ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 126 ลังเลที่จะเอ่ย (2)
ตอนที่ 126 ลังเลที่จะเอ่ย (2)
ตอนที่ 126 ลังเลที่จะเอ่ย (2)
หลังจากนั้นหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็โน้มตัวไปกระซิบที่หูของฉินมู่หลานอย่างมีความสุข “มู่หลาน เงินเดือนของฉันเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้เลื่อนมาเป็นพนักงานเต็มเวลา และสวัสดิการปีใหม่ก็ดีขึ้นมาก ต้องขอบคุณเธอมากเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่ได้ขยับขยายไปไหน ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ทุกวัน”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูด “พี่สะใภ้คะ มันเป็นความพยายามของพี่เองด้วย แล้วช่วงนี้ลุงอวี๋กับคนอื่นเป็นยังไงบ้างคะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ผอ. อวี๋คอยถามฉันตลอดเลย ว่าเธอจะกลับมาได้เมื่อไหร่” ขณะที่พูดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “มู่หลาน หลังปีใหม่เธอจะยังตามอาหลี่ไปที่ฐานทัพอยู่ไหม”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกตามตรง “ใช่ค่ะ หลังปีใหม่ก็จะไปด้วย บ้านที่นั่นตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ฉันไปก็คงจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าฉินมู่หลานจะย้ายไปหลังจากปีใหม่ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าใด
“มู่หลาน ตั้งแต่ที่เธอไป ฉันก็รู้สึกเหมือนที่บ้านขาดอะไรสักอย่าง ตอนที่เธออยู่ที่บ้าน ฉันรู้สึกสบายใจมาก”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนไม่ได้เจอฉินมู่หลานมานานมากแล้ว จึงมีเรื่องพูดคุยกับเธอมากมาย แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ทนไม่ไหว จึงเอ่ยขึ้นอยู่ข้าง ๆ “พี่สะใภ้ครับ มู่หลานยังไม่ได้กินข้าวเช้า หล่อนคงหิวแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็แสดงท่าทางเก้อเขินทันที ก่อนจะรีบปล่อยฉินมู่หลานแล้วเอ่ย “มู่หลาน ฉันดีใจมากที่ได้เจอเธอ เธอรีบไปกินข้าวเช้าก่อนเถอะ พวกเรากินกันเรียบร้อยแล้ว แม่ทำอาหารเช้าไว้ให้พวกเธออยู่บนโต๊ะนะ”
ฉินมู่หลานรู้สึกหิวมาก จึงไม่เกรงใจ ก่อนจะยิ้มแล้วเดินไปกินอาหารเช้าพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่
หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ สุดท้ายฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มีเวลานำของขวัญที่เอากลับมาไปมอบให้กับทุกคนในครอบครัว
เซี่ยเหวินปิงเองก็ได้รับ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “อาหลี่ มู่หลาน ทำไมพวกเธอถึงซื้อของมาเยอะขนาดนี้ล่ะ แค่กลับมาที่บ้านก็ดีแล้ว”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะพูดเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ของพวกนี้ดูแพงมาก คราวหลังพวกเธอไม่ต้องซื้อให้เราหรอก” ของที่หล่อนได้คือเสื้อคลุมขนสัตว์ ซึ่งมันดูแพงมากจนไม่อยากแม้แต่จะสัมผัสมันเสียด้วยซ้ำ และสามีก็ได้ชุดเสื้อสีน้ำเงินตัวใหม่ สไตล์ดูแปลกตามาก
ในส่วนของครอบครัวลูกชายคนโตก็ได้เสื้อผ้าชิ้นใหม่คนละชิ้น ไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่เพิ่มขึ้นมาพวกนี้มีราคาเท่าใดกัน
ฉินมู่หลานได้ยินเหยาจิ้งจือเอ่ย จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่คะ ฉันกับอาหลี่ไม่ได้ซื้อมาหรอกค่ะ เสื้อผ้าพวกนี้พ่อบุญธรรมของฉันฝากมาให้กับทุกคน นอกจากพวกแม่แล้ว ทางครอบครัวฉันก็ได้เหมือนกัน พ่อบุญธรรมเตรียมอย่างอื่นเอาไว้ด้วยนะคะ แต่มันเยอะเกินไป ก็เลยเอามาได้แค่บางส่วน ปีหน้าน่าจะเอามาให้ได้ค่ะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “นี่…มันแพงเกินไปสำหรับเรานะ”
แม้แต่เซี่ยเหวินปิงก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ใช่แล้วล่ะ เสื้อผ้าเยอะแยะขนาดนี้ไม่รู้ว่าหมดไปเท่าไหร่” และนอกจากพวกเขาแล้ว ทางของตระกูลฉินก็มีเหมือนกัน นับว่าแพงเกินไปจริง ๆ
แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “พวกเธอไปเมืองหลวงกันมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ทางนั้นค่อนข้างใกล้กับเมืองหลวง เราก็เลยไปที่นั่นมา อีกอย่างก็เป็นช่วงส่งท้ายปีด้วยด้วย เลยใช้โอกาสนี้แวะไปหาพ่อบุญธรรมมาค่ะ”
เซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับความตื่นเต้นและอยากจะถามว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไร ในขณะเดียวกันก็อยากรู้ว่าพ่อบุญธรรมของฉินมู่หลานทำงานอะไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้น เพราะดูจากคุณภาพของเสื้อผ้าพวกนี้แล้วต้องราคาแพงมากแน่ แล้วไม่ต้องพูดถึงเลยว่ายังมีเสื้อผ้าของตระกูลฉินอีก และคนของตระกูลฉินก็ได้รับกันมากมาย ไหนจะยังมีของขวัญอื่น ๆ ที่มู่หลานบอกว่ากำลังจัดส่งมาอีก
ช่างรวยอะไรขนาดนี้? ให้ของขวัญแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เสี่ยวอวี่ยังเด็กจึงไม่สนใจเรื่องเมืองหลวงมากนัก ในขณะนี้เขากำลังนำเสื้อผ้าชุดใหม่ไปทาบกับร่างกายของเขา พลางคิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้สวยกว่าของพวกเด็กในหมู่บ้านคนอื่นเป็นไหน ๆ
และเมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ถูกแจกจ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปมองแล้วพูดกับเหยาจิ้งจือ “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันกับอาหลี่ขอเอาของไปให้ที่บ้านพ่อกับแม่ฉันก่อนนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าแล้วเอ่ยตามปกติ “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอรีบไปเถอะ”
เมื่อซูหว่านอี๋และฉินเจี้ยนเซ่อเห็นว่าลูกสาวและลูกเขยของพวกเขามา สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “มู่หลาน อาหลี่ พวกลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
จากนั้นพวกเขาก็รีบมองไปที่เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วถามว่า “อาหลี่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบยกยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว มีมู่หลานอยู่ด้วย ผมไม่เป็นไรอยู่แล้วครับ”
เมื่อฉินเจี้ยนเซ่อและซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนที่ซูหว่านอี๋จะคว้าลูกสาวไว้และเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “มู่หลาน ลูกเดินทางไปกลับระหว่างตั้งท้องแบบนี้มันไม่เป็นไรแน่เหรอ?”
