฉินเหยาเตะมันออกไปด้านหนึ่ง ยกดาบขึ้นกวัดแกว่งจัดการโจรทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว
ทุกดาบล้วนฟันเข้าที่ลำคอ เพราะเสื้อผ้าหนาห่อหุ้มจึงเกิดแรงต้าน หากฟันเข้าที่ร่างกาย ดาบเดียวก็ไม่แน่ว่าจะถึงแก่ชีวิต
แต่ลำคอที่เผยออกมานั้น ง่ายที่สุดที่จะลงดาบ
ฉินเหยาจัดการโจรเสร็จแล้วหันกลับไปมองก็เห็นหลิวไป่และหลิวเฝยมองนางตาค้าง ลืมเคลื่อนไหว นางจึงตะคอกออกไป
“เอาธัญพืชกลับบ้าน เดี๋ยวนี้!”
ทั้งสองตอบรับเสียงหนึ่งอย่างมึนงง ก่อนจะไปเก็บกระสอบธัญพืชแล้วเดินเข้าไปลานบ้านภายใต้การคุ้มกันของฉินเหยา
ประตูหน้าลานถูกกระแทกจนเสียหาย หลิวเหล่าฮั่นและหลิวจ้งกำลังใช้แผ่นไม้จากเตียงมายันประตูไว้
เหล่าสตรีพากันกอดเด็กๆ หลบอยู่ในเรือน เพราะตกใจน้ำตาจึงไหลอาบหน้าโดยไม่รู้ตัว ส่วนจินเป่าและจินฮวาก็เอามืออุดปากตนเอง ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของมารดา ตัวสั่นเทาไม่กล้าส่งเสียง
ตอนที่ฉินเหยาถืออาวุธนำหลิวไป่และหลิวเฝยปรากฏตัวขึ้นนั้น คนทั้งครอบครัวล้วนตื่นเต้นราวกับได้พบผู้ช่วยชีวิตก็ไม่ปาน
“น้องสะใภ้ เจ้ามาได้อย่างไร เด็กๆ ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” นางชิวถามอย่างร้อนรนด้วยความกังวล
ฉินเหยาส่ายหน้า “พวกเราไม่เป็นอะไร บ้านอยู่ไกล อีกทั้งยังมีรั้วที่เพิ่งสร้างใหม่”
ฉินเหยามองไปรอบๆ ลานบ้านที่เละเทะไปหมด อาหารค่ำวันสิ้นปีที่เพิ่งจัดวางลงบนโต๊ะกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ในกรงก็หายไป เหลือเพียงกรงที่พังแล้ว
โชคดีที่ทุกคนยังอยู่กันครบ บางคนบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอะไรมาก
เพราะคนในบ้านมีกันหลายคน โจรจึงเข้ามาปล้นชิงแค่สิ่งของเท่านั้น ไม่ได้เกิดการต่อสู้กันแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือหลิวเหล่าฮั่นเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงมีประสบการณ์มาก เขาเพียงแค่คุ้มครองคนในบ้าน แต่ไม่ได้ขัดขวางเหล่าโจรที่ถือดาบเข้ามาปล้นชิงสิ่งของ
ส่วนสาเหตุที่หลิวไป่และหลิวเฝยไล่ตามพวกโจรออกไปนอกบ้านก็เป็นเพราะความเลือดร้อนของวัยหนุ่มสาวที่ไม่ฟังคำเตือน เกือบทำให้หลิวเหล่าฮั่นโมโหตายแล้ว
แต่ตอนนี้ชิงธัญพืชกลับคืนมาได้ เป็นธัญพืชหยาบสองกระสอบซึ่งเป็นสองกระสอบสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว
“ของอื่นๆ ถูกปล้นไปหมดแล้วหรือ” ฉินเหยาขมวดคิ้วถาม
นางจางพยักหน้าอย่างเจ็บปวด กระทั่งเสื้อนอกตัวใหม่ยังถูกปล้นไปด้วย
เสียงจากเรือนข้างๆ ฟังดูน่ากลัวยิ่งกว่า เสียงกรีดร้องของสตรีและเด็กดังอยู่พักหนึ่ง
ฉินเหยามองไปยังพวกหลิวเหล่าฮั่นที่อยู่ด้านหลังแผ่นไม้พลางกล่าวว่า “ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลลั่นระฆังรวมพลแล้ว ให้บุรุษสองคนอยู่ที่บ้านปกป้องสตรีและเด็ก ที่เหลือให้ถืออาวุธที่ใช้ได้ตามข้าไป”
“หากปล่อยพวกโจรจากไปง่ายๆ เช่นนี้ ครั้งหน้าพวกมันก็จะกลับมาอีก! และอาจย่ามใจหนักขึ้นด้วย!”
