ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 113 ได้พบหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ (1)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 113 ได้พบหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ (1)
ตอนที่ 113 ได้พบหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ (1)
ตอนที่ 113 ได้พบหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ (1)
ฉินมู่หลานชำเลืองมองเหยาอี้หนิงอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็ละสายตากลับมา แม้ใบหน้าของคนผู้นี้กับเซี่ยเจ๋อหลี่จะค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็แค่คล้ายกันเท่านั้น เทียบไม่ได้กับเซี่ยเจ๋อหลี่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คนผู้นี้ยังหยามเหยียดเซี่ยเจ๋อหลี่อีกด้วย เธอย่อมไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเขา
“มันยากขนาดนั้นเลยเหรอที่จะยอมรับว่าคนอื่นเก่งกว่าตัวเอง ตัวเองไร้น้ำยาก็เลยเห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้เลยงั้นสิ น่ารังเกียจจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินมู่หลาน เหยาอี้หนิงแทบจะระเบิดโทสะออกมา
“นี่คุณ……..”
เหยาอี้หนิงยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็เห็นสายตาเยือกเย็นของเซี่ยเจ๋อหลี่จ้องมองมา ขณะนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความหนาวยะเยือก คำพูดที่ต้องการจะกล่าวพลันต้องกล้ำกลืนกลับไป
เมื่อฉินมู่หลานเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็แค่นเสียงเย้ยหยัน จากนั้นมองไปทางเซี่ยเจ๋อหลี่และกล่าว “อาหลี่ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ พูดคุยกับคนประเภทนี้ไปก็มีแต่เสียเวลาเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่เกรงใจของฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่พลันส่งเสียงหัวเราะ ฉินมู่หลานกำลังปกป้องเขา ที่แท้ความรู้สึกของการโดนคนอื่นปกป้องนั้นอบอุ่นเช่นนี้นี่เอง “อือ พวกเรากลับบ้านกัน”
หลังจากทั้งสองคนจากไปไกลแล้ว ใบหน้าของเหยาอี้หนิงยังคงเขียวคล้ำ รู้สึกเพียงแค่ว่าความโกรธนี้ไม่อาจระบายออกไปได้
เริ่นม่านลี่ที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางเช่นนี้ของสามี หล่อนหัวเราะเยาะและเอ่ย “ฉันเคยพูดไปนานแล้ว คุณควรทำงานอย่างจริงจังตามหลักการและอย่าได้คิดใช้วิธีการคดโกงเชียว”
“คุณหุบปากไปเถอะ”
เหยาอี้หนิงจ้องมองภรรยาของเขาด้วยใบหน้าเคืองขุ่นชัด รู้สึกเพียงว่าถ้าหากเป็นภรรยาของคนอื่นจะต้องช่วยเหลือสามีของตน แต่ภรรยาของเขากลับหยามเหยียดเขา
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกลับมา เธอก็จ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างสงสัยและเอ่ยถาม “คุณกับเหยาอี้หนิงคนนั้นเคยมีปัญหากันเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับเอ่ย “ใช่ เคยมีปัญหากัน ผิดใจกันใหญ่โตเลยล่ะ”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้ายของประโยค นัยน์ตาของเซี่ยเจ๋อหลี่พลันมืดมนลง
“เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คุณเกลียดชังเหยาอี้หนิงใช่หรือเปล่า” เธอรู้ว่าตนไม่อาจถามเรื่องงานของเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ แต่ปัญหานี้น่าจะไม่เป็นไร
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินคำพูดนี้พลันพยักหน้าและเอ่ย “ใช่ ผมเกลียดชังเหยาอี้หนิงมาก เขาเพิกเฉยต่อสถานการณ์โดยรวมเพียงเพราะเรื่องส่วนตัวของตนเอง ครั้งก่อนผมและฟู่ซวี่ตงไปยังซีเป่ย เหยาอี้หนิงก็มีส่วนหนุนคลื่นลมให้สูง[1]”
