ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 6 อาบน้ำ
ตอนนั้นเป็นช่วงที่ชาวบ้านกำลังกินข้าวเที่ยง พื้นที่รอบบ่อน้ำจึงแทบไม่มีคน
ต้าหลางผูกเชือกกับหูถังอย่างคล่องแคล่วแล้วโยนลงไปในบ่อ เขย่าเล็กน้อยให้ถังพลิกจนน้ำเต็ม
แต่ถังน้ำที่เต็มแล้วหนักมาก เด็กชายดูเหมือนจะลำบากเล็กน้อย เนื่องจากขอบบ่อไม่มีอุปกรณ์ช่วยยก มีเพียงปากบ่อเรียบโล่ง
ฉินเหยาเดินเข้าไปจับเชือก ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ยกถังน้ำขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
ต้าหลางมองดูฉินเหยาที่ยกถังน้ำหนักอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างประหลาดใจ แววตาที่เคยเฉยชากลับมีประกายขึ้นเล็กน้อย
ฉินเหยานำโถดินสองใบที่นางดื่มน้ำหมดไปในตอนเช้ามาด้วย นางเทน้ำในถังลงในโถจนเต็ม
นางใช้น้ำที่เหลือเล็กน้อยล้างถังไม้ให้สะอาดแล้วโยนกลับลงไปในบ่อ จากนั้นทำตามวิธีที่ต้าหลางทำก่อนหน้านี้และตักน้ำขึ้นมาอีกถังจนเต็ม
ฉินเหยาถือถังน้ำในมือข้างหนึ่ง อีกข้างกอดหม้อดินหนึ่งใบ ส่วนอีกใบต้าหลางเป็นคนอุ้มไว้ในอ้อมอก
อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้น้ำกลับบ้านมากขนาดนี้ เด็กชายที่เคยมีท่าทีแก่แดดจึงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ใสซื่อบนใบหน้า
อาจเพราะได้กินอะไรบ้าง ทำให้มีแรงขึ้น การก้าวเท้ากลับบ้านจึงดูเบาขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านแม่!”
ฉินเหยาและต้าหลางยังเดินไปไม่ถึงหน้าบ้านก็เห็นเงาของเด็กตัวเล็กๆ ยืนอยู่บนเนินเขา เรียกพวกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เมื่อเห็นนาง เด็กน้อยรีบก้าวขาเล็กๆ วิ่งล้มลุกคลุกคลานมาหานางทันที
“ช้าๆ หน่อย!” ฉินเหยารีบร้องเตือน
แต่เด็กที่โตมาในชนบทนั้นแข็งแรง ซื่อเหนียงที่ดูผอมบางสะดุดล้มกลางทาง แต่ลุกขึ้นเองได้ เอามือเลอะเทอะเช็ดหน้า ทำให้หน้ามอมแมมยิ่งกว่าเดิมแล้วยิ้มโง่งมให้อย่างไม่รู้สึกเจ็บ
ซื่อเหนียงเข้ามาใกล้ฉินเหยา ยืนชิดนางอย่างรู้งาน พร้อมเสนอจะช่วยยกถังน้ำ
ฉินเหยาเห็นว่าซื่อเหนียงไม่ได้รับบาดเจ็บจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นางไม่ยอมให้เด็กช่วยยกถังน้ำ แต่บอกให้เดินตามไปแทนและห้ามวิ่งอีกเพราะอาจล้มได้
ซื่อเหนียงพยักหน้าตามอย่างว่าง่าย เดินไปสองก้าวก็ถามอย่างห่วงใยว่า “ท่านแม่ หนักไหม”
“ท่านแม่ เหนื่อยหรือเปล่า?”
“ท่านแม่ ท่านแม่…”
ฉินเหยารู้สึกจนใจ เด็กคนนี้ที่แท้เป็นคนพูดมาก
นางพยายามตอบทุกคำถามของเด็กด้วยความอดทนที่สุด “ไม่หนัก ไม่เหนื่อย”
เอ้อร์หลางและซานหลางช่วยกันเช็ดสิ่งสกปรกในโอ่งน้ำเรียบร้อยแล้ว พี่น้องทั้งสามคนแรงน้อยจึงมักใช้แต่ถังน้ำเล็กๆ ในการเติมน้ำ โอ่งน้ำนี้ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว
ฉินเหยาส่งสัญญาณให้ซื่อเหนียงที่ยืนอยู่ข้างหลังถอยออกไปแล้วเทน้ำในถังลงไปในโอ่ง
น้ำหนึ่งถังรวมกับน้ำในโถดินอีกสองใบ เติมได้เพียงหนึ่งในสามของโอ่งเท่านั้น ยังต้องไปตักมาอีกสองรอบถึงจะเต็ม
ฉินเหยาหันกลับไปมองพี่น้องทั้งสี่ของตระกูลหลิวที่ยืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าแล้วเริ่มแบ่งงาน
“ในบ้านสกปรกมาก เอ้อร์หลาง ซานหลาง พวกเจ้าสองคนหยิบไม้กวาดไปทำความสะอาดสองห้องให้เรียบร้อย ข้ากับต้าหลางจะไปตักน้ำเพิ่ม อ้อ แล้วก็ต้มน้ำร้อนอีกหม้อด้วย พอกลับมาจะได้ล้างตัวกัน”
ต้าหลางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความกังวลว่า “แล้วเรื่องที่นาเล่า?”