คำพูดประโยคหลังของฉินเหยา ทำให้ทุกคนในเรือนตัวสั่นไปตามๆ กัน
หลิวไป่และหลิวเฝยลุกขึ้นทันที ตัดสินใจจะไปกับฉินเหยา
นางเหอเริ่มร้อนรน เอ่ยเสียงต่ำว่า “พวกเราสู้พวกมันไม่ได้หรอก ตอนนี้คนในบ้านล้วนปลอดภัย เหตุใดไม่หลบอยู่ในบ้านรอให้พวกมันจากไปเองเล่า เหตุใดต้องไปสู้กับพวกโจรด้วย”
คำพูดของนางฟังดูมีเหตุผล หลิวเหล่าฮั่นเองก็เห็นด้วย แต่เขายังคงมองไปที่ฉินเหยา อยากฟังว่านางจะพูดว่าอย่างไร
ฉินเหยากล่าว “พวกเราเดิมก็เป็นฝ่ายอ่อนแอ ตอนนี้หากอดทน ฝ่ายที่แข็งแกร่งย่อมคิดว่าการรังแกพวกเรานั้นเป็นเรื่องง่าย ครั้งหน้าหากพวกมันขาดแคลนอาหารย่อมต้องมุ่งมาหาพวกเราอีก เพราะคนหมู่บ้านตระกูลหลิวนั้นโง่เง่าแต่เสบียงเยอะ ทั้งยังไม่คิดต่อต้าน สามารถปล้นชิงได้ตามใจ”
“แต่หากครั้งนี้เราต่อต้าน แม้จะไม่สามารถแย่งเอาของของเรากลับมาได้ แต่ก็จะทำให้พวกโจรรู้ว่าหมู่บ้านตระกูลหลิวเป็นพวกกระดูกแข็งเคี้ยวยาก หากยุ่งกับพวกเราฟันของพวกมันก็อาจต้องหัก ครั้งหน้าก่อนปล้นพวกมันจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและเลือกหลีกเลี่ยงหมู่บ้านของเราไปเลือกเป้าหมายที่อ่อนแอกว่า ไม่มุ่งเป้ามาที่พวกเราอีก!”
เป็นหลักการง่ายๆ เท่านี้
หลักการที่ผู้อ่อนแอกว่าจะสามารถอยู่รอดได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง!
นางเหอไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่คิดว่าครั้งหน้าจะต้องเจอกับหายนะแบบนี้อีก นางก็รู้สึกสิ้นหวัง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน ฉินเหยาจึงพยักหน้าให้หลิวจ้งและหลิวเหล่าฮั่น ทั้งสองขยับแผ่นไม้เตียงเปิดช่องออกเล็กน้อยเพื่อปล่อยทั้งสามคนออกไป
ในบ้านยังเหลือมีดพร้ากับขวาน หลิวไป่และหลิวเฝยหยิบติดมือมาด้วย พวกเขาเดินตามหลังฉินเหยาไปด้วยความตึงเครียด วิ่งเหยาะๆ ไปยังบ้านหลิวต้าฝู
โจรที่พบน้อยลงไปมาก แต่หน้าบ้านของพวกชาวบ้านกลับเต็มไปด้วยภาพแสนโหดร้าย
เมื่อคนอื่นเห็นทั้งสาม หลิวเฝยก็เอ่ยว่าพวกเขากำลังจะไปต่อสู้กับพวกโจรตามการเรียกระดมพล
เรื่องอันตรายใดๆ หากมีคนเริ่มนำย่อมกระตุ้นความกล้าหาญในใจของผู้คนขึ้นมาได้
หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านหยิบเครื่องมือการเกษตรติดตามมาเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงบ้านของหลิวต้าฝู คนหนุ่มในหมู่บ้านที่ตามหลังพวกฉินเหยามาก็มีจำนวนมากถึงยี่สิบกว่าคนแล้ว
พวกโจรรวมตัวกันอยู่ที่หน้าบ้านหลิวต้าฝูพลางขนย้ายเสบียงออกมาอย่างต่อเนื่อง กำลังพลของพวกมันมารวมตัวกันอยู่ที่นี่จึงทำให้โจรระหว่างทางดูบางตา
โจรภูเขาเหล่านี้ไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะมีคนในหมู่บ้านคิดต่อต้าน พวกมันขนย้ายสิ่งของขึ้นหลังม้าอย่างเปิดเผยที่หน้าบ้านหลิวต้าฝู
เมื่อจู่ๆ เห็นฉินเหยาและพวกปรากฏตัว หัวหน้าโจรร่างสูงใหญ่สวมหมวกขนจิ้งจอกก็ชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจเป็นอย่างมาก
ภรรยาและบุตรสาวของหลิวต้าฝูถูกมัดอยู่บนโต๊ะแปดเซียนหน้าหิ้งบูชาเทพ รอบๆ มีศพของบิดามารดาหลิวต้าฝูและบุตรชายสามคนของเขาที่ถูกตีขาจนหัก
เพราะถูกพวกโจรข่มขู่ หลิวต้าฝูจึงทำได้เพียงหยิบเงินและเสบียงที่ซ่อนเอาไว้ออกมาทีละอย่าง หวังเพียงให้ภรรยาและบุตรสาวปลอดภัย
ชั่วขณะที่สายตาของฉินเหยาประสานกับหัวหน้าโจร ลูกธนูในมือนางก็ถูกยิงออกไปในทันที!
