ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 84 ขี่ม้า
ฉินเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วชี้ตำราเพิ่มอีกสี่เล่ม คุณหนูติงแค่นเสียง “เจ้าช่างโลภนัก!” แต่ก็ยังตอบตกลงทันทีว่า “ตกลง!”
“แต่อย่าทำเสียหายนะ คัดเสร็จแล้วต้องเอามาคืนข้า หนังสือพวกนี้ท่านพ่อข้าเคยอ่านแล้ว แถมด้านบนยังมีคำอธิบายประกอบของท่านพ่ออยู่ด้วย คนอื่นเสนอเงินมากมายเพื่อขอซื้อข้ายังไม่ยอมให้เลย!” นางกำชับด้วยความภาคภูมิใจ
“ยังมีอีก!” นางเสริม “ห้ามให้คนอื่นยืมนะ เจ้าต้องสาบาน หากทำไม่ได้ขอให้ฟ้าผ่าไม่ได้ตายดี!”
ฉินเหยาหัวเราะเบาๆ ก่อนยกมือขึ้นทำท่าสาบานอย่างจริงจังแล้วกอดอกถามว่า
“ยังมีข้อกำหนดอะไรอีกหรือไม่เจ้าคะ”
คุณหนูติงตอบอย่างมั่นใจว่า “มี!”
ฉินเหยาตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น “เชิญว่ามาได้”
เด็กสาวพลันลดเสียงลงเล็กน้อย “ห้ามให้ท่านพ่อข้ารู้เด็ดขาด”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” ฉินเหยายกมือขึ้นแล้วจับมือเล็กๆ ของนางพลางพูดว่า “Give me five! (กิฟ มี ไฟว์)”
คุณหนูติงถามด้วยความงุนงง “กินหมี่ไฟ?”
“คุณหนู ได้เวลารับประทานอาหารเที่ยงแล้วเจ้าค่ะ!” เฉียวกูกูร้องเรียกอยู่หน้าห้องหนังสือ
ฉินเหยาเดินออกจากห้องหนังสืออย่างไม่รอช้า “กินข้าว”
“หืม” คุณหนูติงชะงักไป ดูเหมือนจะไม่ใช่คำว่ากินข้าว เหมือนเสียงวรรณยุกต์จะขาดไปเสียงหนึ่ง
นางเดินตามหลังฉินเหยาไปอย่างไม่ลดละพลางถามย้ำ “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าข้าวอะไรหรือ”
ฉินเหยารับชามใบใหญ่จากเฉ่าเอ๋อร์มา ใช้ตะเกียบเคาะขอบชามสองครั้งจนเกิดเสียงใสดังก้องพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจังแต่เหลวไหลว่า
“ข้าหมายถึงกินข้าว ไม่มีความหมายอื่นหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูรีบเข้าไปทานอาหารเที่ยงเถิด กินให้อิ่มไว้ จะได้ฝึกซ้อมช่วงบ่ายได้ดี”
เมื่อได้ยินคำว่าฝึกซ้อม คุณหนูติงจึงหยุดถามต่อและรีบเข้าไปกินข้าวทันที
ในตอนนั้น นางยังไม่รู้เลยว่าการฝึกซ้อมนั้นคืออะไร แต่กลับเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างใสซื่อ
จวนติงมีม้าอยู่ แม้ว่าม้าตัวนั้นจะถูกใช้ลากเกวียนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
