ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 106 ไร้ความปรานี
ตอนที่ 106 ไร้ความปรานี
ตอนที่ 106 ไร้ความปรานี
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ทราบได้ว่าสูตรยาที่เธอจดลงใบสั่งยาได้เริ่มพัฒนาแล้ว
“ถ้าใช้ได้ผลดี ก็หวังว่าจะช่วยพวกคุณได้นะคะ”
เจียงอันปังหัวเราะเสียงดังหลังจากได้ยิน ก่อนจะเอ่ย “แน่นอนครับว่ามันช่วยได้มาก แค่มียาพวกนี้ พวกสหายรบของเราก็จะทำภารกิจกันได้ง่ายมากขึ้น”
เมื่อเอ่ยจบ เจียงอันปังก็นึกขึ้นได้ว่าเขามาเพื่อเยี่ยมลูกชายตัวเอง และยังได้ยินหมอเลี่ยวบอกว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายสามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงรู้สึกขอบคุณฉินมู่หลานอย่างมาก เขาหันมองเธอแล้วเอ่ยอีกครั้ง “ขอบคุณหมอฉินนะครับ ครั้งนี้คุณช่วยได้มากจริง ๆ ถ้ารักษาอาการบาดเจ็บของอาเฉิงให้หายขาดไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องเปลี่ยนสายอาชีพแล้ว”
ต่อให้เขาจะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่หากลูกชายได้รับบาดเจ็บจริงและส่งผลต่อเคลื่อนไหว อย่างไรก็ต้องเปลี่ยนสายงาน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณฉินมู่หลานมากจริง ๆ
ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ จึงเอ่ยขึ้นทันที “ผบ.คะ มันเป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นคนใจดีไม่เห็นแก่ตัวดังนี้ เจียงอันปังจึงประทับใจฉินมู่หลานมากขึ้น ก่อนจะอดหันไปตบบ่าของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พ่อหนุ่มนี่ได้ภรรยาดีจริง ๆ นะ”
ในตอนนั้นเอง เจียงเฉิงก็ได้หันมองพ่อของตนแล้วหาโอกาสเอ่ยขึ้น “พ่อครับ หมอฉินกำลังตั้งท้องด้วยนะ แต่พรุ่งนี้หล่อนก็ยังจะมาฝังเข็มให้ผม จากหอพักมาที่โรงพยาบาลก็เดินทางไม่ค่อยสะดวก ช่วยส่งคนมารับส่งหล่อนหน่อยได้ไหมครับ”
ได้ยินเช่นนั้น เจียงอันปังก็โบกมือ แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้ ถึงตอนนั้นฉันจะให้เสี่ยวหวังขับรถไปรับหมอฉินมาเอง”
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเอ่ยเช่นนั้น เจียงเฉิงก็รู้สึกโล่งใจ
“อย่างนั้นก็ดีครับ ให้เสี่ยวหวังไปส่งหมอฉินด้วย”
เซี่ยเจ๋อหลี่อ้าปาก ตอนแรกเขาอยากจะบอกว่าจะทำเอง แต่ในเมื่อเจียงอันปังเอ่ยเช่นนั้น เขาจึงไม่เอ่ยอะไรให้มากความ
เมื่อนึกไปถึงว่ามู่หลานเพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จ และทุกอย่างที่นี่ก็เรียบร้อยดีแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่จึงหันมองแล้วพูดกับเจียงอันปัง “ผบ.ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ได้ พวกเธอรีบกลับกันเถอะ หลังจากกลับไปแล้วอย่าลืมให้ภรรยาของนายพักผ่อนเต็มที่ด้วยนะ”
ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ แต่เธอยังต้องเขียนใบสั่งยา จึงหันมองไปเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างเป็นกันเองแล้วพูดขึ้น “รอเดี๋ยวนะคะ ฉันขอเขียนใบสั่งยาก่อน”
ฉินมู่หลานหยิบปากกาและกระดาษออกมา จากนั้นจึงเขียนใบสั่งยาแล้วยื่นไปให้หมอเลี่ยวก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอเลี่ยวคะ พวกคุณรับยาตามใบสั่งยานี้นะคะ หลังจากนั้นก็ต้มแล้วเอาให้สหายเฉิงดื่มวันนี้”
“ได้ครับ ผมจะจำไว้”
หมอเลี่ยวพยักหน้า ทำให้ฉินมู่หลานสบายใจโนเวลพีดีเอฟ
หลังจากนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานกลับไป เมื่อทั้งสองมาถึงบ้าน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้เอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ่อหลี่ถามเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เธอเล่าอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องที่ถานเล่อเวยจะเข้ามาผลักเธอด้วย
สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่มืดมนลงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ได้แต่รู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย
ฉินมุ่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่มีท่าทางเช่นนั้น จึงรีบยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “เอาเถอะ ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย คุณก็อย่าโมโหไปเลย”
เซี่ยเจ๋อหลี่จับมือของฉินมู่หลาน พลางให้คำมั่นกับเธอ “มู่หลาน คุณวางใจได้เลย อีกไม่กี่วันถานเล่อเวยก็จะออกจากที่นี่ หลังจากนั้นหล่อนจะไม่มาเสนอหน้าสร้างปัญหาให้คุณแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ร็สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยถาม “อาหลี่ คุณลงมือจัดการไปเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ปิดบังอะไรฉินมู่หลานอยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยตามตรง “ใช่ ผมจะใช้วิธีบางอย่าง ให้ถานเล่อเวยโดนไล่ออกจากคณะสันทนาการ”
“เขาจะโดนย้ายไปที่คณะสันทนาการอื่นใช่ไหม?”
ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้คิดจะพูดอะไรเพิ่ม แต่เมื่อฉินมู่หลานถามขึ้น เขาจึงบอกแผนการของตัวเองให้ฟังด้วย
“ผมจะทำให้หล่อนหางานไม่ได้อีก”
เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลัวว่าฉินมู่หลานจะเข้าใจผิด จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปพูดกับเธอ “มู่หลาน คุณคิดว่าผมทำรุนแรงไปหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนจะเอ่ยขึ้น “จะคิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะ คุณกำลังแก้แค้นให้ฉันนะ ฉันก็ต้องมีความสุขสิ ทำไมถึงต้องคิดว่ามันรุนแรงเกินไปด้วย นอกจากนี้ถานเล่อเวยก็เป็นฝ่ายทำผิดก่อน ถ้าวันนี้เหวินเนี่ยนอันไม่เข้ามาช่วย ฉันอาจจะโดนผลักจนล้มไปแล้วก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง”
มันเป็นความผิดของถานเล่อเวยอยู่แล้ว เธอจึงไม่บอกว่าตอนนั้นตัวเองก็เตรียมจะสู้กลับ
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้น จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ถ้าถานเล่อเวยลงมือสำเร็จ ก็จะเป็นคุณที่เดือดร้อน”
เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็จับมือของฉินมู่หลานเอาไว้แน่น เขากังวลใจจริง ๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
ฉินมู่หลานตบบ่าของเซี่ยเจ๋อหลี่เบา ๆ แล้วเอ่ยพูดอย่างสบาย ๆ “เอาเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
วันนี้ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ดังนั้นจึงคิดจะพักผ่อนสักงีบ
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเอ่ยทันทีหลังจากได้ยินเช่นนั้น “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นคุณรีบพักผ่อนเถอะ ผมจะทำอาหารเย็นเอง”
ฉินมู่หลานพยักหน้า แล้วจึงไปพักผ่อน
ต่อมา ฉินมู่หลานก็ไปโรงพยาบาลทหารวันเว้นวันเพื่อฝังเข็มให้เจียงเฉิง ซึ่งเจียงเฉิงก็ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ดีมาก เจียงอันปังจึงพูดเยินยอทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานอยู่เสมอในยามได้พบผู้คน
ไม่นานนัก ทั่วทั้งเขตทหารตั้งแต่ท่านผู้นำสู่พลทหารต่างก็ได้ทราบว่าฉินมู่หลานมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เธอจึงกลายเป็นที่เลื่องลือขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่ทุกคนถอนหายใจกับทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฉินมู่หลานอยู่นั้น ถานเล่อเวยก็ได้รับข่าวที่ทำให้ตัวหล่อนถึงกับตกใจ
หล่อนไม่อาจอยู่ในคณะสันทนาการได้อีกแล้ว ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ เห็นได้ชัดว่าหล่อนเองก็ทำงานค่อนข้างดี แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่ต้องการตัวหล่อนแล้วล่ะ
หัวหน้าคณะสันทนาการไม่ค่อยพอใจถานเล่อเวยมานานแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถต่ำกว่ามาตรฐานค่าเฉลี่ย แต่ความหยิ่งทระนงกลับสูงเทียมฟ้า คิดเพียงแค่ว่าตัวเองดีที่สุด แต่ไม่เคยคิดย้อนเลยว่าอันที่จริงแล้วตัวเองร้องเล่นเต้นรำในคณะสันทนาการได้แสนจะธรรมดาสุด ๆ
“พอแล้ว เก็บของของเธอให้หมด แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง”
ถานเล่อเวยตื่นตระหนกสุดขีด จึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าคะ ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ต้องการฉันแล้ว เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ”
“ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้นะว่าไปทำอะไรให้คนอื่นเขาขุ่นเคืองใจ ไม่รู้ว่าจะพูดกับเธอยังไงดี เอาเป็นว่าลองคิดเองบ้างเถอะว่าตัวเองทำอะไรลงไป”
ถานเล่อเวยนิ่งไปในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงสติกลับมาได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้หล่อนทำให้ฉินมู่หลานขุ่นเคืองใจ เป็นเพราะหล่อนไปก่อกวนฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่จึงใช้อำนาจกลั่นแกล้งหล่อนอย่างนั้นหรือ
“เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ถานเล่อเวยพลันไม่พอใจ หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป อยากมาถามเซี่ยเจ๋อหลี่ให้ละเอียด
เมื่อถานเล่อเวยพบกับเซี่ยเจ่อหลี่ หล่อนก็โพล่งขึ้นตรงประเด็น “เซี่ยเจ๋อหลี่ ที่ฉันต้องโดนไล่ออกจากคณะสันทนาการนี่เป็นเพราะฝีมือคุณใช่ไหม?”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นถานเล่อเวยกำลังโกรธแค้น จึงแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “เป็นผมเองล่ะ”
“คุณ…”
ถานเล่อเวยไม่คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะยอมรับในทันที หล่อนพลันไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่กลับเอ่ยอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าทำกับฉินมู่หลานแบบนั้นแล้ว คุณจะยังได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกเหรอ”
“แต่ฉินมู่หลานก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ”
“เหอะ…ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง คิดแค่ว่ามู่หลานไม่เป็นอะไร คุณก็เลยไม่มีความผิดงั้นเหรอ”
เมื่อมองดูใบหน้าแสนเย็นชาที่อยู่ตรงหน้า เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไปโดยปริยาย ทำให้ถานเล่อเวยรู้สึกใจกระตุก ตอนแรกหล่อนคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นคนสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด บางทีนี่อาจเป็นธาตุแท้ของเขาก็เป็นได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนนนน อยู่ดีไม่ว่าดี ไปรังแกภรรยาเขา เจอเขาเอาจริงขึ้นมาแล้ว หมดอนาคตแล้วยัยถานเอ๊ย
ไหหม่า(海馬)