“แม่ หนูไม่เป็นไรค่ะ พวกแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าแดงระเรื่อของลูกสาว ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากนั้นฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็แบ่งเสื้อผ้าอีกครั้ง แม้แต่คุณปู่ฉินกับคุณย่าฉินก็ได้เสื้อผ้าพวกนี้ด้วย เมื่อสมาชิกในครอบครัวรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของขวัญที่เจี่ยงสือเหิงซื้อให้ ก็รู้สึกประหลาดใจ
หวังจาวตี้เดินเข้ามาหาฉินมู่หลานด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เธอกับอาหลี่ไปหาพ่อบุญธรรมมาด้วยเหรอ บ้านของเขาใหญ่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ใจป้ำขนาดนี้ล่ะ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เราทุกคนเลย”
ฉินมู่หลานบอกกล่าวเพียงสั้น ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกโนเวลพีดีเอฟ
ซูหว่านอี๋ที่อยู่ด้านข้างแลดูอึดอัดนิดหน่อย หลังจากทราบว่าลูกสาวกับลูกเขยไปที่เมืองหลวง หล่อนก็หันมองลูกสาวด้วยความลังเล แต่เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ตรงนั้นมาก จึงไม่เอ่ยถามอะไรอีก ต้องรอจนกว่าจะไม่มีใคร แล้วค่อยเอ่ยถามลูกสาวอีกครั้ง
เพียงแต่ว่า คุณปู่ฉินกลับสนใจเรื่องการรักษาเซี่ยเจ๋อหลี่ของฉินมู่หลานเป็นพิเศษ จึงพูดคุยกับหลานสาวของเขาอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายหลิวชุ่ยฮวาก็ต้องจ้องมองคุณปู่ฉินก่อนจะเอ่ยว่า “พอแล้วตาเฒ่า มู่หลานท้องอยู่นะ หยุดลากหลานมาพูดเรื่องแบบนี้ได้แล้ว รีบปล่อยให้หลานไปพักผ่อนเถอะ”
เมื่อมองเห็นท้องน้อยของหลานสาว คุณปู่ฉินจึงยอมหยุดพูด
แต่เขาก็มองดูท้องของหลานสะใภ้คนโตและหลานสะใภ้คนรองด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน ปู่จำได้ว่าหลานตั้งท้องเร็วกว่าหวังจาวตี้ไม่กี่วันเองนะ แต่ท้องของหลานมองเห็นได้ชัดแล้ว”
หวังจาวตี้พยักหน้าแล้วพูดต่อ “ใช่แล้วมู่หลาน ฉันยังดูท้องของตัวเองไม่ออกเลย ไม่ต้องพูดถึงของอวี้เฟิ่งที่ท้องช้ากว่าของฉัน ท้องก็เลยยังแบนเรียบอยู่”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ จึงก้มมองท้องของตัวเองและรู้สึกร้อนนิดหน่อย เธอจึงถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะมองออกเพียงนิดหน่อยว่ากำลังตั้งท้อง อันที่จริงเธอเองก็มีข้อสงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน ดูเหมือนว่าท้องของเธอจะดูออกได้เร็วกว่าของคนทั่วไป หากแต่ก็ไม่ได้ชัดมาก เธอจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
“หนูตั้งท้องผ่านไปสามเดือนแล้ว ถึงเวลาแสดงอาการแล้วน่ะค่ะ”
ทุกคนเองก็คิดเช่นกัน จึงไม่เอ่ยพูดอะไร
และในที่สุด ซูหว่านอี้ก็สบโอกาสเอ่ยถามลูกสาวที่ไปเมืองหลวงมา
“มู่หลาน ลูกกับอาหลี่ไปที่เมืองหลวงกันแล้ว ไปทำอะไรมาแล้วบ้าง?”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พ่อบุญธรรมมีอาชีพอะไรคะเนี่ย ทำไมเปย์ไม่อั้นขนาดนี้
คุณแม่ซูมีอะไรกับทางเมืองหลวงเหรอคะ
ไหหม่า(海馬)