ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 116 โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
ตอนที่ 116 โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
ตอนที่ 116 โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
ลุงเจี่ยงกล่าวจบก็ยิ้มพลางเอ่ยกับลุงเหยาอีกสองประโยค สุดท้ายแล้วก็เอ่ยลา “พ่อบ้านเหยา งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน วันหลังค่อยคุยกันใหม่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลุงเหยาทำได้เพียงพยักหน้า สุดท้ายเขาก็มองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยสายตาล้ำลึกอีกครั้ง
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาย่อมสัมผัสได้ว่าลุงเหยาจ้องมองตนเองด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่ถึงอย่างไรเขาแน่ใจเป็นอย่างมากว่าตนเองไม่เคยพบลุงเหยามาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ
เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่และพวกเขาเดินจากไปไกล ลุงเหยาละสายตากลับมาและหันศีรษะมองเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่พร้อมกับเอ่ย “คุณชายหนิง พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”
เหยาอี้หนิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแค่จ้องมองลุงเหยาและเอ่ยถาม “ลุงเหยา คุณรู้จักเซี่ยเจ๋อหลี่เหรอ แต่เท่าที่ผมรู้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมาเมืองหลวงเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลุงเหยายิ้มและกล่าว “ผมไม่รู้จักเขาหรอก”
“ไม่รู้จัก? แล้วทำไมลุงเหยาถึงได้มองเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่ตลอดเลย?”
ลุงเหยาได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าเขาดูคล้ายกับญาติคนหนึ่งของผม”
เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย ลุงเหยาก็รีบกล่าว “คุณชายหนิง พวกเรารีบกลับกันเถอะ คุณหญิงกำลังรออยู่”
เห็นลุงเหยากล่าวเช่นนี้ เหยาอี้หนิงก็พลันกล้ำกลืนคำพูดและไม่เอ่ยอะไรอีก แต่ภายในใจของเขายังคงสงสัย
ตั้งแต่เด็กจนโตลุงเหยาเติบโตภายในตระกูลเหยา เขาไม่ได้ติดต่อกับญาติเหล่านั้นมาเนิ่นนานแล้ว แม้จะมีญาติที่สนิทสนมเพียงไม่กี่คน แต่หนึ่งปีก็มาไม่เกินหนึ่งครั้ง เซี่ยเจ๋อหลี่ดูเหมือนญาติสนิทของเขางั้นเหรอ คล้ายจนถึงขั้นที่ทำให้สีหน้าของลุงเหยาผู้ไร้ซึ่งอารมณ์นั้นแปรเปลี่ยนไปทันใด?
เริ่นม่านลี่ชำเลืองมองลุงเหยาด้วยความสงสัยเช่นกัน อย่างไรก็ตามหล่อนเพิ่งลงจากรถไฟและต้องการกลับบ้านเพื่อพักผ่อน ดังนั้นจึงมองเหยาอี้หนิงพร้อมกับกล่าว “เอาล่ะ พวกเรารีบกลับบ้านเถอะค่ะ”
เหยาอี้หนิงเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนเร่งเร้ากลับบ้าน ในใจจึงรู้สึกขัดเคือง ติดที่ว่าลุงเหยายังอยู่ตรงนี้ สุดท้ายเขาเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรและเดินตามพวกเขาออกไป
กระทั่งพวกเขาออกมาจากสถานีรถไฟและบังเอิญเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานนั่งอยู่บนรถยนต์คันหนึ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนขับรถคือเจี่ยงสือเหิง จากนั้นรถคันนั้นก็แล่นออกไปในทันที
เมื่อเห็นรถแล่นออกไป สุดท้ายเริ่นม่านลี่ก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“ลุงเหยา เมื่อกี้คุณเรียกเขาว่าเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยง หรือว่าภายในเมืองหลวงนั้นยังมีตระกูลเจี่ยงอื่นอยู่อีกเหรอคะ ก่อนหน้านี้ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาคนนั้นเลย”
เหยาอี้หนิงเองก็หันศีรษะไปมองเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาไม่เคยพบเจี่ยงสือเหิงมาก่อนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงคนนี้เป็นใคร
ลุงเหยาได้ยินคำพูดนี้กลับยิ้มและกล่าว “เมืองหลวงมีตระกูลเจี่ยงเพียงตระกูลเดียว เจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงคนนี้ก็ย่อมเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงที่พวกคุณรู้จัก”
“อะไรนะ…เป็นไปไม่ได้”
ใบหน้าของเริ่นม่านลี่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงไม่ใช่เจี่ยงเฮ่าปั๋วเหรอ เจี่ยงสือเหิงคนนี้คือใคร?”
