ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 8 ขายรองเท้าฟาง
มื้อเย็น ฉินเหยาทำเผือกต้ม
อย่ามองว่านางหอบเผือกสองถุงใหญ่กลับมาแล้วจะเพียงพอ บ้านนี้มีห้าปาก อีกทั้งแต่ละคนยังหิวโซ เผือกราวห้าสิบจิน กินแค่สองมื้อก็เหลือเพียงครึ่งเดียวแล้ว
นี่ขนาดฉินเหยาพยายามควบคุมตนเองไม่กล้ากินมากกว่านี้แล้ว หากนางกินให้อิ่มสักแปดส่วน คาดว่าคงเหลือไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
พอหลิวต้าหลางกับคนอื่นๆ อิ่มกันแล้ว เห็นอาหารเหลือเพียงนิดเดียวก็อดเสียใจไม่ได้ที่ไม่ยั้งปากเอาไว้
ฉินเหยากลับไม่คิดมากเช่นนั้น ในภูเขายังมีเผือกอีกมาก หากขุดกลับมาหมดน่าจะพอกินได้สักหนึ่งเดือน
ช่วงสั้นๆ นี้ นางไม่ต้องกลัวว่าจะอดตายแล้ว
เพียงแต่ว่าในอุณหภูมิและความชื้นแบบนี้ เผือกเก็บไว้นานไม่ได้ ต้องขุดมาตอนจะกินเท่านั้น
ฉินเหยารู้สึกโชคดีที่ไม่มีใครกินเผือก ไม่อย่างนั้นเสบียงที่ได้มาเปล่านี้คงไม่เหลือแล้ว
ค่ำคืนนั้น หลังอิ่มท้อง ฉินเหยาก็เริ่มสานรองเท้าฟางใต้แสงคบไฟ
แรกๆ ยังไม่คล่องมือนัก พอชินมือแล้วนางก็สานได้เร็วขึ้น
ฝาแฝดชายหญิงหาวไม่หยุด ฉินเหยาบอกให้ไปนอน ทั้งคู่ก็ไม่ยอม เอาแต่มองรองเท้าฟางในมือนางด้วยความคาดหวัง รอใส่รองเท้าใหม่
ฉินเหยาทั้งสงสารทั้งอับจนหนทางจึงปล่อยให้พวกเขาอยู่รอต่อไปแบบนั้น
บ้านหลิวจี้อยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านเงียบสงัดมีเพียงเสียงสัตว์ป่าบนภูเขาดังแว่วมาเป็นระยะ
อาจเพราะบรรยากาศชวนให้นึกถึงเรื่องร้าย ต้าหลางกับเอ้อร์หลางจึงหวนคิดถึงบิดาสารเลวที่ถูกหิ้วตัวไป ทั้งสองแอบเหลือบมองฉินเหยา คิดจะถามแต่ก็ไม่กล้า
ในที่สุดต้าหลางก็ทนไม่ไหว ขณะที่กำลังจะถามฉินเหยาว่าจะไปไถ่ตัวท่านพ่อเมื่อไหร่ดีก็พอดีกับที่ฉินเหยาสานรองเท้าฟางคู่แรกเสร็จแล้วส่งมาตรงหน้าเขา
“ลำดับอาวุโสสำคัญ คู่นี้ให้ต้าหลางก่อน” ฉินเหยาพูดจบก็หยิบเชือกฟางมาสานคู่ที่สองต่อ
วันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวัน สานเพิ่มให้ตัวเองอีกคู่แล้วจะไปพักผ่อนแล้ว
คำถามที่ต้าหลางเตรียมจะเอ่ยกลับต้องกลืนกลับลงไป
ทว่าพอเห็นรองเท้าฟางคู่นั้นที่สานแน่นหนา แค่มองดูก็รู้สึกแข็งแรงสวมสบาย เด็กชายก็หยิบรองเท้าจากบนโต๊ะลงมาด้วยความยินดี ลองเทียบกับเท้าตนเองท่ามกลางสายตาอิจฉาของน้องๆ
ไม่รู้ว่าฉินเหยาตั้งใจหรือแค่บังเอิญ แต่ขนาดพอดีเป๊ะ
เป็นรองเท้าฟางแบบคีบ แม้สู้รองเท้าผ้าไม่ได้ แต่สำหรับต้าหลางที่แทบไม่มีรองเท้าใส่ นี่ก็ดีเลิศแล้ว
เขาหยิบรองเท้ามาดูซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะกอดไว้แนบอกด้วยความถนอม ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะล้างเท้าให้สะอาดก่อนแล้วค่อยใส่
เอ้อร์หลางกับอีกสองคนอิจฉาอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าตนก็จะได้เหมือนกันจึงรอคอยอย่างอดทน