บ้านอื่นๆ เกือบจะปลูกข้าวสาลีเสร็จกันเกือบหมดแล้ว แต่บ้านพวกเขายังไม่ได้เริ่มปลูกเลย
ในสายตาของต้าหลาง ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการเพาะปลูกอีกแล้ว ช่วงสองวันนี้อากาศกำลังดี หากพลาดช่วงเวลานี้ไป ข้าวสาลีอาจเติบโตได้ไม่ดี
ฉินเหยารู้ดีว่าการเพาะปลูกเป็นเรื่องสำคัญ แต่ปัญหาตอนนี้คือในบ้านไม่มีเมล็ดข้าวสาลีเลย จะเอาอะไรไปปลูกเล่า
“ยังไม่ต้องรีบลงนา จัดการทำความสะอาดห้องที่จะนอนคืนนี้ก่อน”
พูดจบ นางก็เติมน้ำจนเต็มหม้อเหล็กบนเตา หยิบถังน้ำเปล่ากับโถดินแล้วส่งสัญญาณให้ต้าหลางตามมา ก่อนเดินตรงไปยังหมู่บ้าน
ซื่อเหนียงเห็นพี่รองกับพี่สามยังยืนงงอยู่ นางจึงหยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วเริ่มทำความสะอาดห้องเอง
ทำตามที่ท่านแม่บอกต้องไม่ผิดแน่!
หลิวเอ้อร์หลางไม่เข้าใจความคิดของแม่เลี้ยงผู้นี้เลย บ้านหลังนี้อยู่กันมาหลายปีแล้วก็เป็นแบบนี้ตลอด ทำไมต้องมาทำความสะอาดด้วย
ซานหลางกระตุกแขนพี่ชายแล้วถามว่า “พี่รอง ถ้าเราไม่เชื่อฟัง แม่เลี้ยงจะตีเราหรือไม่”
พี่น้องทั้งสองสบตากันแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพฉินเหยาที่รับมีดด้วยมือเดียวเมื่อครู่อย่างดุดัน ทั้งสองตัวสั่นขึ้นอย่างพร้อมเพรียงแล้วรีบต้มน้ำ กวาดพื้นและเช็ดโต๊ะทันที
รอจนฉินเหยาตักน้ำมาเติมจนเต็มโอ่ง พื้นในบ้านก็ถูกพี่น้องทั้งสามทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ขยะที่กวาดออกมาถูกนำไปทิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน
โต๊ะเตี้ยขาหักในห้องหลักก็ถูกเช็ดจนสะอาดหมดจด พื้นหน้าประตูบ้านก็ถูกกวาดแล้ว เหลือเพียงใยแมงมุมบนที่สูงที่ยังไม่ได้จัดการเพราะส่วนสูงไม่ถึง
ฉินเหยาตรวจดูรอบหนึ่งก็รู้สึกพอใจพอสมควร พอดีที่น้ำในหม้อเดือดแล้ว นางจึงหยิบอ่างไม้เก่าๆ หนักอึ้งใต้เตียงออกมา ผสมน้ำร้อนให้พอดีแล้วเรียกซื่อเหนียงกับซานหลางเข้ามาอาบน้ำก่อน
ช่วงนี้แดดกำลังดี อาบน้ำเร็วๆ จะได้ไม่หนาวจนเป็นหวัด
เส้นผมของฝาแฝดชายหญิงไม่รู้ว่าไม่ได้สระมานานแค่ไหนแล้ว พันกันยุ่งเหยิงไปหมด หากมีกรรไกรฉินเหยาคงตัดออกทั้งหมด แต่เสียดายที่ไม่มี
ฉินเหยาช่วยซื่อเหนียงถอดเสื้อผ้าแล้วบอกให้ซานหลางถอดเอง แม้ว่าทั้งคู่จะอายุแค่สี่ปี แต่ตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยมีแม่ส่วนพ่อก็ไม่สนใจ พวกเขาจึงเรียนรู้การแต่งตัวและใส่รองเท้าเองและยังสามารถช่วยพี่ชายทำงานในไร่ได้แล้ว
ซื่อเหนียงกระโดดลงไปในอ่างน้ำอย่างดีใจ ส่วนซานหลางจับเสื้อผ้าของตัวเองแล้วบิดไปมาด้วยความเขินอาย
ฉินเหยากำลังรีบ เวลาไม่รอใคร ดวงอาทิตย์ก็ไม่ได้แขวนอยู่บนท้องฟ้าตลอดไป นางจึงเอ่ยเสียงหนักขึ้น “ซานหลาง รีบหน่อย”
ระหว่างเอ่ยเร่งก็ขยับมือไม่หยุด กดตัวเด็กน้อยลงไปในน้ำแล้วขัดอย่างแรง ดูแล้วเหมือนน่ากลัวมาก แต่นางควบคุมแรงเอาไว้ ซื่อเหนียงจึงไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
แต่ในสายตาของซานหลาง นั่นคือภาพที่น่ากลัวในอีกแบบหนึ่ง
เด็กๆ ตัวเปื้อนโคลนหนา น้ำที่ใช้ล้างพวกเขาใช้แค่ครั้งเดียวก็ขุ่นแล้ว ฉินเหยาจึงสั่งไปทางด้านนอกทันที “ต้าหลาง เติมน้ำลงหม้ออีกหน่อย!”