“เจี่ยงสือเหิงคืออาของเจี่ยงเฮ่าปั๋ว”
“อะไรนะ……”
เริ่นม่านลี่รู้สึกเพียงแค่ว่าเรื่องเหล่านี้อยู่นอกเหนือจินตนาการของหล่อน “เจี่ยงเฮ่าปั๋วอยู่ภายใต้อำนาจของอาเหรอ เขากลับมาได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยง แล้วเจี่ยงเฮ่าปั๋วล่ะ?”
ลุงเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและเอ่ย “เจี่ยงสือเหิงเป็นเจ้าบ้านได้อย่างไรนั้นผมเองก็ไม่รู้ แต่จุดจบของเจี่ยงเฮ่าปั๋วนั้นผมรู้ ครอบครัวของเจี่ยงเฮ่าปั๋วออกจากเมืองหลวงไปแล้ว คาดว่าหลังจากนี้อาจจะไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว”
“นี่……โลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ”
เหยาอี้หนิงที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าคล้อยตามเช่นกัน พวกเขาต่างก็รู้จักเจี่ยงเฮ่าปั๋ว คาดไม่ถึงเลยว่าเพียงพริบตาตระกูลเจี่ยงนั้นจะเปลี่ยนเจ้าบ้านแล้ว
สามคนนั้นพูดคุยกันพลางขึ้นรถและรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเหยา
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานและพวกเขามาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ลุงเจี่ยงก็พาพวกเขาไปยังลานขนาดเล็กที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ
“คุณหนู นี่คือที่พักของคุณ หลังจากที่พวกเรากลับมาแล้วก็ได้ทำการเตรียมเอาไว้”
ฉินมู่หลานจ้องมองการตกแต่งอย่างประณีตภายในลานขนาดเล็กและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ทำให้พ่อบุญธรรมลำบากแล้วค่ะ”
“คุณชายมีความสุขเป็นอย่างมากเลยครับ ไม่นับว่าเป็นความลำบากเลย” ลุงเจี่ยงกล่าว จากนั้นปล่อยให้ฉินมู่หลานและพวกเขาได้พักผ่อนก่อน
หลังจากลุงเจี่ยงเดินจากไป เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานมานั่งพัก “มู่หลาน เหนื่อยไหม?”
ฉินมู่หลานส่ายศีรษะพร้อมกับเอ่ย “ตั๋วตู้นอนไม่ค่อยเหนื่อยหรอกค่ะ ยังไงก็ได้หลับสนิทจนมาถึงที่นี่”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ตอนนี้คุณอยากจะพักผ่อนอีกสักหน่อยไหม?”
“ไม่เอาแล้ว พวกเรานั่งพักสักหน่อยแล้วออกไปเดินดูด้านนอกกัน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ตราบใดที่ภรรยาของเขาไม่เหนื่อยก็พอแล้ว อย่างไรพวกเขาก็นอนมาตลอดทาง อันที่จริงก็ไม่เหนื่อยเท่าไรนัก
หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่นั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็เดินออกมาด้านนอก
เมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นทั้งสองคนเดินออกมา เขาพลันรีบเอ่ย “ทำไมพวกเธอทั้งสองคนไม่พักผ่อนสักหน่อยล่ะ นั่งรถไฟมาจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พ่อบุญธรรม พวกเราซื้อตั๋วตู้นอนมาค่ะ ดังนั้นเลยไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร”
ได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ “งั้นก็ตกลง” ขณะกล่าวก็เอ่ยถามพวกเขาว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง
ฉินมู่หลานเอ่ยถึงเรื่องที่ตนเองไปยังเขตแดนของทหาร
เจี่ยงสือเหิงยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ หลังได้ยินว่าขาของเซี่ยเจ๋อหลี่เกือบจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ เขารีบเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “ตอนนี้หายดีแล้วหรือยัง?”
เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “มีมู่หลานอยู่ด้วย ขาของผมก็ย่อมหายดีอยู่แล้วครับ”
“ฮ่าๆๆ……”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กล่าวชื่นชมเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ จากนั้นตบไหล่เขาและเอ่ย “อาหลี่ เธอโชคดีมากจริงๆที่ได้แต่งงานกับมู่หลาน”
เซี่ยเจ๋อหลี่มีสีหน้าเห็นด้วยแบบไม่โต้แย้งใดๆ
ส่วนลุงเจี่ยงเดินไปยังห้องครัวเพื่อตรวจดูว่าอาหารเย็นจะถูกปากทุกคนหรือไม่โนเวลพีดีเอฟ
กระทั่งลุงเจี่ยงเดินมาอีกครั้ง ฉินมู่หลานก็กำลังพูดคุยกับเจี่ยงสือเหิงเกี่ยวกับแผนการเดินทางของพวกเธอ “พ่อบุญธรรมคะ พวกเราจะอยู่ที่นี่สองวันจากนั้นจะกลับไปยังบ้านเกิด ไม่อาจอยู่ฉลองปีใหม่เป็นเพื่อนคุณได้ ทำได้เพียงแค่อยู่กับคุณก่อนวันขึ้นปีใหม่เท่านั้นน่ะค่ะ”
แม้ในใจจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่เจี่ยงสือเหิงเองก็รู้ว่าพวกเขาจะต้องกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดอย่างแน่นอน “มู่หลาน พวกเธอมาที่นี่ฉันก็มีความสุขมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ได้ตั้งสองวัน ตลอดสองวันนี้ฉันจะพาพวกเธอไปเที่ยวและสัมผัสความครึกครื้นของเมืองหลวง”
“ได้เลยค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มพลางพยักหน้า
เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างนั้นอ้ำๆอึ้งๆ สุดท้ายแล้วก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “มู่หลาน ช่วงนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้นนะ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนี้พลันขมวดคิ้วและมองไปทางเซี่ยเจ๋อหลี่
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเอ่ยอธิบาย “พ่อบุญธรรมครับ มู่หลานกำลังตั้งครรภ์ ช่วงสามเดือนแรกจะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ”
“ก็ใช่ แต่ไปเที่ยวสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร”
เมื่อเห็นท่าทางเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นห่วงฉินมู่หลานมากขนาดนี้ เจี่ยงสือเหิงพลันยิ้มอย่าอดไม่ได้ ดูเหมือนว่าสามีคนนี้ของมู่หลานจะใช้ได้เลยทีเดียว
ใบหน้าของลุงเจี่ยงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำแล้วก็รีบบอกทางห้องครัวให้มาเสิร์ฟอาหาร
ในไม่ช้า ทั้งสามคนก็นั่งกินอาหารด้วยกัน ซึ่งบนโต๊ะอาหารมีอาหารอยู่เต็มโต๊ะ
ฉินมู่หลานกินอาหารเยอะมากและรู้สึกอิ่มมาก
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบรินน้ำให้และบอกให้เธอกินช้าลงหน่อย
ค่ำคืนนี้ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่พักอยู่ที่บ้านตระกูลเจี่ยง ทั้งสองคนนอนหลับสบายและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินเที่ยวเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้
เสิ่นหรูฮวนอยู่ภายในเมืองหลวงเช่นกันและบังเอิญรู้ว่าพวกฉินมู่หลานมายังเมืองหลวงแล้ว หล่อนจึงรีบตรงไปยังบ้านตระกูลเจี่ยงด้วยความตื่นเต้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณชายเจี่ยงเวลาเอาจริงน่าจะโหดอยู่นะเนี่ย กลับมาอีกทีคือถอนรากถอนโคนหลานตัวเองเลย
ไหหม่า(海馬)