น่าเสียดาย คืนนี้ฉินเหยาทำได้เพียงสองคู่เท่านั้น
สามพี่น้องทำได้เพียงคอตกกลับไปนอน พร้อมตั้งตารอวันพรุ่งนี้มาถึง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเหยาสวมรองเท้าฟางคู่ใหม่ กินเผือกต้มที่เหลือจากเมื่อวานสองหัวแล้วแบกจอบออกจากบ้าน
หลิวต้าหลางถูกปลุกด้วยเสียงเคลื่อนไหวของนาง นึกอยากไปด้วย แต่ว่าฉินเหยาปฏิเสธ
นางไปคนเดียวจะเร็วกว่า หากต้าหลางไปด้วย นางต้องเสียเวลาและกำลังคอยดูแลเขา
ฉินเหยาไปไวกลับไว ขุดเผือกได้สองถุงก็กลับมาแล้ว
เป้าหมายในตอนนี้คือต้องฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงก่อน สัตว์ป่าในภูเขาปล่อยไปก่อน รอให้นางฟื้นตัวดีและมีอุปกรณ์ครบครันแล้วค่อยว่ากันใหม่
ดังนั้น พอขุดเผือกปริมาณสำหรับพอกินสามวันแล้ว นางก็รีบลงจากภูเขาทันที
เพราะร่างกายคือทุนสำคัญ ตอนนี้ยังหักโหมมากไปไม่ไหว
เด็กๆ ในบ้านทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย รอให้นางกลับมาก่อนถึงจะเริ่มกิน
สำหรับเรื่องนี้ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของฉินเหยาไปบ้าง นางไม่คิดว่าสี่พี่น้องจะทำอาหารรอนาง
อาจเพราะอาหารนางเป็นคนนำกลับมา พวกเขาจึงยอมให้นางเป็นคนแบ่งสรรได้ตามใจ
เผือกที่เหลือจากเมื่อวานต้มไปครึ่งหนึ่งน้ำหนักราวแปดเก้าจิน ฉินเหยาแบ่งส่วนมากไว้ที่ตัวเอง เด็กทั้งสี่แบ่งตามปริมาณที่กิน
ซื่อเหนียงเบียดชิดท่านแม่อยู่ตลอด คอยป้อนอาหารให้เป็นระยะ
ฉินเหยาทำท่ากัดไปคำเล็กๆ เด็กหญิงก็ยิ้มตาหยี เอาหัวเล็กๆ พิงแผ่นหลังนาง ค่อยๆ กินเผือกหวานนุ่มทีละนิดอย่างมีความสุข
พอทานอาหารเช้าเสร็จ ท่ามกลางสายตาคาดหวังของเอ้อร์หลางและเด็กอีกสองคน ฉินเหยาจึงรีบหยิบเชือกฟางขึ้นมาเริ่มงานฝีมือของวัน
วันนี้มีเวลามาก นางทำรองเท้าฟางสำหรับเด็กสามคู่เสร็จภายในวันเดียว แถมยังทำไซส์ผู้ใหญ่ออกมาได้อีกคู่
เด็กๆ พากันล้างเท้าอย่างพิถีพิถัน ใส่รองเท้าใหม่แล้วเดินไปเดินมาทั่วลานบ้านด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เวลามองฉินเหยาที่เป็นแม่เลี้ยง แววตาของพวกเขามีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เอ้อร์หลางเดินมาพร้อมรองเท้าใหม่ มองดูรองเท้าฟางคู่ที่เกินมาแล้วถามหยั่งเชิงว่า
“ท่านน้า ข้านำรองเท้าคู่นี้ไปขายในหมู่บ้านได้ไหม”
ฉินเหยาตกใจเป็นอย่างแรก “ขายได้ด้วยหรือ”
เอ้อร์หลางเองก็ไม่มั่นใจ แต่เขาก็อยากลองดู “ถึงขายไม่ได้เป็นเงิน แต่แลกกับผักให้บ้านเราได้ก็ดีเหมือนกัน”
ฉินเหยาคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะมีหัวการค้าด้วย อาจเป็นเพราะความยากจนบีบให้พวกเขาต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดตั้งแต่เล็ก
ฉินเหยาพยักหน้า ตอบตกลงแล้ว
เอ้อร์หลางร้องเรียกพี่ใหญ่กับฝาแฝดด้วยความตื่นเต้น สี่พี่น้องกอดรองเท้าฟางคู่นั้นไว้แน่นแล้วพากันเดินไปยังบ่อน้ำที่คึกคักที่สุดในหมู่บ้าน