แล้วเอ่ยเร่งรัดเด็กๆ ที่อยู่ข้างหน้าอีก “เข้ามา”
ซานหลางหน้าแดงทั้งสองมือปิดจุดสำคัญของตัวเอง ก้าวข้ามเข้าไปในอ่างน้ำด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้
ฉินเหยารู้สึกจนใจ “ร้องไห้ทำไม ข้าก็ไม่กินคนหรอกน่า”
ซานหลางคิด ‘ฮือๆๆ แม่เลี้ยงน่ากลัวจริงๆ!’
ฉินเหยาดึงแขนเขาขึ้นมาแล้วเริ่มขัดโคลนออก ร้อนจนเหงื่อออกเต็มศีรษะไปหมด นางเพียงคิดอยากให้เด็กทั้งสองสะอาดเร็วๆ จึงไม่สนใจอารมณ์ของซานหลางที่พังทลายไปแล้ว ไม่นานก็ขัดเสร็จจนครบทั้งสองคน
บ้านยากจนไม่มีแม้แต่ผ้าขนหนู ฉินเหยาทำได้เพียงบอกให้เด็กๆ ห่มเสื้อผ้าสกปรกของตัวเองต่อไปแล้วยกน้ำสกปรกออกไปเท รีบไปเปลี่ยนน้ำร้อนสะอาดอีกอ่างมาแล้วอาบอีกรอบจนนับว่าพอใจ
แม้เสื้อผ้าจะยังสกปรกอยู่ แต่อย่างน้อยบนร่างกายก็ไม่มีกลิ่นแปลกๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว
ถึงตาของเด็กโตสองคน ฉินเหยาช่วยเตรียมอ่างไม้และน้ำร้อนให้แล้วบอกให้พวกเขาอาบเอง
ทั้งยังเตือนเป็นพิเศษว่า “ขัดรักแร้และก้นให้ดีๆ นะ”
ที่นี่ไม่มีการใช้กระดาษในการทำธุระส่วนตัวและยังไม่มีกระดาษ ทั้งยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อกระดาษมาใช้อีกด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ใช้ใบไม้และไม้เป็นหลัก เก็บมาใช้ตามสะดวก คนที่มีความคิดละเอียดอ่อนหน่อยก็จะผ่าไม้ไผ่ทำเป็นแผ่นไม้กว้างสองข้อนิ้ว ขัดขอบให้เรียบ ใช้ครั้งละแผ่น ผ่าครั้งหนึ่งก็ใช้ได้ห้าถึงหกวัน
สำหรับตระกูลหลิวที่มีสภาพเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้แผ่นไม้ไผ่ได้ ตอนนางเพิ่งช่วยเด็กทั้งสองคนอาบน้ำ ภาพนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าขนาดไหน
ต้าหลางกับเอ้อร์หลางเองก็หน้าแดงถึงใบหู พูดเสียงเบาว่ารู้แล้วแล้วเดินเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำ
เห็นในโอ่งยังมีน้ำเหลืออยู่ ฉินเหยาจึงใช้ถังไม้ตักน้ำร้อนเข้าไปเช็ดตัวในบ้านบ้าง
แม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ แต่ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ สามารถเช็ดตัวได้ฉินเหยาก็นับว่าพอใจแล้ว
หลังจากเช็ดตัวเสร็จ ฉินเหยาถือโอกาสในช่วงแดดดี ถือพร้าเดินไปที่เขาหลังบ้าน ฟันกิ่งไม้สองสามอันเพื่อมาทำเป็นราวตากผ้าแบบง่ายๆ แล้วนำเครื่องนอนที่ถมเป็นก้อนมาตบๆ แล้วตากไว้เพื่อขจัดกลิ่นอับและความชื้น