และยังมีอานม้าที่เป็นของคุณชายติงอีกด้วย ฉินเหยาจึงให้จางปานำออกมาใส่ให้ม้า จากนั้นจูงม้า พร้อมกับพาคุณหนูติงที่เปลี่ยนเป็นชุดเสื้อแขนแคบสั้นกับกางเกงขายาวออกจากคอกม้ามายังถนนใหญ่
หน้าจวนตระกูลติงเป็นถนนดินเหลืองกว้างกว่าสองเมตรทอดยาวตรงจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ความยาวประมาณสองถึงสามร้อยเมตร
ถนนสายนี้เชื่อมต่อจากตัวเมืองไปยังหมู่บ้านของตระกูลติง โดยปกติไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมา
ช่วงเช้าฝนเพิ่งตกลงมา พอตกกลางวันแดดก็ออกจัดจนถนนแห้งสนิท
พอเห็นฉินเหยาขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วจับคุณหนูติงขึ้นไปนั่งบนหลังม้าด้วยกันด้วยท่าทางตื่นเต้น เฉียวกูกูกับพ่อบ้านอวี๋ก็สบตากันด้วยความตกใจ ใจแทบกระดอนออกมาจากอก
โชคดีที่ทักษะการควบคุมม้าของฉินเหยาดูไม่เลวและม้าตัวนี้มีนิสัยเชื่องอยู่แล้ว ม้าจึงเริ่มวิ่งไปบนถนน เสียงร้องอย่างตื่นเต้นของคุณหนูติงดังลั่นไปทั่วถนน
พ่อบ้านอวี๋มองไปทางเฉียวกูกูด้วยความกังวล “หากนายท่านกลับมาแล้วรู้ว่าคุณหนูขี่ม้าและยิงธนูเป็น น่าจะดีใจมากใช่หรือไม่”
เฉียวกูกูทำหน้าขมขื่น “คงจะใช่…กระมัง”
เพราะอย่างไรนายท่านก็รักคุณหนูมาก ดังนั้น ไม่แน่ใจว่า อาจจะ ไม่ถือสาที่นางเรียนรู้สิ่งที่เป็นเรื่องของบุรุษกระมัง
ทั้งสองคนรู้สึกกังวลใจ แต่พอเห็นเด็กสาวขี่ม้าพลางหัวเราะอย่างร่าเริงก็คิดว่าภาพนี้ช่างงดงามเหลือเกิน
ทั้งสองนั่งลงข้างสิงโตหินหน้าประตู มองดูม้าที่บรรทุกฉินเหยาและติงเซียงวิ่งไปกลับบนถนนสายนี้ หัวใจราวกับล่องลอยไปไกลพร้อมทั้งสองคน
แต่แล้ว เสียงหัวเราะเหมือนกระดิ่งเงินของเด็กสาวบนหลังม้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เพราะม้าวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้นางกระเด้งกระดอนไปมา
คุณหนูติงหัวเราะไม่ออกแล้ว นางก้มลงแนบร่างไปกับหลังม้าด้วยความกลัวพลางกอดคอแข็งแรงของม้าเอาไว้แน่น ซุกศีรษะลงบนแผงคอของมันแล้วหลับตาแน่น ปากก็ร้องตะโกนว่า “ให้มันหยุดเร็ว หยุด!”
แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไร มือข้างหนึ่งยื่นมาจากข้างหลัง จับศีรษะนางให้ตั้งตรง
“มองตรงไปข้างหน้า ดูถนน ข้าอยู่ข้างหลังท่าน อย่ากลัว”
เสียงของฉินเหยาสงบนิ่งและมั่นคงดังอยู่ข้างหู ติงเซียงสูดหายใจลึก ทำตามที่นางบอก ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ฟู่ ฝุ่นทรายพัดเข้ามาปะทะหน้าทำเอานางตกใจจนอยากหลับตาลงอีกครั้ง
“ลืมตาไว้!”