ลูกธนูดอกนี้คือสัญญาณของเริ่มการโจมตี ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านข้างกายนางต่างพากันยกอาวุอย่างจอบ เคียว และขวานขึ้นฟันเข้าใส่โจรที่กำลังขนย้ายเสบียงทันที
เสียงตะโกนและเสียงฆ่าฟันดังก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้านในทันที
ลูกธนูดอกนั้นของฉินเหยายิงหมวกของหัวหน้าโจรจนปลิวตกไป เขาทั้งโกรธทั้งตกใจ คาดไม่ถึงว่าสตรีตัวเล็กๆ จะเก่งกาจถึงเพียงนี้
แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงสตรี เขาหัวเราะเสียงเหี้ยม ก่อนจะสั่งให้พวกโจรโจมตีฉินเหยาในทันที
ฉินเหยาย่อกายลงเพื่อสะสมแรง ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกกระสุน นางกระโดดลอยตัวขึ้นสูง และเล็งดาบฟันไปยังศีรษะของหัวหน้าโจร
หัวหน้าโจรเลิกคิ้วขึ้น แต่เขายังคงประมาทอยู่ เพียงยกแขนใหญ่ราววานรขึ้นเพื่อรอการโจมตีของฉินเหยา
แต่คาดไม่ถึงว่า สิ่งที่ปะทะเข้ากับท่อนแขนของเขานั้นจะไม่ใช่พละกำลังเพียงร้อยกว่าจินเท่านั้น แต่กลับเป็นพลังมหาศาล!
ได้ยินเพียงเสียงกระดูกแตกดังขึ้น ฉินเหยาเหยียบท่อนแขนใหญ่ราววานรของเขา ก่อนยืมแรงดีดตัวขึ้นกลางอากาศแล้วหมุนตัวเตะเข้าเต็มแรงกลางศีรษะของหัวหน้าโจร
ด้วยพละกำลังที่มีมากกว่าคนทั่วไป ลูกเตะนี้ถึงกับทำให้ชายร่างกำยำหนักเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบจินกระเด็นไปกับพื้นในทันที
แต่ไรมาตอนสังหารคนฉินเหยาไม่เคยยอมมือ นางฟันดาบลงไปในทันที
ภายใต้สายตาตกตะลึงของพวกโจรภูเขาและชาวบ้านเต็มลาน แขนข้างหนึ่งขาดกระเด็นตกลงบนพื้น
ในสถานการณ์คับขัน หัวหน้าโจรเลือกที่จะเสียสละแขนหนึ่งข้างเพื่อรักษาศีรษะเอาไว้
“ถอย!!!”
หัวหน้าโจรคำรามเสียงดัง คว้าตัวชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างผลักไปทางฉินเหยา เพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของนาง
มารดามันเถอะ!
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ไม่นึกเลยว่าจะมีสตรีที่น่ากลัวถึงเพียงนี้อยู่ด้วย หากรู้ก่อน เขาคงไม่มาแล้ว!
ความเจ็บปวดจากแขนที่ขาดกระตุ้นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของหัวหน้าโจร เขาไม่สนใจสิ่งใดอีก ขึ้นม้าได้ก็คิดหนีทันที