ในบ้านโอ่งน้ำว่างเปล่าอีกครั้งแล้ว นางฉินเหยาหยิบถังน้ำที่วางโดดเดี่ยวอยู่ในมุมห้องใบนั้นมา ลงกลอนประตูแล้วเดินตามสี่พี่น้องออกไป กะว่าจะไปตักน้ำด้วย
นางไม่คาดหวังว่าสี่พี่น้องจะขายรองเท้าฟางได้ แต่ก็ไม่ห้าม เพียงแอบสังเกตอยู่ห่างๆ
ไม่คิดเลยว่าหลังเอ้อร์หลางตะโกนขายอยู่ไม่นาน ก็มีคนมามุงดูรองเท้าฟาง หลังเจรจาต่อรองกันพักหนึ่งก็ได้ผักใบเขียวหนึ่งกำกับบวบหนึ่งลูกมาแลก
สี่พี่น้องดีใจจนเนื้อเต้น รีบถือผักที่แลกได้มาหาฉินเหยาเพื่ออวดผลงาน
นางฉินเหยายิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้สี่พี่น้อง มองตามแผ่นหลังสตรีที่ได้รองเท้าไป พลางคิดอะไรบางอย่าง
บางทีนางอาจทำรองเท้าฟางเพิ่มอีกหลายคู่แล้วเอาไปแลกกับสิ่งของจำเป็นจากชาวบ้าน
อย่างน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู ชา หม้อ ชาม หรือผักสดที่พวกเขาปลูกเอง สิ่งเหล่านี้พวกเขาอาจมีเหลือใช้ ส่วนตัวนางกำลังต้องการพอดี
ความจนของบ้านหลิวจี้นั้น ฉินเหยาบ่นไปเยอะแล้วเมื่อวานนี้
ทั้งบ้านไม่มีแม้แต่ตะเกียบกับชามที่สมบูรณ์ครบห้าคู่ มีถังน้ำแค่ใบเดียว โอ่งน้ำก็เล็กจนน่าหงุดหงิด วันหนึ่งนางต้องเดินไปตักน้ำสี่ห้ารอบ สิ้นเปลืองเวลามาก
“เรามาตั้งเป้าหมายเล็กๆ กันก่อน เอาแค่ถังไม้หนึ่งถังกับคานหาบมาหนึ่งด้ามก่อนแล้วกัน”
เช้าตรู่ ฉินเหยาเอามือไพล่หลัง ยืนตรงหน้าพี่น้องทั้งสี่คนพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง ดูท่าทางเหมือนครูฝึกในค่ายทหารไม่มีผิด
ต้าหลางกับเอ้อร์หลางพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ดูมุ่งมั่นเต็มที่
ฉินเหยายิ้มมุมปาก หันมองต้าหลางกับเอ้อร์หลางแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าไปยืมฟางจากนาของท่านปู่พวกเจ้าสักหน่อยเถอะ พอหาเงินได้ค่อยคืนต้นทุนให้เขา พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”
สองพี่น้องสบตากันนิดหนึ่ง ก่อนจะหันหลังวิ่งไปยังนาของหลิวเหล่าฮั่นในทันทีอย่างไม่ลังเล
คนทั้งห้าคนในบ้านแบ่งงานกันอย่างชัดเจน
ต้าหลางกับเอ้อร์หลางรับผิดชอบขนย้ายวัตถุดิบ ซานหลางกับซื่อเหนียงจัดการเตรียมฟางเบื้องต้น ส่วนฉินเหยาทำหน้าที่ปั่นฟางให้เป็นเชือก
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน หน้าเรือนก็มีเชือกฟางกองใหญ่พอจะทำรองเท้าฟางได้อย่างน้อยสิบคู่
ยามอาทิตย์อัสดง ต้าหลางกับเอ้อร์หลางวิ่งหอบแฮ่กๆ กลับมาด้วยมือเปล่าแล้วรายงานว่า “ท่านน้า ฟางในนาขนมาหมดแล้ว!”
ฉินเหยามองไปยังเชือกฟางกองโตข้างกายแล้วหันไปมองกองฟางในบ้านแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะยกเลิกหน้าที่ขนฟางของสองพี่น้อง เปลี่ยนให้มาช่วยปั่นเชือกแทน หวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะผลิตรองเท้าฟางชุดแรกออกมาได้!