เสียงตวาดดังทำให้เด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ไม่นานนัก ร่างของนางก็ถูกกดลงไป ทั้งสองอยู่ในท่าหมอบ เอนตัวไปทางด้านซ้ายของหลังม้า ใช้ตัวม้าบังฝุ่นทรายจึงพอจะมองเห็นถนนชัดเจนขึ้นบ้าง
ฉินเหยากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เราไม่มีเวลาที่จะให้ท่านค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยกับม้า ดังนั้น ทุกคำที่ข้าบอกท่านในตอนนี้ ท่านต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ”
“ข้อแรก การขี่ม้าไม่ได้หมายความว่าท่านจะนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วปล่อยให้มันวิ่งตามแต่ใจ แต่คือการบังคับมัน ควบคุมบังเหียนในมือท่านและทำให้มันเดินไปตามจังหวะของท่าน”
ติงเซียงคิดในใจ ไม่ควรเป็นคนที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับจังหวะการวิ่งของม้าหรือ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่พี่ชายเรียนขี่ม้า อาจารย์สอนขี่ม้าพูดแบบนั้น
แต่ช่างเถอะ ตอนนี้นางทำได้เพียงเชื่อฟังฉินเหยา หากมัวลังเลก็อาจตกลงไปจากหลังม้าได้
“เอาชนะความกลัวในใจของท่าน ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ตราบใดที่ท่านควบคุมบังเหียนในมือไว้ได้ ท่านก็จะไม่ตกลงไป”
จริงหรือ ติงเซียงนึกสงสัยในใจ แต่นางก็ยังคงเชื่อฟัง ยื่นมือออกไปรับบังเหียนที่ฉินเหยาส่งมาให้
จากนั้น ความเร็วของม้าก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะคนที่จับบังเหียนตอนนี้ไม่ใช่ฉินเหยาอีกต่อไป
ติงเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย นางฟังเคล็ดลับที่ดังลอยมาข้างหูคำแล้วคำเล่า ปรับท่านั่งของตนเอง จับบังเหียนไว้แน่นและลองควบคุมม้าดู
เพราะมีคนอยู่ด้านหลังและรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องปกป้องตนเองได้แน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่กลัวถึงเพียงนั้นแล้ว
เมื่อไม่มีความกลัว ทุกอย่างก็ดูอ่อนโยนลง
ม้าภายใต้การควบคุมของนางเริ่มช้าลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เดินด้วยจังหวะสม่ำเสมอทีละก้าวๆ ไปบนถนนใหญ่
“มันเชื่องดีจัง~” ติงเซียงหันไปยิ้มให้ฉินเหยาอย่างดีใจ นางเริ่มรู้สึกถึงความสนุกของการควบคุมได้บ้างแล้ว
ฉินเหยายิ้มมุมปาก “ลองเพิ่มความเร็วดูสิเจ้าคะ”
“อื้ม!”
ติงเซียงกระตุกบังเหียนเล็กน้อย ม้ารับคำสั่งแล้วจึงเริ่มวิ่งเหยาะๆ
ม้ายังไม่ค่อยเชื่อฟังนัก ฉินเหยาจึงสอนเด็กสาวด้านหน้าให้เตะเบาๆ ที่ท้องม้าพลางบอกว่า
“ต้องจำไว้ว่า ท่านเป็นผู้ฝึกสัตว์ หากม้าเชื่อฟังก็ให้หญ้าสักกำมือเป็นรางวัล หากมันไม่เชื่อฟังก็ให้เตือนมันบ้าง จำไว้ ท่านต้องกำราบมันให้เชื่อง!”
พ่อบ้านอวี๋ที่แอบได้ยินโดยไม่ได้ตั้งตัว หัวใจหล่นวูบ เขารู้สึกว่าวิชาขี่ม้าของฉินเหยามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าผิดตรงไหน
ช่างเถอะ ดูเหมือนคุณหนูจะทำได้ดี น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
สองคนบนหลังม้าวิ่งไปวิ่งมาอยู่บนถนนหน้าจวนไม่รู้กี่รอบจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เมฆครึ้มเริ่มก่อตัว ลมฝนเหมือนจะมา พวกนางจึงจูงม้ากลับมาพร้อมเหงื่อท่วมตัว
ฉินเหยาพูดขึ้นว่า “ข้าขออาบน้ำก่อนนะเจ้าคะ”
ติงเซียงพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า สั่งให้เฉ่าเอ๋อร์ต้มน้ำอาบสำหรับฉินเหยาด้วย ทั้งสองต่างแยกย้ายไปอาบน้ำในห้องของตนอย่างสบายใจ
เนื่องจากใช้แรงไปมาก ติงเซียงจึงกินข้าวไปสามชามในคราวเดียวจนเฉียวกูกูที่ยืนมองถึงกับตะลึง
พอกินอิ่ม ความตื่นเต้นหายไป ติงเซียงรู้สึกว่าไม่สบายไปทั้งร่าง
ฉินเหยาเดินเข้ามา นั่งลงตรงข้ามนางแล้วบอกให้เด็กสาววางขาขึ้นมาบนตัก จากนั้นเริ่มนวดกล้ามเนื้อให้นางเพื่อผ่อนคลาย