ขณะนี้สีหน้าของฉินมู่หลานเองก็มืดมนลงเช่นกัน
“เหยาอี้หนิงคนนี้ใช่ไหมที่ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานโกรธขนาดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเอ่ยปลอบโยน “มู่หลาน อย่าโกรธเลย สุขภาพของคุณสำคัญ ต่อให้พวกเราจะไม่ได้ไปก็มีคนอื่นไปจัดการภารกิจนี้ ดังนั้นไม่ว่าเราจะไปที่นั่นหรือไม่ก็ตาม ท้ายที่สุดอย่างไรภารกิจก็เสร็จสิ้น”
เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กล่าวเช่นนี้ ฉินมู่หลานชำเลืองมองเขาอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “ฉันรู้แล้วค่ะว่าจะต้องมีคนไปทำภารกิจให้เสร็จสิ้น แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำมากที่สุดก็คือควบคุมกำลังคนของพวกคุณ ครั้งก่อนหากว่ากำลังคนเพียงพอ พวกคุณก็จะไม่ตกอยู่ในอันตราย พวกคนจิตใจเลวร้ายเหล่านี้ลอบกัดคุณเพียงเพราะว่าคุณได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ทำแบบนี้มันมากเกินไปจริงๆ”
“ใช่แล้ว เหยาอี้หนิงจิตใจคับแคบและเจ้าเล่ห์ ดังนั้นภายในอนาคตอยู่ให้ห่างจากเขาก็พอแล้ว”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้พลันหันศีรษะไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่และเอ่ย “งั้นหลังจากนี้คุณเองก็ต้องระวังด้วย ฉันได้ยินมาว่าเหยาอี้หนิงนั้นเป็นคนของตระกูลใหญ่ภายในเมืองหลวง ฉันกลัวว่าเมื่อเขาเกลียดชังคุณแล้วเขาจะยังคงลอบกัดคุณต่อไป”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินคำพูดนี้พลันยิ้มพร้อมกับพยักหน้าและเอ่ย “วางใจเถอะ ผมจะระมัดระวังให้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้บัญชาการอยู่เคียงข้างพวกเรา”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นพูดคุยกับเขาเรื่องที่จะกลับบ้านในช่วงวันปีใหม่
“อาหลี่ ช่วงปีใหม่คุณได้หยุดพักหรือเปล่า?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “หยุดได้ล่ะ เมื่อถึงตอนนั้นผมจะกลับบ้านพร้อมกับคุณ แต่หยุดได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องกลับมาแล้ว”
ฉินมู่หลานรู้ว่างานของเซี่ยเจ๋อหลี่มีความพิเศษ มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะไม่ว่างในช่วงวันหยุดยาว ดังนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อรู้ว่าเขาสามารถกลับบ้านช่วงปีใหม่ได้ แต่ก่อนจะกลับบ้านเกิด เธอวางแผนจะไปยังเมืองหลวงก่อน
“อาหลี่ ที่นี่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงมาก พวกเราไปเยี่ยมพ่อบุญธรรมที่เมืองหลวงก่อนกลับ จากนั้นค่อยซื้อของฝากจากเมืองหลวงกลับไปนะคะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ย่อมไม่เอ่ยคัดค้าน เขาพยักหน้าและเอ่ย “ตกลง”
ฉินมู่หลานดีใจมากที่เซี่ยเจ๋อหลี่ตอบรับเห็นด้วย พูดตามตรงเธออยากเห็นเมืองหลวงในเวลานี้มาก ขณะเดียวกันก็ไปเยี่ยมเจี่ยงสือเหิงได้อีกด้วย อย่างไรเสียก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ถือว่าเป็นการสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า
ทั้งสองคนเอ่ยตกลงกันแล้ว ดังนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่จึงหาเวลาไปทำเรื่องขอลากับเวินโหย่วเหลียงและเตรียมพร้อมกลับบ้านช่วงปีใหม่กับฉินมู่หลาน
เวินโหย่วเหลียงได้ยินคำพูดนั้นก็ยิ้มและเอ่ย “มู่หลานตั้งครรภ์แล้ว อันที่จริงคุณควรกลับไปเป็นเพื่อนหล่อน แต่ว่า……”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เหวิยโหย่วเหลียงเอ่ยด้วยความไม่แน่ใจ “หลังจากมู่หลานกลับไปแล้วยังจะกลับมาไหม?”
ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่พลันยิ้มและเอ่ย “ต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานขนาดนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงคุ้นชินกับการมีฉินมู่หลานอยู่ข้างกายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทรัพยากรทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาลทหารก็ยังดีกว่าที่บ้านเกิด เขาจะต้องพามู่หลานกลับมาด้วยอย่างแน่นอน และช่วงเวลานี้ที่ทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สัมผัสถึงความอบอุ่นของครอบครัวเล็กๆและรู้สึกพอใจกับชีวิตในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
เวินโหย่วเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น
“งั้นก็ดี ผมกลัวว่าหลังจากหมอฉินตามคุณกลับไปแล้วหล่อนจะไม่กลับมาอีก หมอฉินนั้นมีพรสวรรค์ที่ยากจะพบได้ ระหว่างทางกลับคุณจะต้องดูแลหล่อนให้ดี”
“สบายใจได้ครับท่านผบ. ภรรยาของผม แน่นอนว่าผมจะปกป้องหล่อนเป็นอย่างดี”
เวินโหย่วเหลียงพยักหน้าด้วยความไว้วางใจและเอ่ย “งั้นก็ได้ ผมอนุมัติวันหยุดของคุณแล้ว ตอนนี้คุณรีบกลับไปจัดการธุระเถอะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ เขาเอ่ยพูดคุยกับเวินโหย่วเหลียงอีกสองสามประโยค จากนั้นเขาก็จากไป
เมื่อกำหนดแผนการเดินทางแล้ว ทางด้านเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กำลังยุ่งอยู่กับการซื้อตั๋วและจัดเก็บสิ่งของ ส่วนฉินมู่หลานกำลังเขียนต้นฉบับอยู่ที่ตึกพักของครอบครัว
เจียงลวี่ชิวและหม่าชุนเหมยมาหาฉินมู่หลานอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานยุ่งอยู่เสมอก็ไม่ได้เข้าไปรบกวน หลังจากนั้นพวกหล่อนก็มาหาน้อยลงเพราะกลัวว่าจะทำให้ฉินมู่หลานเสียเวลาทำงาน
ฉินมู่หลานอยู่อย่างเงียบสงบคนเดียวภายในบ้าน ตราบใดที่เธอมีเวลาก็มักจะเขียนต้นฉบับ จนกระทั่งเขียนต้นฉบับบทความเสร็จสิ้น เธอก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปในตัวเมืองเพื่อที่จะเข้าไปส่งต้นฉบับและจดหมายที่เธอเขียนให้กับเจี่ยงสือเหิง
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่รู้ว่าฉินมู่หลานต้องการเข้าไปในตัวเมือง เขาก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“มู่หลาน ให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณไหม”
“ไม่ต้องหรอก ฉันคุ้นชินกับเส้นทางเข้าตัวเมืองนั้นแล้ว ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนฉันหรอกค่ะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีกเมื่อเห็นฉินมู่หลานยืนกรานดังนั้น จึงเอ่ยถึงเรื่องการกลับบ้านช่วงปีใหม่แทน
“ท่านผบ.อนุมัติวันหยุดของผมแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราออกเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกัน จากนั้นค่อยกลับไปยังบ้านเกิดนะครับ”
“ตกลงค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
กระทั่งวันถัดมา ฉินมู่หลานนำต้นฉบับและจดหมายเข้าไปภายในตัวเมือง หลังจากทำการส่งสิ่งของทั้งสองอย่างแล้วเธอก็วางแผนจะกลับบ้าน
แต่คาดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับบ้านจะบังเอิญพบกับเริ่นม่านลี่
เมื่อเริ่นม่านลี่เห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็เอ่ยทักทายด้วยท่าทางเย็นชาเป็นอย่างมาก
ฉินมู่หลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งนี้เริ่นม่านลี่เอ่ยทักทายเธอแล้ว สองครั้งก่อนที่พบหน้ากันหล่อนไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลย
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยทักทาย ทว่าฉินมู่หลานกลับไม่ใส่ใจ
……………………………………………………………………………………………………………………….
[1] หนุนคลื่นลมให้สูง หมายถึง ทำให้ปัญหาหรือเรื่องราวแย่มากยิ่งขึ้น
สารจากผู้แปล
ปัญหาใหญ่กำลังมาแล้วสิ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ญาติทางแม่ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องตัวเองหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)